คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 868 ไม่มีความยากลำบากใดที่จะเอาชนะข้าได้
ตอนที่ 868 ไม่มีความยากลำบากใดที่จะเอาชนะข้าได้
…………….
หยวนอิงรู้สึกงุนงงอย่างมาก ตลอดชีวิตผีพันปีของนาง นางไม่เคยพบเจอเทียนซือที่หน้าด้านและไม่รู้จักมารยาทเช่นนี้มาก่อน
อะไรกัน ให้พวกเขาผ่านทางยังไม่พอ ตอนนี้นักพรตน้อยคนนี้ยังจะให้นางนำทางอีกหรือ
เรื่องอะไรเล่า นางเป็นถึงผีหญิงชุดแดงพันปี จะไม่รู้จักอายหรือ
ความคิดในใจนั้น เอ่ยออกมาโดยไม่ลังเล
“อาศัยที่ข้าหน้าด้านเป็นอย่างไร” ฉินหลิวซียิ้มตาหยี
หยวนอิงโกรธจัดทว่าหัวเราะ เส้นผมของนางลอยไปมา “นักพรตน้อย เจ้าอย่าคิดได้คืบจะเอาศอกมากเกินไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
“อาเจ้หรือ”
อาเจ้บ้าอะไรกัน คำนี้มันผ่านไปไม่ได้เลยสินะ
“ข้าเป็นบุตรสาวคนเดียว”
“เช่นนั้นก็ท่านป้าใหญ่”
หยวนอิง “…”
ไม่เอ่ยแล้ว มาสู้กันเลย
นางตั้งท่าพร้อมต่อสู้ ฉินหลิวซีเอ่ย “หากเจ้าเต็มใจช่วยเรา ข้าจะพาเจ้ากลับออกจากที่นี่เป็นอย่างไร”
หยวนอิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ดวงตาสีแดงเลือดกลับค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำสวยงาม มองไปยังฉินหลิวซีด้วยความตกตะลึง “เจ้าเอ่ยว่าอะไรนะ”
“ออกจากที่นี่”
หยวนอิงตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “เจ้าอายุยังน้อย หน้าไม่ใหญ่นัก แต่ปากเจ้าไม่ธรรมดา เจ้าจะพาออกได้อย่างไร ที่นี่เข้าได้ง่าย แต่การออกนั้นยาก หากมีทางออก ข้าจะอยู่ที่นี่พันปีได้อย่างไร”
“เจ้าทำไม่ได้แต่ข้าทำได้นี่ ไม่อย่างนั้นข้าจะเข้ามาที่นี่ทำไมกัน หรือว่าข้ารังเกียจอาหารข้างนอกไม่อร่อย บุรุษที่นั่นไม่หล่อเหลา หรือว่ามีเงินไม่พอ ตาบอดแล้ว ข้าถึงมาในที่แห่งนี้เพื่อเอาชีวิตมามอบให้น่ะหรือ”
ทุกคนจนคำพูดมองท้องฟ้า พวกเขาทั้งหมดเป็นบุรุษ ไว้หน้าสักนิดเถิด
หยวนอิงกลับรู้สึกสนใจ มีชายหนุ่มที่หล่อเหลาและอาหารเลิศรส ซู๊ด
นางมองไปยังฉินหลิวซี สังเกตเห็นรอยยิ้มในดวงตาของนาง นึกถึงเสียงที่เกิดจากสิ่งนั้นก่อนหน้านี้ หรี่ตามอง เอ่ย “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อหาคนที่เข้ามาเมื่อสองวันก่อนใช่หรือไม่”
ผีสตรีตนนี้รู้จริงด้วย
ปรมาจารย์ไท่เฉิงและคนอื่นๆ ลุกขึ้นยืนด้วยความร้อนใจ
“ใช่ พี่…สาวงามพาพวกเราไปหาได้หรือไม่ ข้าจะพาเจ้าไปหาอิสระดั่งสายลม” ฉินหลิวซีเอ่ย
หยวนอิงลูบใบหน้า ท่าทางภูมิใจเล็กน้อย “นับว่าเจ้ามีตา”
เพียงแต่นึกถึงความโหดร้ายของเจ้าสิ่งนั้น นางส่งเสียงหยัน “ข้าเตือนพวกเจ้าอย่าได้ไปเลย คนเหล่านั้นตกอยู่ในมือเจ้าบ้าฉังอู๋จี๋นั่น เกรงว่าคงไม่มีโชคแล้ว อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเลย”
ฉินหลิวซีหรี่ตา “ฉังอู๋จี๋คือผู้ใดหรือ”
หยวนอิงมีความรังเกียจปรากฏบนใบหน้า “เขาคือคนบ้าคนหนึ่ง เป็นผู้ฝึกวิชามารที่พวกเจ้าเหล่าเทียนซือเรียกกัน”
“ฉังอู๋จี๋เป็นมนุษย์ อยู่ในที่แห่งนี้หรือ”
หยวนอิงพยักหน้า เอ่ย “ใช่แล้ว”
“เขาทำอะไร หรือว่าเขานำมนุษย์มาทำอะไร” ฉินหลิวซีถามต่อ
หยวนอิงหัวเราะเยาะ “จะฟื้นคืนชีพภรรยาและลูกกระมัง”
“ฟื้นคืนชีพหรือ ยังเป็นภรรยาและลูกด้วย” ปรมาจารย์ไท่เฉิงร้องออกมาด้วยความตกใจ นึกถึงศิษย์น้องของเขาที่เดินผิดทางจนถึงความตายเมื่อไม่นานมานี้ เขาเองก็เคยพยายามที่จะให้ชีวิตกับลูกชายของเขา ทำให้ทุกย่างก้าวผิดพลาดส่งผลถึงความตาย สุดท้ายก็ถูกฉินหลิวซีกำจัด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ไท่เฉิงก็มองไปยังฉินหลิวซีด้วยสายตาซับซ้อน
ฉินหลิวซี เจ้าจะมองข้าทำไม การทำความสะอาดสำนักควรเป็นหน้าที่ของเจ้าสิ ที่ข้าทำก็เพียงช่วยเหลือเท่านั้นเอง
เฉิงหยางจื่อขมวดคิ้วก่อนจะก้าวไปข้างหน้า ทำความเคารพและเอ่ยถามหยวนอิง “ไม่ทราบว่าเทพธิดาจะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพนี้ได้หรือไม่ การฟื้นคืนชีพ คือต้องการฟื้นคืนชีพสองคนหรือ”
ทุกคนสูดหายใจเย็นด้วยความตกตะลึง
พวกเขาตระหนักว่าการฟื้นคืนชีพนั้นเป็นเวทมนตร์ที่ขัดต่อธรรมชาติ การฟื้นคืนชีพคนหนึ่งก็ยากแล้ว นี่ต้องการฟื้นคืนชีพสองคนหรือ
แต่ก็ไม่ใช่ หยวนอิงเอ่ยว่าหนึ่งศพสองวิญญาณ ดังนั้นก็สามารถเอ่ยได้ว่าเป็นการฟื้นคืนชีพหนึ่งคน ขอเพียงร่างมารดามีชีวิต ทารกในครรภ์ก็กลับมามีชีวิตได้ เพียงแต่จะทำได้อย่างไร
ฉินหลิวซีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มใช้วิชาเพื่อค้นหาจิตวิญญาณของหลานโย่ว ไม่นาน ใบหน้าของนางก็เขียวแล้ว
อยู่ในทิศทางเดียวกับเจ้าสุนัขกุ้ยปินจริงด้วย ฉังอู๋จี๋พาหลานโย่วซึ่งเป็นมนุษย์จากโลกอื่นมาที่นี่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของโชคชะตาในการฟื้นคืนชีพ ไม่แน่อาจยัดเขาเข้าไปในท้องของร่างมารดา
ร่างมารดามีจิตวิญญาณของมนุษย์จากโลกอื่น จะฟื้นคืนชีพง่ายมาก
“เพื่อฟื้นคืนชีพภรรยาและลูกของเขา ฉังอู๋จี๋ได้จัดตั้งค่ายใหญ่ ไม่รู้ว่าใช้วิญญาณของชีวิตมากมายเพียงใดเพื่อเซ่นแก่ค่ายนี้ เพื่อต่อชีวิตให้หนึ่งชีวิต เขาเตรียมการนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว” หยวนอิงเอ่ย “เพื่อฟื้นคืนชีพภรรยาและลูกของเขา เขาได้เข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง และตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญ หากพวกเจ้าไปก่อปัญหา อาจจะต้องลำบาก”
ฉินหลิวซีรีบร้อน เอ่ย “พาเราไปที่นั่นสักครั้ง”
“ข้า…”
“เจ้ามักจะหาข้ออ้างเรื่อยไป ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวเขาใช่หรือไม่”
หยวนอิงกระโดดขึ้น “ไร้สาระ ข้าหรือจะกลัวเขา”
ฉินหลิวซีส่งสายตาให้รู้สึกว่าเจ้าเป็นเช่นนั้น
หยวนอิงโกรธจัด เอ่ย “หากข้าเป็นคน ไม่สิ ทำตามหลักการการเป็นผี หากมันไม่เกี่ยวกับข้า ข้าจะปล่อยไป ไม่สนใจเรื่องของคนอื่น อีกอย่างที่นี่ก็มีการแบ่งเขตแดน จะไม่ยุ่งเรื่องของผู้อื่น เว้นแต่จะมีปัญหาเอง”
ฉินหลิวซี “อิสระมันไม่ดีจริงๆ หรือ”
หยวนอิงชะงัก อิสระหรือ พันปีแล้ว ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
“การออกไปจากดินแดนแห่งความว่างเปล่านี้ไม่ง่าย ข้าไม่เชื่อ……”
“ไยฉังอู๋จี๋ถึงสามารถไปมาอย่างอิสระได้” ฉินหลิวซีเหลือบมองนาง “เจ้าไม่เคยคิดถึงคำถามนี้”
หยวนอิงนิ่งเงียบ นางไม่เคยคิดถึงคำถามนี้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยความกลัวได้ นางแก้ต่าง “ฉังอู๋จี๋สามารถจัดตั้งค่ายฟื้นคืนชีพได้ แน่นอนว่ามีฝีมือ เขาสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระก็เป็นวิชาของเขา นักพรตเล็กๆ เช่นเจ้า จะมีฝีมือเท่าเขาหรือ”
ฉินหลิวซี “เจ้าวางใจ ไม่มีความยากลำบากใดที่จะเอาชนะข้าไม่ได้ หากมี นั่นก็คือมันไม่ลำบาก”
หยวนอิงคิดในใจ จะรอดูความสามารถเจ้า
เพียงแต่ก็แค่พาไป ลองดูดีหรือไม่
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะพาพวกเจ้าไปดู แต่ว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้าต่อสู้หรอกนะ อย่าหวังเลย” หยวนอิงเอ่ยด้วยความหยิ่งยโส
“ตกลง” ฉินหลิวซียิ้ม เจ้าโง่หรือ เจ้าไม่ช่วยข้าต่อสู้ หากข้าตาย ผู้ใดจะพาเจ้าไปมีอิสระดั่งสายลมได้
ซู่หมิงมองไปยังฉินหลิวซีที่สามารถล่อลวงศัตรูได้อย่างง่ายดาย จากนั้นมองไปที่หยวนอิงที่ทำท่าทางหยิ่งยโส มุมปากเขากระตุก สะกิดมือเถิงเจาเบาๆ เอ่ย “เจ้าว่า สมองของผีสตรีตนนั้นไม่ดีหรือไม่”
คำของฉินหลิวซีก่อนหน้านี้ กลับหลังแล้วหรือไม่ ผีชุดแดงตนนี้ยังฟังไม่ออกไม่พอ ยังกลายเป็นสหายอย่างโง่เขลาอีก
นี่เป็นกลยุทธ์ใหม่ในการหลอกลวงศัตรูด้วยการเอ่ยที่คลุมเครือแล้วทำให้ศัตรูสับสนหรือ
เถิงเจา ภาษาเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง ทำความเข้าใจสักหน่อย
และหยวนอิงลอยอยู่ข้างหน้า พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง คำเอ่ยของฉินหลิวซีเมื่อครู่นั้นว่าอย่างไรนะ
ไม่มีความยากลำบากใดที่จะเอาชนะข้าไม่ได้
ไม่ใช่ข้าเอาชนะไม่ได้หรอกหรือ พ่อแกเอ๋ย นางโดนเด็กเจ้าเล่ห์นี้หลอกอีกแล้วหรือ