คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 865 มีตาหามีแวว ดูไม่ออกว่านี่คือมหาเทพ
ตอนที่ 865 มีตาหามีแวว ดูไม่ออกว่านี่คือมหาเทพ
ไม่ใช่ค่ายอาคมชั่วร้ายหรือ
ทุกคนงงงัน นี่มันกำแพงปีศาจชัดๆ ถ้าไม่มีอาคมชั่วร้าย ไยพวกเขาจึงทำลายไม่ได้
“นี่ไม่ใช่กำแพงปีศาจหรือ” เสวียนชิงจื่อขมวดคิ้วถาม
“ใช่และไม่ใช่” ฉินหลิวซีเอ่ย “ถ้าเป็นกำแพงปีศาจ พวกท่านปรมาจารย์มีตบะระดับสร้างฐาน ยิ่งเป็นผู้อาวุโสเฉิงหยางจื่อ ยังเกือบถึงระดับสมบูรณ์แล้ว อาศัยพวกท่าน คงไม่มีทางที่จะทำลายกำแพงปีศาจเล็กๆ นี้ไม่ได้”
ปรมาจารย์ไท่เฉิง แม้ว่านี่จะเป็นการชม แต่ข้ารู้สึกเหมือนถูกเย้ยหยัน
เฉิงหยางจื่อลอบตกใจอยู่ในใจ มองไปยังฉินหลิวซีด้วยความระมัดระวังและนับถือมากขึ้น นางมองเห็นระดับพลังของเขา นั่นหมายความว่าระดับพลังของนางต้องสูงไม่ต่ำไปกว่าตน
นางยังเด็กกว่าซู่หมิง ดูอายุราวๆ สิบหกสิบเจ็ด แต่ถึงระดับสร้างฐานแล้วอย่างนั้นหรือ
เฉิงหยางจื่อเหลือบมองศิษย์ของตน มีพรสวรรค์อะไรกัน ไร้สาระ เจ้าก็เป็นเพียงเศษผงที่โดนกำจัดได้ในพริบตาเท่านั้น
ซู่หมิง “?”
ทำไมข้ารู้สึกว่าถูกท่านอาจารย์รังเกียจ
เฉิงหยางจื่ออิจฉาความโชคดีของนักพรตชื่อหยวนที่มีศิษย์เช่นนี้ เป็นโชคดีของชีวิตจริงๆ อิจฉาเสร็จแล้วก็มองฉินหลิวซีด้วยสายตาอ่อนโยน เอ่ยถาม “ไม่ทราบว่านักพรตน้อยหมายความว่าอย่างไร”
“ถึงจะเดินเป็นวงกลม แต่มันไม่ใช่กำแพงปีศาจ แต่เราเข้าสู่เขตแดนเล็กๆ ถ้าไม่พบทางเข้าออก เราก็ทำได้เพียงเดินเป็นวงกลมในเขตแดนนี้”
ทุกคนงง เขตแดนเล็กหรือ
“พวกท่านลองดูข้างหลัง”
เมื่อทุกคนหันไปก็มองเห็นหมอกหนา แม้ว่าฟ้าจะมืด แต่คืนนี้มีแสงจันทร์และดาวยังมองเห็นได้บ้าง แต่ตอนนี้มองไปข้างหลัง เห็นแต่หมอกสีขาวหนาทึบ ไม่เห็นอะไรเลย
ใช่ พวกเขามองไม่เห็นทางที่มา
“นี่…”
“ถ้าอยากกลับไป อย่างไรก็ต้องเปิดทางเข้าให้ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างขี้เล่น
ทุกคน เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะผิดศีลแล้วเอ่ยคำหยาบ นี่ใช่ปัญหาของทางเข้าหรือ เห็นชัดว่าพวกเขาถูกขังไว้ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังไม่อาจผ่านไปได้
“มีเขตแดนเล็กๆ ได้อย่างไร ผู้ใดเป็นคนทำกัน”
“คำถามที่พวกท่านควรถามคือ เขตแดนนี้กันอะไรไว้ และกั้นอะไรไว้” ฉินหลิวซีเอ่ยลึกซึ้งจนยากจะคาดเดา
ซู่หมิงที่อารมณ์ร้อนจนเกือบร้องไห้แล้วกล่าวว่า “เอ่ยมาตรงๆ เถิด ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของข้าที่ดูถูกเจ้า คิดว่าเจ้าเป็นคนไม่ดี เป็นข้าเองที่ตาบอด ไม่รู้จักมหาเทพ”
เขายกมือทำท่าคำนับยอมรับผิด เอ่ยต่อ “ตอนนี้ช่วยบอกเล่าชัดๆ แก่พวกเราทีได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีตบขาด้วยท่าทางขี้เล่นแล้วมองไปยังทิศทางหนึ่งพลางเอ่ยว่า “ครั้งนี้พวกเจ้าอาจจะเจองานยาก อาจจะไม่ได้กลับ ยังอยากไปต่อหรือไม่”
ทุกคนตกใจ “หมายความว่าอะไร”
“เขตแดนนี้กั้นทางนั้น เป็นทางเข้า ซึ่งทางเข้านั้นนำไปสู่ดินแดนแห่งความว่างเปล่า” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เข้าไปในดินแดนแห่งความว่างเปล่า ง่ายที่จะเข้าไป แต่ยากที่จะออกมา พวกเจ้าต้องคิดเอาเอง”
บางคนไม่รู้ว่าดินแดนแห่งความว่างเปล่าคืออะไร แต่ปรมาจารย์ไท่เฉิงและเฉิงหยางจื่อกลับแสดงอาการตกใจสีหน้าเปลี่ยนไป
“ทางเข้าดินแดนแห่งความว่างเปล่าอยู่ที่นี่หรือ ตามตำนานดินแดนแห่งความว่างเปล่าอยู่ในที่รกร้างไม่มีคนอยู่ แล้วไยทางเข้าถึงอยู่ที่นี่เล่า” ปรมาจารย์ไท่เฉิงหน้าซีดไม่ไหวแล้ว
ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ “ดินแดนแห่งความว่างเปล่าไม่ใช่สถานที่ที่มีรูปร่างตายตัว เพราะเป็นพื้นที่ที่ว่างเปล่า ทางเข้าจะมีเพียงทางเดียวได้อย่างไร”
แม้แต่นางเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมีทางเข้าดินแดนแห่งความว่างเปล่าที่นี่
เฉิงหยางจื่อเองก็อธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจว่าดินแดนแห่งความว่างเปล่าคืออะไร มันเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุม ต่อให้ตายในนั้นก็ไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ ทั้งโลกใต้ดิน สวรรค์ และโลกมนุษย์ต่างไม่ยุ่งเกี่ยว
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านี่คือดินแดนแห่งความว่างเปล่า” นักพรตฉังซิงอดถามไม่ได้
ฉินหลิวซีปรายตามองเขา “แน่นอนว่าข้าเป็นคนมีเสน่ห์ คนเห็นคนรัก มีคนส่งข่าวให้ข้า ไม่เหมือนเจ้าหรอก”
นักพรตฉังซิงตบปากตัวเอง “!”
มารดามันเถิด ผู้ใดให้เจ้าปากมาก
ปรมาจารย์ไท่เฉิงกระแอมไอเบาๆ มองไปยังฉินหลิวซี นิ้วของเขาแตะที่ข้างขมับส่งสัญญาณลับๆ พร้อมกับยื่นนิ้วหนึ่งออกมาเพิ่มยันต์หนึ่งแผ่น ทำตัวให้เป็นคนสักหน่อย
โอ้ ตาเฒ่านี้ช่างเป็นคนน่ารักที่สุดในโลก
ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “เขตแดนเล็กๆ นี้สร้างโดยเทพเขาปทุมทองคำ เพื่อกันไม่ให้คนเข้าไป ตอนกลางคืนทางเข้าจะปิด และจะเปิดตอนกลางวัน เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าไปแล้วออกมาเจออันตราย ทางเข้าดินแดนแห่งความว่างเปล่ายิ่งต้องกันไว้ หากเข้าไปแล้วแม้แต่เขตแดนก็ไม่มีผล”
“เทพภูเขาหรือ” ทุกคนตกใจ
“ไม่ใช่สิ ถ้ามีเทพอยู่ที่นี่ ไยจึงมีโครงกระดูกขาวโผล่มา และยังมีค่ายอาคมรวบรวมหยินนี้อีก เทพจะปล่อยให้พวกปีศาจทำลายดินแดนของตนได้อย่างไร” มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเทพภูเขาจะไม่ยอมให้ปีศาจทำลายดินแดนของตน
“เทพภูเขา ต้องมีคนเชื่อนางถึงจะเป็นเทพ ไม่มีผู้ใดเชื่อก็จะหายไป ไม่เช่นนั้นไยพวกท่านทั้งหลายถึงบำเพ็ญเพียร ไม่ใช่เพื่อเต๋า เพื่อบุญกุศลและความเชื่อหรือ เทพภูเขาแห่งนี้ ตั้งแต่แท่นบูชาเล็กๆ ถูกทำลาย ไม่มีผู้ใดเชื่อถือก็หายไป เขตแดนนี้เป็นพลังใจสุดท้ายของนาง เพื่อปกป้องชาวบ้านไม่ให้เข้าไปในดินแดนแห่งความว่างเปล่า”
เมื่อทุกคนได้ยินวาจานี้ ไม่รู้ไยจึงรู้สึกสะเทือนใจ
ซู่หมิงกล่าว “ก็ไม่ถูก ถ้าเทพภูเขาทำเขตแดนนี้ขึ้นมา เช่นนั้นมู่ซื่อจื่อจะเข้าไปได้อย่างไร”
“เจ้าไม่ได้ยินคำว่าพลังใจสุดท้ายหรือ” ฉินหลิวซีมองเขาราวกับมองคนโง่ “พลังสุดท้ายคืออะไร นั่นคือพลังสุดท้ายที่เหลืออยู่ สร้างเขตแดนเล็กๆ ได้ แต่พลังนี้ไม่คงทน มันเองก็จะหายไปตามเทพ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการรักษาเขตแดนนี้ไว้ เจ้าคิดว่านางยังอยู่หรือ มีพลังไม่รู้จบหรือไง”
ฉินหลิวซียกแขนเสื้อขึ้น “เสื้อผ้าใส่นานๆ ก็สึก เขตแดนก็เช่นกัน ไม่มั่นคงก็สลาย ไม่สามารถกั้นได้ โชคร้ายที่เจอเข้าพอดี ก็ต้องโทษดวงไม่ดีเอง”
เข้าใจแล้ว เจ้าหมายถึงมู่ซื่อจื่อโชคร้าย
ฉินหลิวซีรู้สึกเศร้า “เขตแดนเล็กๆ นี้จะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี แล้วจะหายไปตลอดกาล”
นางยื่นมือออกมา เหมือนจะจับความรู้สึกที่อ่อนโยน ความรู้สึกนั้นอ่อนแอจนแทบจะมองข้ามได้ แต่พันอยู่รอบมือของนางไม่ยอมสลาย
ทุกคนเงียบไปอีกครั้ง พวกเขารู้ว่าความหมายคืออะไร เมื่อเขตแดนเล็กๆ นี้หายไปหมายความว่าเทพภูเขาจะหายไปตลอดกาล
นางเคยอยู่ เคยเสียสละ แต่ไม่มีผู้ใดรู้
ปรมาจารย์ไท่เฉิงเอ่ย “ดินแดนแห่งความว่างเปล่า ไม่มีการควบคุม ตามตำนานมีวิญญาณชั่วที่ไม่สามารถไปเกิดใหม่มากมาย แม้มู่ซื่อจื่อจะเข้าไปในที่นั่น ในป่าที่เราหาไม่เจอ หากเข้าไปในดินแดนแห่งความว่างเปล่าก็ยิ่งยาก สหายนักพรตทั้งหลายต้องคิดอย่างถี่ถ้วน พวกองครักษ์ไม่จำเป็นต้องเข้าไป ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าควรไป”
องครักษ์ทั้งยี่สิบคนคิดว่า ถึงเราอยากไป เจ้าก็คงไม่พาไปหรอก เพราะจะเป็นตัวถ่วงเท่านั้น
นักพรตคนอื่นก็ลังเล เมื่อเห็นสายตาของฉินหลิวซีที่คล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม ก็เกือบจะยอมเสี่ยงเป็นวีรบุรุษเพื่อความถูกต้อง
แต่ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค “ข้างนอกมีค่ายอาคมรวบรวมหยินและค่ายอาคมวิญญาณ อาจเป็นคนในดินแดนแห่งความว่างเปล่าที่ทำขึ้น ถ้ามู่ซื่อจื่อถูกวิญญาณชั่วในนั้นจับไป หากเจอตัว คงต้องสู้กันดุเดือด”
ทุกคนรู้สึกเสียวซ่าน