คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 859 ตัดสินใจจะอยู่หรือไป หลานโย่วหายตัวไปอีกครั้ง
- Home
- คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 859 ตัดสินใจจะอยู่หรือไป หลานโย่วหายตัวไปอีกครั้ง
ตอนที่ 859 ตัดสินใจจะอยู่หรือไป หลานโย่วหายตัวไปอีกครั้ง
อย่างไรฉินปั๋วหงก็คาดไม่ถึงว่าหลังจากได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวไม่นานก็ถูกฉินหลิวซีขับไล่ ไม่เพียงไล่แค่เขาคนเดียว แต่ทั้งครอบครัว
“เมืองหลีเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ไม่อาจเทียบกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงได้ ตอนนี้ตระกูลฉินได้รับการกลับคำตัดสินแล้ว ทรัพย์สินก็ได้รับคืน ให้นายท่านผู้เฒ่าอยู่เมืองหลวงคนเดียวก็คงไม่ได้ อย่างไรพวกท่านก็ต้องกลับไปดูแลท่านที่นั่น” ฉินหลิวซีมองดูคนในตระกูลฉินทั้งหมด “ยิ่งไปกว่านั้น หลานไว้ทุกข์หนึ่งปีแล้ว ฉินหมิงเย่ว์ควรได้รับการเลือกคู่ ดูเหมือนจะไม่เหมาะนักที่จะปล่อยให้กลายเป็นหญิงแก่ไม่ได้ออกเรือนสักที ส่วนฉินหมิงมู่ก็เช่นกัน เป็นพี่ชายคนโต หลานชายของตระกูล ควรจะสร้างครอบครัวได้แล้ว”
ฉินหมิงเย่ว์หน้าแดงก่ำ คำเหล่านี้แม้จะฟังดูดี แต่ไยจึงรู้สึกว่ามีสิ่งใดบางอย่างไม่ถูกต้อง ราวกับกำลังถูกรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
ฉินหมิงมู่เองก็หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ก้มหน้าลง
สะใภ้เซี่ยสะกิดแขนของฉินปั๋วกวง
สามพี่น้อง สามครอบครัว ดูเหมือนว่าครอบครัวของฉินปั๋วกวงจะเป็นครอบครัวที่กระตือรือร้นจะกลับเมืองหลวงที่สุด สะใภ้เซี่ยเองก็อยากกลับไปเมืองหลวง เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นสีหน้าของฉินหลิวซี ถูกนางควบคุมทุกที่ไป
ที่สำคัญที่สุดคือ ฉินหมิงเย่ว์ไม่ควรปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปอีกแล้วจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงได้กลายเป็นหญิงแก่ไร้คู่ครองจริงๆ
ฉินปั๋วกวงหันไปมองฉินปั๋วหง “พี่ใหญ่ ท่านคิดเห็นอย่างไร ท่านพ่ออยู่ที่เมืองหลวงคนเดียว ไม่อาจไม่มีใครคอยอยู่ดูแล”
แน่นอนฉินปั๋วหงรู้ปัญหานี้ดี กำลังจะเอ่ยขึ้น สะใภ้หวังพลันเอ่ย “หรือว่า ท่านพี่และน้องรองน้องสามกลับเมืองหลวงไปก่อนดีหรือไม่ เสี่ยวอู่เป็นศิษย์ของเจ้าสำนักศึกษาถัง ต้องอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาจากท่านอาจารย์ ส่วนเยี่ยนเอ๋อร์อาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้น เมืองหลีมีฮวงจุ้ยดี การพักฟื้นที่นี่ไม่เสียหาย ทั้งยังมีซีเอ๋อร์อยู่ที่นี่ เด็กๆ อยู่ ก็ต้องมีผู้ใหญ่คอยอยู่ดูแล ข้าจะดูแลที่นี่เอง”
นี่ชัดเจนว่าไม่อยากกลับไปแล้ว
สะใภ้ใหญ่ไม่กลับจวนเพื่อดูแลงานบ้านงานเรือน นี่มันอะไรกัน
หน้าของฉินปั๋วหงเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ
สะใภ้เซี่ยกลับมีประกายแสงในดวงตา หากสะใภ้หวังไม่กลับไป แล้วผู้ดูแลจวนควรจะเป็นนางใช่หรือไม่ เมื่อแม่สามีไม่อยู่แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่กลับไป ตนเองจะได้ดูแลบ้านอย่างมีความสุข
สะใภ้หวังไม่อยากกลับไปเมืองหลวงจริงๆ หนึ่งเพราะฉินปั๋วหงกำลังอยู่ในช่วงไว้อาลัย พวกเขาเองต้องไว้ทุกข์ ไม่ควรออกไปเข้าสังคมข้างนอก ขืนกลับไปก็ต้องถูกขังอยู่ในบ้าน หากจะออกไปก็เพียงไปไหว้พระในวัดวาอารามแล้วกลับ อยู่เมืองหลีไยจะไม่เหมาะสม
สองน่ะหรือ ลูกทั้งสามคนของพวกเขาบ้านใหญ่ ฉินหลิวซีแน่นอนว่าจะต้องอยู่ที่นี่ ฉินหมิงฉุนก็เป็นศิษย์ของเจ้าสำนักศึกษาถัง ต้องอยู่ศึกษาที่นี้ ส่วนฉินหมิงเยี่ยน เขาเองมีความคิดของตนเอง
แม้ว่าสะใภ้หวังจะหวังให้บุตรชายประสบความสำเร็จ แต่ในใจของนาง ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของบุตรชาย ดังนั้นนางจึงไม่มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันบุตรชายให้เข้าสอบจอหงวนและรับราชการเป็นขุนนาง ลูกๆ สามารถเลือกทางเดินที่ตนเองต้องการได้ ผู้ใดเล่ากำหนดไว้ว่าต้องเข้าสอบจอหงวนเพื่อเป็นขุนนางเท่านั้นจึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ
ฉินหมิงเยี่ยนอยากศึกษาการตัดสินคดีและช่วยเหลือผู้เสียชีวิต ถ้าเขามุ่งมั่นจะศึกษาต่อไป นางก็ยอมให้เขาทำ หลังจากที่ผ่านประสบการณ์ถูกเนรเทศและเกือบเอาชีวิตไม่รอด สะใภ้หวังก็ละทิ้งความคาดหวังนั้นไปแล้ว
สะใภ้หวังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการกลับไปเมืองหลวง ทำให้ฉินปั๋วหงไม่พอใจ ทำให้วั่นอี๋เหนียงรู้สึกไม่สบายใจ ดวงตาน่าสงสารราวกับกวางน้อยมองนาง
นายหญิงใหญ่ไม่กลับไป หมายความว่านางต้องติดตามกลับไปปรนนิบัติตีนหมูใหญ่หรือ
เมื่อก่อนเวลาขุนนางถูกย้ายไปปฏิบัติงานนอกเมือง หากแม่ใหญ่ไม่ติดตามไป ก็มักจะให้ภรรยารองติดตามไปดูแลแทน นางแทบจะเห็นภาพความทุกข์ยากที่นางต้องเป็นผู้ดูแลงานเรือนในจวนแล้ว
วั่นอี๋เหนียงคิดไปไกลแล้ว นึกถึงตอนที่ฉินหลิวซีบังคับให้นางเรียนเขียนหนังสือและตรวจสอบบัญชี ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างไรนะ บอกว่าถึงจะเป็นทรัพย์สินส่วนตัวก็ต้องเข้าใจใช่หรือไม่ แล้วนางเอ่ยตอบอย่างไร
บอกไปว่ามีสาวใช้ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้อยู่แล้ว นางรับผิดชอบเรื่องความงามก็พอ
แต่ตอนนี้หากนายหญิงใหญ่ไม่อยู่ นางต้องตามฉินปั๋วหงกลับไป จะไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องการติดต่อไปมาหาสู่ ต้อนรับแขกและการดูแลเรื่องในบ้านทั้งหมดหรือ
แย่แน่
หากเป็นเช่นนี้ ต้องมาจัดการบัญชีและงานบ้าน แล้วนางจะยังคงสวยงามได้อย่างไร จะเพลิดเพลินกับชีวิตได้อย่างไร จะเป็นดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานได้อย่างไร
วั่นอี๋เหนียงนึกภาพเหล่านั้นชัดเจนขึ้น รู้สึกไม่สบายใจ หันสายตาอ้อนวอนไปทางสะใภ้หวังอีกครั้ง
นายหญิงใหญ่ ได้โปรดสงสารข้าด้วยเถิด
เมื่อรับสายตาน่าเวทนาจากวั่นอี๋เหนียง สะใภ้หวังจึงกระแอมไอเบาๆ เอ่ย “ที่นี่ยังมีร้านผลไม้แช่อิ่มที่ต้องดูแล ให้วั่นอี๋เหนียงอยู่ช่วยจัดการกับข้าดีกว่า เสี่ยวอู่ยังเล็ก ไม่ควรอยู่ห่างจากแม่ผู้ให้กำเนิด”
ฉินปั๋วหง “?”
เจ้าไม่ยอมกลับไปไม่พอ ยังจะให้วั่นอี๋เหนียงของข้าอยู่ที่นี่ด้วยหรือ
หมายความว่า พวกเจ้าห้าคนจะอยู่กันอย่างครอบครัวสุขสันต์ ส่งข้ากลับเมืองหลวงคนเดียวอย่างนั้นหรือ
หน้าของฉินปั๋วหงจากที่เขียวคล้ำก็กลายเป็นดำ
เขากำลังถูกต่อต้านอยู่หรือไม่
กลับมาจากการถูกเนรเทศ ภรรยาและอนุภรรยากลับไม่ให้การต้อนรับอย่างที่คาดหวังไว้ไม่พอ ยังแสดงท่าทีรังเกียจอีก
มีสิ่งใดผิดไปหรือ
วั่นอี๋เหนียงรีบตอบรับเมื่อสะใภ้หวังเอ่ยขึ้น “ข้าฟังนายหญิงใหญ่เจ้าค่ะ”
สีหน้าแสดงความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิดเลย
สะใภ้เซี่ยกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างไม่สบอารมณ์ นี่มันโง่จริงๆ
สะใภ้เฉาแอบมองวั่นอี๋เหนียงด้วยสายตาอิจฉา แม้จะดูเหมือนคนโง่ แต่ชีวิตของนางช่างสุขสบายจริงๆ ในฐานะอนุภรรยาผู้หนึ่ง มีลูกถึงสองคน แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่เหมือนหญิงสาว แต่ถ้าบอกว่ายังอายุเพียงยี่สิบต้นๆ ก็คงมีคนเชื่อ สายตาของนางไม่มีความทุกข์โศกกังวล แถมยังมีแม่ใหญ่คอยปกป้อง ลูกเชื้อสายหลักก็นับถือนาง ลูกแท้ๆ ทั้งสองยังมีความสามารถ
วั่นอี๋เหนียงผู้นี้ นอกจากขาดตำแหน่งนายหญิงใหญ่ นางนับว่าเป็นผู้ชนะในชีวิตอย่างแท้จริง
เพียงแต่ชีวิตที่สุขสบายเช่นนี้ นางจะสนใจตำแหน่งนั้นไปทำไมกัน มีทุกอย่างครบครัน การกินการดื่มไม่ขาดสิ่งใด ผู้คนทั้งเล็กและใหญ่ต่างคุ้มครองนาง ชีวิตของสตรีก็เพียงแค่นี้แล้ว
ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าฉินปั๋วหง ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวจะมีชีวิตที่น่าสังเวช ภรรยาและอนุภรรยาทั้งหลายต่างก็ไม่ต้องการเขา นี่มันประหลาดจริงแท้
ฉินปั๋วหงโกรธจนรูจมูกแทบจะมีควันออกมา เขามองไปทางสะใภ้หวัง เอ่ย “เจ้าเป็นแม่ใหญ่ของบ้าน ไม่กลับไปดูแลบ้านช่องได้อย่างไร”
สะใภ้หวังเอ่ย “ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าได้จากไปแล้ว ท่านพ่อก็อยู่ที่เมืองหลวง น้องชายสองคนและภรรยาของพวกเขาต่างก็กลับไปเมืองหลวง น้องสะใภ้รอง น้องสะใภ้สามช่วยกันดูแลบ้านก็ไม่มีปัญหา”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยู่แล้ว มีเพียงนายท่านผู้เฒ่าที่อยู่ ผู้ใดดูแลบ้านก็ไม่สำคัญ
สะใภ้กู้และฉินปั๋วชิงมองสบตากัน ไม่มีผู้ใดตอบโต้เรื่องนี้ เพราะพวกเขาได้คุยกันแล้ว เขามีข้อจำกัด ไม่สามารถเป็นขุนนางได้ คงจะเหมือนเดิมที่ต้องดูแลเรื่องภายนอกของครอบครัวต่อไป อยากจะทำงานกับพ่อบ้านจ้าวอีกครั้งเพื่อสร้างฐานะให้กับบ้านสามของพวกเขา ถ้าเป็นเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นขุนนาง แต่มีฐานะที่ดี ก็สามารถให้ภรรยาและลูกมีทรัพย์สินส่วนตัวและมีทุนในการเลี้ยงดูเด็กๆ ได้มิใช่หรือ
ดังนั้น จะกลับไปเมืองหลวงหรือไม่ สำหรับพวกเขาก็ไม่ได้ต่างกันนัก
ฉินปั๋วหงยังคงอยากจะระบายความโกรธ แต่ถูกฉินหลิวซีจ้องมองอย่างเย็นชา ทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปถึงหลังคอ ไม่เอ่ยปาก
เขาค่อนข้างกลัวบุตรสาวผู้นี้
ฉินหลิวซีแค่นเสียงหยัน หันไปเห็นฉีหวงกวักมือเรียกอยู่ข้างนอก จึงเอ่ย “เอาเช่นนี้เถิด ตัดสินใจให้เร็วแล้วกลับไปกันเถิด”
นางเดินออกไป ฉีหวงบอกว่าหลานซิ่งมาแล้ว จึงชะงักไปโดยไม่รู้ตัว
หลานซิ่งรออยู่ที่เรือนด้านข้าง ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นนางพลันรีบวิ่งเข้ามา
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว มองไปที่ขวดวิญญาณในมือของเขา เอ่ยถาม “หลานโย่วหายไปแล้วหรือ”
ในขวดนี้ว่างเปล่า ไม่มีวิญญาณใดอยู่ หลานโย่วหายตัวไปอีกครั้ง