คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 641 ความดื้อรั้นของหลัวอวิ๋นซี
ตลอดหลายวันต่อมา ฉินอวี้โม่และทุกคนพักอยู่ในบริเวณจวนเจ้าเมืองเลี่ยหยาง
เมื่อทราบว่าพวกนางเป็นแขกของหลัวหมิงฮ่าว ชาวเผ่าทั้งหลายต่างก็แสดงความเป็นมิตรและให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน หลัวจื้อเลี่ยผู้นำของเผ่าเลี่ยหยางและตู้ซีรั่วภรรยาของเขาก็เป็นมิตรและสุภาพยิ่งกว่า
หลัวหมิงเฟยแวะเวียนมาพูดคุยกับกลุ่มของฉินอวี้โม่เป็นครั้งคราว ทว่าหลัวอวิ๋นซีหาข้ออ้างหลากหลายประการเพื่อมายังที่พักของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออย่างไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่าจุดประสงค์ของนางชัดเจนในตัวอยู่แล้ว
สำหรับการกระทำอย่างเปิดเผยของนาง หลัวหมิงฮ่าวเองก็รู้สึกจนปัญญา ไม่คิดเลยว่าน้องเล็กของตนจะรบกวนและสร้างปัญหาให้กับหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ถึงเพียงนี้ ทว่าในทางกลับกัน ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย ไม่ว่านางจะพยายามหาข้ออ้างเพื่อมาพบมากเพียงใด หานโม่ฉือก็ไม่เคยเสียเวลาพบกับนาง แม้บางคราที่ต้องพบหน้ากันโดยบังเอิญ เขาก็ไม่เอ่ยปากกล่าวสิ่งใดและสีหน้าความเย็นชาของเขาก็เป็นการปฏิเสธที่ชัดเจนอย่างยิ่ง
“จิ๊จิ๊จิ๊ โม่ฉือ แม่นางผู้นั้นไม่ยอมแพ้เลยจริง ๆ นางมาที่นี่อีกแล้ว”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกำลังพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ อยู่ในห้องหนึ่งเมื่อสั่วซีหย่าเข้ามากระซิบบอกว่าหลัวอวิ๋นซีมาที่นี่อีกเช่นเดิม
“ข้าไม่เคยให้ความหวังใด ๆ กับนาง”
หานโม่ฉือกล่าวพร้อมยิ้มให้ฉินอวี้โม่อย่างหยอกเย้า
“ชิ ! เจ้าก็ลองให้ความหวังกับนางดูสิ !”
ฉินอวี้โม่ตอบโต้ทันควันและน้ำเสียงฟังดูหึงหวงเล็กน้อย
สีหน้าท่าทางเช่นนี้ของฉินอวี้โม่ทำให้หานโม่ฉือจดจ่อสายตาไปที่นางครู่หนึ่งและอดยิ้มอย่างเอาอกเอาใจไม่ได้
“คุณชายโม่ฉืออยู่รึไม่ ?”
เสียงหวานของหลัวอวิ๋นซีดังขึ้นมาจากนอกประตู ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ นางพยายามใช้น้ำเสียงอ่อนหวานและวาจาสุภาพเพื่อดึงดูดความสนใจของหานโม่ฉือเสมอเพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าตนเป็นกุลสตรีที่อ่อนหวานน่าหลงใหล
“ฮ่า ๆ ๆ องค์หญิงน้อยมาที่นี่อีกแล้ว”
ฉินอวี้โม่ซึ่งนั่งอยู่ข้างกายหานโม่ฉือกล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยและส่งสัญญาณให้หลัวอวิ๋นซีเข้ามา
“ท่านลุงกำลังจัดงานเลี้ยงในสวน ข้าจึงอาสามาเชิญพวกท่านด้วยตัวเอง”
หลัวอวิ๋นซีเมินเฉยต่อฉินอวี้โม่อย่างไม่ไว้หน้า นับตั้งแต่ก้าวเข้ามา สายตาของนางก็จับจ้องอยู่ที่หานโม่ฉือเพียงผู้เดียวเท่านั้นและไม่ละสายตาไปที่ใด
“เข้าใจแล้ว เราจะรีบไป”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นได้ตรงเวลาพอดิบพอดี นางต้องการพบหน้าและเสวนากับหลัวจื้อเลี่ยอีกครั้ง ถึงอย่างไรตอนนี้พวกนางก็มั่นใจแล้วว่าเขาคือบิดาของสั่วซีหย่า ทว่าไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด ผู้นำเผ่าเลี่ยหยางผู้นี้จึงจดจำสั่วซีหย่าและมารดาของนางไม่ได้ แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เขาออกไปนอกชนเผ่าเอลฟ์ก็เช่นกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ราวกับว่าเขาไม่เคยพานพบกับสิ่งเหล่านั้นและไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมันอยู่เลย
“องค์หญิงเล็กไม่ต้องรอพวกเราหรอก เชิญท่านไปก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นหลัวอวิ๋นซีนั่งลงอย่างสบาย ๆ ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและกล่าวออกไป
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่มีอะไรทำพอดี และการอยู่คนเดียวก็น่าเบื่อหน่ายมาก ข้ารอไปพร้อมกับพวกท่านทั้งสองจะดีกว่า”
หลัวอวิ๋นซีเข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่เป็นอย่างดีทว่านางไม่คิดที่จะทำตามนั้น ในทางกลับกัน นางคลี่ยิ้มและตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ฉินอวี้โม่แอบยื่นมือไปหยิกเอวของบุรุษคนรักอย่างอับจนปัญญา องค์หญิงเล็กของชนเผ่าเอลฟ์ผู้นี้หน้าทนและไร้ยางอายอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากเตรียมตัวเล็กน้อย กลุ่มคนทั้งสามก็ออกเดินมุ่งหน้าไปยังสวนของจวนเจ้าเมืองเลี่ยหยาง
สั่วซีหย่าและหลัวหมิงฮ่าวล่วงหน้าไปที่สวนก่อนแล้วและกำลังรอทั้งสามอยู่ที่นั่น
“คุณชายโม่ฉือ หลายวันที่ผ่านมานี้ท่านคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้วหรือยัง ?”
หลัวอวิ๋นซีก็ไม่ลืมที่จะสรรหาหัวข้อสนทนาเพื่อชวนหานโม่ฉือพูดคุยและกล่าวด้วยน้ำเสียงตีสนิท
“ฮ่า ๆ ๆ ขอบคุณองค์หญิงเล็กที่เป็นห่วง ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ สามีของข้าย่อมอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ”
หานโม่ฉือไม่เอ่ยตอบ ทว่ากลับเป็นฉินอวี้โม่ที่กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มและควงแขนหานโม่ฉือด้วยท่าทางประกาศความเป็นเจ้าของ
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ หลัวอวิ๋นซีก็ไม่แสดงท่าทางโกรธเคืองแต่อย่างใด นางเพียงคลี่ยิ้มและกล่าวต่อ “ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่อไม่มีปัญหากับการอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ทว่าเผ่าของข้าก็มีทิวทัศน์สิ่งแวดล้อมที่งดงามไม่ด้อยไปกว่าที่นี่เลย หากมีเวลาว่าง เชิญคุณชายโม่ฉือไปที่เผ่าของข้าหลังจากนี้เถิด ข้าจะให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเชียว”
นางกล่าวคำเชื้อเชิญออกไปโดยตรงด้วยหวังว่าหานโม่ฉือจะตกคำรับปากนาง ต้องกล่าวเลยว่านางมิใช่คนที่จะเอ่ยคำเชิญชวนผู้ใดได้ง่าย ๆ ผู้ใดที่ได้รับเชิญจากองค์หญิงเล็กแห่งชนเผ่าเอลฟ์ด้วยตัวเองเช่นนี้ควรรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“ขอโทษ ข้าไม่มีเวลา”
หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสและปฏิเสธอย่างไม่ลังเล เขาไม่มีเวลาว่างที่จะเตร็ดเตร่เที่ยวชมทิวทัศน์ในเผ่าใด ๆ และยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องทำ นอกจากนี้เขาและโม่เอ๋อร์วางแผนที่จะมีบุตรอีกหนึ่งคน แน่นอนว่าทั้งสองไม่มีเวลาสนใจเรื่องไร้สาระและคนไร้ความสำคัญเหล่านี้
เมื่อหานโม่ฉือปฏิเสธอย่างไม่ไยดี ในที่สุดสีหน้าของหลัวอวิ๋นซีก็เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม นางเป็นคนเจ้าเล่ห์จอมวางแผนไม่น้อยและปรับสีหน้ากลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
เป็นครั้งแรกในเวลาหลายวันที่สายตาของนางบรรจบลงที่ฉินอวี้โม่ หลัวอวิ๋นซีกล่าวพร้อมรอยยิ้มเสแสร้ง “แม่นางอวี้โม่และคุณชายโม่ฉือพบกันตั้งแต่เมื่อใดรึ ?”
ในเมื่อหานโม่ฉือเมินเฉยนางอย่างเปิดเผย นางก็เปลี่ยนเป้าหมายขณะพยายามเอ่ยถามเรื่องราวและความเป็นมาของเขาจากคนอื่น ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องครองใจโม่ฉือและทำให้เขาตกลงปลงใจเป็นสามีของข้าให้ได้ !
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องบอกเรื่องนี้กับองค์หญิงเล็ก”
ฉินอวี้โม่กล่าวตอบโดยไม่มีความคิดที่จะบอกสิ่งใดให้อีกฝ่ายทราบ หากต้องการทราบเรื่องราวของสามีนางจากปากของนาง อย่างน้อยหลัวอวิ๋นซีผู้นี้ก็ต้องคุกเข่าและอ้อนวอนนางเสียก่อน
“ข้าเพียงสงสัยใคร่รู้เท่านั้น หากแม่นางอวี้โม่ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร”
หลัวอวิ๋นซีขุ่นเคืองกับคำตอบของฉินอวี้โม่เล็กน้อย ด้วยสถานะสูงส่งของนางในชนเผ่าเอลฟ์ การที่องค์หญิงเล็กเอ่ยวาจากับผู้ใดก็ถือว่าเป็นเกียรติสำหรับคนผู้นั้นมากพอแล้ว ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้จะไม่เห็นหัวนางแม้แต่น้อย การกระทำของสตรีผู้นี้ไร้มารยาทอย่างที่สุด
“ดูจากความแข็งแกร่งแล้ว แม่นางอวี้โม่ก็น่าจะยังไม่บรรลุขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุด ทว่าอย่างน้อยคุณชายโม่ฉือก็มีพลังอยู่ในขอบเขตนภาเซียน การที่ท่านยืนอยู่เคียงข้างกายของคุณชายโม่ฉืออยู่เสมอ เคยมีผู้ใดบอกรึไม่ว่าท่านทั้งสองไม่เหมาะสมกัน ?”
หลัวอวิ๋นซีกล่าววาจาเหน็บแนมเสียดสีว่าความแข็งแกร่งที่ด้อยกว่าของฉินอวี้โม่ไม่คู่ควรกับผู้ทรงพลังอย่างหานโม่ฉือ
“ฮ่า ๆ ๆ นี่มิใช่สิ่งที่องค์หญิงเล็กต้องกังวล ต่อให้พลังของข้าจะไม่มากเท่าสามี ทว่าโม่ฉือก็รักข้าเพียงคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านคิดจะเอาใจและคิดอยากเป็นนางสนมของสามีข้าละก็…ท่านก็ต้องพยายามอ้อนวอนข้าและรอให้ข้าอนุญาตเสียก่อน”
ต้องกล่าวเลยว่าถึงแม้หลัวอวิ๋นซีจะถือว่าไม่อ่อนแอ นางก็ยังด้อยกว่าฉินอวี้โม่อีกมาก หากฉินอวี้โม่คิดประจันหน้ากันจริง องค์หญิงหกผู้นี้ก็ไม่มีทางเทียบชั้นได้อย่างแน่นอน
เพียงประโยคเดียวของฉินอวี้โม่ก็ทำให้หลัวอวิ๋นซีเข้าใจทุกอย่างได้ รวมถึงความรักมากมายที่หานโม่ฉือมีต่อนาง เมื่อได้ยินชัดเจนเช่นนี้แล้ว นางหวังว่าหลัวอวิ๋นซีจะไม่คิดทำสิ่งใดเกินเลย
หลัวอวิ๋นซีรู้สึกคับแค้นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินประโยคเหล่านี้ นางไม่มีทางยอมเป็นสนมของผู้ใดเด็ดขาด หากนางได้หานโม่ฉือมาครองจริง ๆ นางก็ต้องการเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเขาเท่านั้น สำหรับสตรีที่น่ารังเกียจผู้นี้ หากนางอารมณ์ดี หลัวอวิ๋นซีก็อาจไว้ชีวิตนาง ทว่าหากอารมณ์ไม่ดี นางก็จะจับฉินอวี้โม่ไปทรมานอย่างแสนเจ็บปวดเพื่อสั่งสอนให้สำนึกว่าชะตากรรมของผู้ที่ริอาจกล่าววาจาไม่ไว้หน้าองค์หญิงเล็กนั้นเป็นอย่างไร
ในขณะพูดคุยกันระหว่างเดินทาง ทั้งสามก็มาถึงสวนของจวนเจ้าเมืองเลี่ยหยาง เวลานี้สั่วซีหย่า หลัวหมิงฮ่าว หลัวหมิงเฟยและคนอื่น ๆ ก็กำลังนั่งสนทนากันอยู่ข้างในนั้น
หลัวจื้อเลี่ยและตู้ซีรั่วผู้เป็นเจ้าบ้านยังไม่ปรากฏให้เห็น คาดว่าพวกเขาน่าจะกำลังเตรียมความพร้อมอยู่
เมื่อเห็นกลุ่มคนทั้งสามมาถึง สั่วซีหย่าก็รีบเดินออกมาต้อนรับพร้อมรอยยิ้มกว้างทันที “นายหญิง นายท่าน”
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านทั้งสองมาช้าจริง ๆ”
หลัวหมิงเฟยเดินออกมาทักทายฉินอวี้โม่อย่างสุภาพเช่นกัน
ทว่าหลัวหมิงฮ่าวเพียงส่งยิ้มให้กับหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่โดยไม่กล่าวสิ่งใด เวลานี้เขาได้ส่งคนออกไปจับตาดูสถานการณ์ภายนอกแล้วและหากเกิดเรื่องใดขึ้นจะมีคนกลับมารายงานให้เขาทราบในทันที หลัวหมิงซีเองก็กำลังจับตาดูการเคลื่อนไหวของหลัวหมิงรุ่ยอยู่เช่นกัน เพราะเหตุนั้นหากเกิดเรื่องใดที่คฤหาสน์องค์ชายใหญ่ ฉินอวี้โม่และสหายจะได้ทราบอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น การที่หลัวหมิงเฟยและหลัวอวิ๋นซียังอยู่ที่นี่ นั่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่ายังไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับชนเผ่าเอลฟ์ในช่วงหลายวันนี้
ทุกคนนั่งลงเรียงรายกันทีละคน ไม่นานหลังจากนั้น หลัวจื้อเลี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นมาในระยะที่ห่างออกไปและกำลังเดินตรงเข้ามา ทว่าครานี้ตู้ซีรั่วมิได้อยู่ข้างกายของเขา
“ฮ่า ๆ ๆ วันนี้เป็นวันที่อากาศดีจริง ๆ ข้าจึงอยากเชิญพวกเจ้ามาพูดคุยกันสักหน่อย หวังว่าจะไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของพวกเจ้าทั้งหลาย”
หลัวจื้อเลี่ยยังคงกล่าวพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเดิม
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านลุง ไม่มีปัญหาเลยเจ้าค่ะ”
หลัวอวิ๋นซียิ้มตอบด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านลุงผู้นี้อย่างมาก
“จะว่าไปแล้ว…ท่านป้าล่ะขอรับ ?”
หลัวหมิงฮ่าวเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อไม่เห็นตู้ซีรั่วในครานี้
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านป้าของเจ้าไปเยี่ยมบิดามารดาของนาง เดิมทีข้าก็ตั้งใจจะไปด้วยเช่นกัน ทว่าในเมื่อพวกเจ้ามาเยี่ยมเยือนถึงที่ นางจึงบอกให้ข้าอยู่ดูแลพวกเจ้าอยู่ที่นี่”
หลัวจื้อเลี่ยไม่ปิดบังและอธิบายพร้อมรอยยิ้ม สีหน้าและแววตาของเขาบ่งบอกถึงความพึงพอใจที่มีต่อภรรยาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินว่าตู้ซีรั่วไม่อยู่ ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและสั่วซีหย่าก็มองหน้ากันและเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจทันที เห็นทีวันนี้จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลองเชิงหลัวจื้อเลี่ย
“ท่านพี่ ข้าไม่ได้ประชันฝีมือกับท่านมานานแล้ว อยากรู้นักว่าตอนนี้ฝีมือของท่านพัฒนาไปถึงไหน เราไปหาที่ประมือกันสักหน่อยจะดีหรือไม่ ?”
หลัวหมิงฮ่าวยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวชวนหลัวหมิงเฟย
“ดีเลย ข้าเองก็ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานาน ขอดูหน่อยเถอะว่าพัฒนาการของน้องห้าเป็นอย่างไรบ้าง”
หลัวหมิงเฟยมองน้องชายอย่างใช้ความคิดราวกับคาดเดาจุดประสงค์ได้ ทว่าเขาก็มิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
ทั้งสองก็บอกกล่าวกับหลัวจื้อเลี่ยก่อนและลุกขึ้นแยกตัวไปที่ลานประลองในบริเวณจวนทันที หลัวจื้อเลี่ยเพียงบอกให้พวกเขาระมัดระวังกันด้วย ทว่าไม่ขัดขวางแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกัน ฉินอวี้โม่ก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้กับหานโม่ฉือผู้ซึ่งขมวดคิ้วมุ่นตอบโต้ด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก ทว่าเมื่อนางมองเขาด้วยแววตาดุดันเกรี้ยวกราดเพื่อบังคับให้เขาร่วมมือ หานโม่ฉือก็ยอมพยักศีรษะเบา ๆ และเตรียมลุกขึ้นไป
“คุณชายโม่ฉือ ท่านลุงเคยบอกว่าดอกบัวเบ่งบานในสวนงดงามอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าท่านต้องการไปชมความงามของมันด้วยกันกับข้าหรือไม่ ?”
หลัวอวิ๋นซีลุกขึ้นและกล่าวเชื้อเชิญหานโม่ฉือ
“โม่ฉือ ในเมื่อองค์หญิงเล็กกล่าวเชิญเช่นนี้แล้ว ไปเที่ยวชมเป็นเพื่อนนางสักหน่อยเถอะ”
ฉินอวี้โม่แสร้งกล่าวอย่างเป็นมิตร หากมิใช่เพราะแผนการที่วางไว้ นางไม่มีทางปล่อยให้บุรุษคนรักไปกับหลัวอวิ๋นซีเพียงลำพังแน่
“เข้าใจแล้ว”
หานโม่ฉือเพียงพยักศีรษะและกล่าวสั้น ๆ ก่อนเดินนำหน้าออกไปทันที หลัวอวิ๋นซีรีบจ้ำอ้าวตามเขาไปอย่างรวดเร็วและใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ
เวลานี้ ณ ศาลาในสวนหลงเหลือเพียงฉินอวี้โม่ สั่วซีหย่าและหลัวจื้อเลี่ยเท่านั้น
.