คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 542 จดหมายเชิญจากสมาคมช่างหลอม
ด้วยเวลาที่ล่วงเลยไปนาน บนเทือกเขากายสิทธิ์ ผู้คนส่วนใหญ่จึงไปจากที่นี่แล้วและเหลือเพียงกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นซึ่งยังออกสำรวจไปรอบ ๆ เทือกเขากายสิทธิ์เพื่อดูว่าพวกเขาจะได้สมบัติล้ำค่าใดติดมือกลับไปหรือไม่
เวลาล่วงเลยไปถึงเจ็ดวันกว่าที่ฉินอวี้โม่จะขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวออกมา
นางและคนอื่น ๆ อยู่ในสระกายสิทธิ์นานถึงเจ็ดวันเต็ม
เวลานี้เยว่ชิงเฉิงและสหายคนอื่น ๆ ก็ทะลวงพลังสำเร็จและบรรลุถึงขอบเขตพสุธาเซียนอย่างเต็มตัวแล้ว
เมื่อพบกับหานโม่ฉือ แน่นอนว่าทุกคนก็มีความสุขอย่างยิ่ง
“อวี้โม่ ครานี้ท่านลุงฉินไม่ได้ส่งคนมาที่เทือกเขากายสิทธิ์ วิหารทมิฬและขุมกำลังอื่น ๆ ที่เป็นมิตรกับเราก็เช่นกัน หากเจ้าอยากพบพวกเขา เจ้าคงต้องเดินทางไปหาพวกเขาด้วยตัวเอง”
เนื่องจากไม่ได้พบฉินเทียนและคนอื่น ๆ ดังที่คาดหวังไว้ แน่นอนฉินอวี้โม่ก็ต้องผิดหวังเป็นธรรมดา เยว่ชิงเฉิงก็เหมือนจะคาดเดาได้ถึงความรู้สึกของสหาย นางจึงกล่าวเพื่อปลอมประโลมให้สหายสบายใจ
“อีกอย่าง… เจ้าวางแผนอย่างไรต่อไป ? เจ้าต้องการไปที่นครล่าฝันกับพวกเราและไปพบท่านอธิการ รวมถึงสหายคนอื่น ๆ รึไม่ ?”
โอวหยางชิงเฟิงกล่าวถามพร้อมรอยยิ้มสดใสเช่นเดิม หากมู่อวิ๋นและคนอื่น ๆ ทราบว่าพวกเขาได้พบกับฉินอวี้โม่ที่เทือกเขากายสิทธิ์ครานี้ พวกเขาเหล่านั้นจะต้องดีใจมากแน่ ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่ทราบเลยก็คือตั้งแต่พวกเขาเดินทางมาที่เทือกเขากายสิทธิ์แห่งนี้ มู่อวิ๋นและคนอื่น ๆ ก็ได้รับข่าวของฉินอวี้โม่จากอู่ซิงแล้ว
“ไม่ เจ้ากลับไปและแจ้งให้ท่านอธิการทราบก่อนเถอะ ข้ายังต้องกลับไปที่ดินแดนทางเหนือและจัดการบางสิ่งบางอย่าง ข้าจะไปพบพวกเขาในภายหลัง”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะและกล่าวปฏิเสธไป
พันธมิตรดินแดนเหนือเพิ่งก่อตั้งขึ้นได้เพียงไม่นานและมิอาจทราบเลยว่านิกายหงส์มังกรจะสร้างปัญหาใดขึ้นมาหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางต้องกลับไปจัดการสะสาง ในเวลานี้ นางจึงยังไม่สามารถเดินทางไปพบอธิการมู่อวิ๋นที่นครล่าฝันพร้อมโอวหยางชิงเฟิงและคนอื่น ๆ ได้
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าและคนอื่น ๆ จะกลับไปแจ้งข่าวดีให้พวกเขาทราบก่อน พวกเขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่จะได้พบกับเจ้า”
เยว่ชิงเฉิงพยักศีรษะเบา ๆ เช่นกัน นางทราบดีว่าสหายของตนเป็นถึงผู้ปกครองของดินแดนทางเหนือและย่อมมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการสะสาง
“ถ้าเช่นนั้นเราแยกกันเลยก็แล้วกัน หลังจากข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ข้าจะไปหาพวกเจ้าที่นครล่าฝันอย่างแน่นอน”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมยิ้มบาง การแยกจากกันเพียงสั้น ๆ ครานี้ก็เพื่อการพบกันที่ยาวนานยิ่งกว่าในภายภาคหน้า นางทราบความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี
“ได้เลย พวกเราจะรอเจ้านะ”
เยว่ชิงเฉิงโผเข้ากอดฉินอวี้โม่พร้อมกล่าวร่ำลาก่อนมุ่งหน้ากลับนครล่าฝันพร้อมกับคนอื่น ๆ
ฉินอวี้โม่เองก็เดินทางกลับดินแดนทางเหนือพร้อมหานโม่ฉือ วังหลงและอสูรมายาทั้งหลายเช่นกัน
เดิมทีคนทั้งหมดจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน ทว่าทั้งห้าคนจากกลุ่มของวังหลงตระหนักว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่ได้พบกันเนิ่นนานและคงมีเรื่องราวมากมายให้พูดคุยกัน พวกเขาจึงเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าออกไปก่อน
ฉู่เจี๋ยก็ดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสองอยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวโดยปล่อยให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมีเวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกัน
“โม่เอ๋อร์ ข้าโชคดีจริง ๆ ที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”
หานโม่ฉือจับมือบางของคนรักไว้แนบแน่นขณะมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่รีบร้อน
แม้ทราบดีว่ายังมีอุปสรรคสิ่งกีดขวางมากมายที่รอพวกเขาอยู่ข้างหน้า แต่นั่นก็ไม่สามารถรบกวนช่วงเวลาแห่งความรักใคร่ในช่วงสั้น ๆ ของทั้งสองได้เลย
“ข้าก็เช่นกัน”
รอยยิ้มแห่งความสุขประดับบนใบหน้างดงามของฉินอวี้โม่ และนางก็รู้สึกวางใจคลายกังวลเพียงแค่มีหานโม่ฉืออยู่ข้างกาย
“โม่ฉือ หลังจากนี้ข้าจะไปที่ตระกูลหานกับเจ้า”
‘ตระกูลหาน’ คือหนึ่งในตระกูลลับเก่าแก่ของดินแดนเทพมายาและมีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของหานโม่ฉือ เวลานี้ไม่แน่ชัดว่าบิดามารดาของหานโม่ฉือเป็นตายร้ายดีอย่างไร มีเพียงการเดินทางไปที่ตระกูลหานเท่านั้นที่จะไขปริศนาและคลี่คลายข้อสงสัยที่มีได้
“ตกลง”
หานโม่ฉือพยักศีรษะตอบรับและแน่นอนว่าไม่คัดค้านแต่อย่างใด เขาไม่ต้องการแยกจากสตรีคนรักหรือต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความโหยหาตรอมใจอีก
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็มิใช่เรื่องเร่งด่วน เขาได้ส่งหนึ่งในอสูรมายาของตนไปเพื่อสืบเสาะหาเบาะแสเบื้องต้นเกี่ยวกับตระกูลหานแล้ว เมื่อเรื่องต่าง ๆ ในฝั่งของฉินอวี้โม่ได้รับการจัดการและสถานการณ์มั่นคงขึ้นแล้ว ทั้งสองจะเดินทางไปที่นั่นด้วยกัน
“อีกอย่าง… ข้าก็ได้พบกับเสี่ยวโร่วแล้ว ตอนนี้นางสบายดีและแข็งแกร่งขึ้นมาก คาดว่าตอนนี้นางและพี่ใหญ่คงจะได้พบกันแล้ว ข้าคงได้เป็นน้องสะใภ้ในอีกไม่นาน”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงข่าวคราวเกี่ยวกับญาติสนิทมิตรสหายทั้งหลายของตนและทราบว่าพวกเขาสบายดี
“โอ้ นั่นเป็นเรื่องดี”
หานโม่ฉือพยักศีรษะเบา ๆ ทว่ายื่นแขนแข็งแกร่งออกไปคว้าร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น
ขณะเอนกายพิงบุรุษคนรัก หัวใจของฉินอวี้โม่ก็มีความสุขอย่างที่สุด นางเงยหน้ามองบุรุษน้ำแข็งที่เคยเยือกเย็นทว่าในเวลานี้มีเพียงรอยยิ้มอบอุ่น
“อ๊ะ~ !”
จู่ ๆ หานโม่ฉือก็โน้มศีรษะลงมาใกล้ ประกบริมฝีปากกับฉินอวี้โม่และเริ่มรุกล้ำอย่างเร่าร้อน
ฉินอวี้โม่ชะงักเล็กน้อยในตอนแรกทว่าตอบสนองอย่างรวดเร็ว
หลังจากจุมพิตที่เร่าร้อนและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ความสุขในหัวใจของทั้งสองก็เบ่งบานยิ่งกว่าเดิม
“โม่เอ๋อร์ ในอนาคตมีลูกให้ข้าอีกสักคนเถอะ ครานี้ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าไม่ห่างตั้งแต่ต้น ข้าจะเฝ้ามองดูลูกของเราที่เอ่ยพูดคำแรกออกมาและดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
จู่ ๆ หานโม่ฉือก็กล่าวขึ้นอย่างไม่มีเกริ่นนำ การที่ต้องพรากจากบุตรก่อนหน้านี้ทำให้ความรู้สึกผิดฝังลึกในใจของเขา
“ได้สิ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ และกล่าวต่อ “แต่ข้าต้องบอกไว้ก่อน ครานี้เจ้าต้องอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลาและอย่าห่างจากข้าแม้เพียงสิบก้าว จากนั้นเจ้าต้องช่วยข้าทุกอย่างที่ข้าต้องการ อย่าทำให้ข้าต้องหงุดหงิดหรือเสียใจเด็ดขาด”
“ไม่มีปัญหา และมิใช่แค่ช่วงเวลาตั้งครรภ์เท่านั้น ทุกเวลาต่อไปในภายภาคหน้า ทุกช่วงเวลาของเจ้าจะมีข้าอยู่เคียงข้างเสมอไม่ห่างไปไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะจับมือของเจ้าไว้และไม่มีวันปล่อยไป”
หานโม่ฉือพยักหน้าอย่างหนักแน่นและกล่าววาจาเอาใจ สำหรับโม่เอ๋อร์ของเขา…เขาจะดูแลนางและจับมือไว้ข้างกายตลอดเวลา
“โม่ฉือ เจ้านี่เอาใจข้าเก่งจริง ๆ เลย”
เมื่อได้ยินวาจาเอาอกเอาใจของบุรุษคนรัก จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกอายเล็กน้อย หานโม่ฉือทั้งทรงพลังกว่านางและเอาใจเก่งกว่านางเสียอีก
“ข้าย่อมต้องเอาใจเจ้า เพื่อไม่ให้บุรุษคนใดแย่งเจ้าไปจากข้าได้”
หานโม่ฉือเพียงยิ้มและกล่าวอย่างติดตลก
“พรืดดด !”
ฉินอวี้โม่อดหัวเราะพรืดออกไปไม่ได้ หานโม่ฉือในแบบสบาย ๆ และร่าเริงเช่นนี้ก็ถือว่าดีไปในอีกแบบ
“พี่อวี้โม่ พี่เขยโม่ฉือ เจ้าหนูทั้งสองเรียกหาป่าป๊าหม่าม๊าใหญ่แล้ว”
ทันทีที่ใบหน้าของหานโม่ฉือโน้มลงมาใกล้ฉินอวี้โม่อีกครั้ง เสียงของฉู่เจี๋ยก็ดังขึ้นขัดจังหวะพอดิบพอดี
ฉู่เจี๋ยอุ้มเด็กน้อยทั้งสองในอ้อมแขนและออกมาทันเห็นการเคลื่อนไหวของหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่เมื่อครู่
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีระเรื่อเล็กน้อยและรีบหันหน้าหนีไปพร้อมกล่าวอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “เอ่อ… เชิญท่านทั้งสองตามสบาย ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“มาเถอะ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างจนปัญญา หลังจากร่างกายของฉู่เจี๋ยฟื้นฟูกลับสู่สภาวะปกติ ลักษณะนิสัยของเขาก็สดใสร่าเริงกว่าก่อน ยิ่งกว่านั้นเขายังชื่นชอบเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่มากจึงคอยช่วยดูแลเด็กน้อยทั้งสองตลอดเวลา
ฉู่เจี๋ยยิ้มอย่างมีความสุขและเดินเข้ามาหาฉินอวี้โม่พร้อมเจ้าตัวน้อยทั้งสองในอ้อมแขน
“เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้เจ้าหนูทั้งสองอยู่กับพี่อวี้โม่และพี่เขยแล้ว ดูเหมือนว่าวังหลงและคนอื่น ๆ ก็กำลังเผชิญหน้ากับอสูรมายาบางตัวอยู่เบื้องหน้า ข้าจะไปช่วยพวกเขาก่อน”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“พ่อหนุ่มนี่… ฮ่า ๆ ๆ”
ฉินอวี้โม่มิอาจสรรหาคำพูดใดที่เหมาะสม นางเพียงมองไปในทิศทางที่ฉู่เจี๋ยวิ่งออกไปและอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้
หานโม่ฉือเองก็ยิ้มกว้างเช่นกันขณะรับบุตรน้อยทั้งสองมาจากฉินอวี้โม่
“ป่าป๊า~ เล่านิทาน ๆ~”
เด็กน้อยทั้งสองเข้ากับหานโม่ฉือได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และมักคะยั้นคะยอให้เขาเล่านิทานหรือเรื่องสนุก ๆ ให้ฟังเป็นประจำ
“ประเดี๋ยวอากิเลนจะพาพวกเจ้าไปเล่นสนุก ดีรึไม่ ?”
หานโม่ฉือยิ้มกว้างและบีบแก้มนุ่มของเสี่ยวอ้ายโม่ด้วยความมันเขี้ยว
“ดีเลย… อากิเลน~ บินบิน~”
แน่นอนว่าทั้งเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่พยักหน้าหงึกหงักและตอบตกลงทันที ทั้งสองชื่นชอบกิเลนอัคคีและรู้สึกถูกชะตากับมันมาก
จากนั้น กิเลนอัคคีก็ออกมาจากมิติเชื่อมอสูรของหานโม่ฉืออย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวอ้ายฉือ เสี่ยวอ้ายโม่ อากิเลนจะพาพวกเจ้าไปหาไข่นกกัน”
กิเลนอัคคีกล่าวก่อนรับเจ้าหนูทั้งสองมาจากอ้อมแขนของหานโม่ฉือและมุ่งหน้าออกไป เวลานี้เหลือเพียงฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออีกครั้ง
“ทีนี้ก็ไม่มีใครรบกวนเราอีกแล้ว”
หานโม่ฉือยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และประกบปิดปากฉินอวี้โม่ไว้อีกครั้ง
หลังจากจุมพิตดูดดื่มยาวนาน ฉินอวี้โม่ก็อดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้ บุรุษน้ำแข็งผู้นี้เจ้าเล่ห์ขึ้นมากทีเดียว
สถานการณ์ระหว่างการเดินทางดำเนินไปเช่นนี้เรื่อย ๆ โดยที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเดินทิ้งท้ายอย่างช้า ๆ อยู่ข้างหลัง ทั้งสองหยอกเย้ากันดั่งคู่รักข้าวใหม่ปลามันและไม่ต้องการแยกจากกันแม้เพียงเสี้ยวอึดใจเดียว
หลังจากเดินทางนานเกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดทุกคนก็มาถึงเมืองฉางอานในดินแดนทางเหนือ
ดินแดนทางเหนือเวลานี้ยังคงเงียบสงบเช่นเคยและดูเหมือนไม่มีเหตุร้ายหรือเรื่องวุ่นวายใดเกิดขึ้น
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่กลับมา ทุกคนในดินแดนทางเหนือต่างก็มีความสุขมาก ยิ่งเมื่อทราบว่าฉินอวี้โม่ได้พบกับหานโม่ฉือแล้ว ฉินเฟิงก็ดีใจกับศิษย์น้องอย่างแท้จริง
ภายในห้องโถงประชุม ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือ ฉินเฟิง ซวงเสวี่ย ฮั่วชิงซาน อู่หลิวเฟิงและคนอื่น ๆ นั่งเรียงกันเป็นลำดับ
พวกเขาเริ่มจากการแสดงความยินดีกับฉินอวี้โม่ที่ทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตพสุธาเซียนได้และการได้ของดีมาจากสระกายสิทธิ์ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้
ในช่วงที่ผ่านมานี้ ดินแดนทางเหนือถูกโจมตีหลายครั้งหลายครา หลงจื้อและคนอื่น ๆ ไม่ยอมเลิกราวีจริง ๆ และส่งคนมาหาเรื่องสร้างความวุ่นวายให้กับฉินเฟิงและคนอื่น ๆ ในดินแดนทางเหนืออย่างไม่หยุดหย่อน
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีฉินเฟิงเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง แน่นอนว่าไม่มีเรื่องเลวร้ายใดเกิดขึ้น คนเหล่านั้นกลับไปพร้อมความพ่ายแพ้อย่างราบคาบทุกครั้งและไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ต่อดินแดนนี้ได้เลย
“เมื่อไม่กี่วันนี้ มีข่าวว่าจู่ ๆ นิกายหงส์มังกรและอารามโชติช่วงก็มีเรื่องบาดหมางขัดแย้งกัน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้บรรยากาศระหว่างทั้งสองขุมกำลังก็คุกรุ่นมากและอาจนำไปสู่สงครามก็เป็นได้ หลังจากเกิดเรื่องนั้น คนจากนิกายหงส์มังกรก็หายไปมากและดินแดนทางเหนือของเราก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง”
ซวงเสวี่ยรายงานข่าวสารพร้อมรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้เขาก็คิดว่าอาจจะเกิดการปะทะครั้งใหญ่ขึ้นมาได้ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับเป็นเพียงปัญหากวนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างช่วงที่ผ่าน นิกายหงส์มังกรและอารามโชติช่วงก็มีเรื่องขัดแย้งกัน พวกเขาจึงไม่มีเวลามาสนใจดินแดนทางเหนือ
ฉินอวี้โม่เป็นคนวางแผนเรื่องนี้เองและสิ่งที่เกิดขึ้นก็อยู่ในความคาดหมายของนาง อย่างไรก็ตาม ไม่มีความเป็นไปได้ว่านิกายหงส์มังกรและอารามโชติช่วงจะต่อสู้กันจริง ๆ แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาบาดหมางกันชั่วคราว ทว่าหลังจากเวลาผ่านไป ทุกอย่างจะกลับสู่ปกติอีกครั้ง ฉินอวี้โม่เพียงต้องการยืดเยื้อเวลาออกไปก็เท่านั้น นางไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ทั้งสองขุมกำลังต่อสู้กันได้จริง
เมื่อทุกคนได้ยินคำบอกเล่าจากฉู๋เจี๋ยเกี่ยวกับแผนการของฉินอวี้โม่ในสระกายสิทธิ์ก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างพยักหน้าอย่างใช้ความคิดและแววตาฉายชัดถึงความชื่นชมที่มีต่อฉินอวี้โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ คาดว่านิกายหงส์มังกรคงจะคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นแผนการของฉินอวี้โม่ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่มีทางทราบได้เลยว่าตอนนี้ภายในนิกายหงส์มังกรมีสายลับหลายคนที่แอบแฝงตัวอยู่
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง และเรื่องนี้ศิษย์น้องจะต้องเป็นคนตัดสินใจเอง”
ฉินเฟิงยิ้มบาง ๆ ขณะยื่นจดหมายฉบับหนึ่งในกับฉินอวี้โม่
“นี่คือจดหมายเชิญจากสมาคมช่างหลอม มันระบุว่าช่างหลอมทรงพลังหลายคนจะไปรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ของสมาคม ส่วนเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงก็ไม่ได้มีระบุไว้ในนั้น”
หลังจากกล่าวเพียงคร่าว ๆ ฉินเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ฉินอวี้โม่อ่านจดหมายเชิญดังกล่าวพลางใช้ความคิดอย่างเงียบ ๆ
.
Related