คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 12 ยูนิคอร์นสีนิล
อสูรมายาตัวนั้นมีรูปร่างคล้ายอาชาตัวใหญ่ทว่ามีเขาแหลมยาวเขาเดี่ยวที่มีรูปร่างเป็นเกลียวงอกขึ้นตรงส่วนที่เป็นหน้าผาก ร่างกายกำยำของมันมีสีดำทมิฬแต่กลับดูสูงส่งและสง่างาม มันมีปีกคู่หนึ่งซึ่งเป็นสีดำมืดเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ อยู่บนหลัง และมันมีกลิ่นอายที่ให้ความรู้สึกถึงความสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ เพียงลมหายใจที่ปลดปล่อยออกมาก็สะกดสายตาทุกคู่ได้ มันคือเป้าหมายหลักของภารกิจในครั้งนี้ สิ่งมีชีวิตที่พวกเขากำลังตามหา อสูรมายาระดับศักดิ์สิทธิ์เก้าดาราแห่งบึงสายหมอกในตำนาน — ยูนิคอร์นสีนิล
“ฮี้~!”
— กุบ กุบ กุบ —
ยูนิคอร์นสีนิลร้องและเตะไปมาพื้นอย่างต่อเนื่อง ดวงตาดำทมิฬจับจ้องอยู่ที่สตรีเพียงผู้เดียวในกลุ่มทหารรับจ้างด้วยสายตาแปลกประหลาด
ร่างอันปราดเปรียวพุ่งผ่านสายหมอกได้ในพริบตารวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด ยูนิคอร์นสีนิลพุ่งตรงเข้าหาฉินอวี้โม่ในทันที!
ดูเหมือนว่าฉินอวี้โม่จะถูกยูนิคอร์นสีนิลเพ่งเล็งเข้าให้แล้ว ร่างกายของนางไม่สามารถเคลื่อนไว้ได้คล้ายถูกตรึงไว้กับที่ อดีตนักฆ่าสาวได้แต่ยืนนิ่งมองยูนิคอร์นสีนิลที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด แม้ว่าสีหน้าจะไม่มีร่องรอยแห่งความกลัวปรากฏอยู่ แต่ทว่าในใจของนางเวลานี้กำลังตื่นตระหนกไม่น้อย
— ปัง! —
ก่อนที่อสูรมายาระดับสูงสุดแห่งบึงสายหมอกจะเข้าถึงตัวนาง ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินเสียงดัง *ปัง* เกิดขึ้น ร่างหนาของบุรุษสูงใหญ่ปรากฏตัวตรงหน้านางและขวางทางยูนิคอร์นสีนิลที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงไว้
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วแน่น คนที่พุ่งปราดเอาตัวเข้ามาบังร่างของนางก็คือหานโม่ฉือ มนุษย์น้ำแข็งผู้เงียบขรึมพูดน้อย!
“เจ้าสัตว์ร้าย หลีกไปให้พ้น!”
หลินจิ้งหงเปล่งเสียงข่มขู่ดุดัน เขาปรากฏตัวขึ้นข้างๆ หานโม่ฉือและสาดสายตามองยูนิคอร์นสีนิลอย่างเย็นชา
— ชริ้ง! —
จู่ๆ หานโม่ฉือก็ชักกระบี่ออกมาจากฝัก ประกายแสงเย็นๆ วาดผ่านอากาศให้เห็น
“วู้~…”
ยูนิคอร์นสีนิลคำรามใส่ฉินอวี้โม่อีกครั้ง ก่อนที่มันจะบินขึ้นฟ้าไปและหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในฐานะที่เป็นถึงอสูรมายาระดับศักดิ์สิทธิ์เก้าดารา มันจึงมีสติปัญญาสูงส่ง
หานโม่ฉือและหลินจิ้งหงเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง หากมันเลือกเข้ามาปะทะกับพวกเขาตรงๆ แม้ว่าจะสามารถเอาชนะได้แต่ตัวมันเองก็คงจะบาดเจ็บมิใช่น้อย มันจึงเลือกหลีกเลี่ยงการต่อสู้และบินหนีไปแทน
ทว่าในใจของฉินอวี้โม่กลับรู้สึกแปลกประหลาด เพราะในขณะที่ถูกเจ้ายูนิคอร์นสีนิลตัวนั้นจ้องมอง นางไม่สามารถสัมผัสหรือรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารหรือจิตมุ่งร้ายจากตัวมันได้เลย ตรงกันข้ามแววตาของมันกลับดูคล้ายกำลังอ้อนวอน
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เมื่อยูนิคอร์นสีนิลหนีไปแล้ว หลินจิ้งหงก็เดินมาหยุดข้างกายฉินอวี้โม่ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเครียด น้ำเสียงของเขาเจือแววแห่งความกังวลอยู่เล็กน้อย
“ข้าไม่เป็นไร”
ฉินอวี้โม่ส่ายหน้าตอบผู้นำแห่งสมาคมทหารรับจ้าง และในตอนนั้นเองอดีตคุณหนูคนงามก็เหลือบไปเห็นมนุษย์น้ำแข็งหานโม่ฉือกำลังมองมาที่ตัวนางกับหลินจิ้งหงด้วยสายตาเรียบเฉย เย็นชา…… ‘มนุษย์น้ำแข็งจริงๆ สินะ เย็นชาเสมอต้นเสมอปลายเลยจริงๆ’
……..ทว่าสาวน้อยกลับไม่รู้เลยว่า เหตุผลที่อีกฝ่ายจ้องมองนางเป็นเพราะเขาเองก็เป็นห่วงนางไม่แพ้หลินจิ้งหงเช่นกัน……
หลินจิ้งหงพยักหน้าก่อนจะหันไปมองยังทิศที่ยูนิคอร์นสีนิลหนีหายไปและกล่าวขึ้น “น่าสนใจจริงๆ ยูนิคอร์นสีนิลตัวนี้ ปกติแล้วจะยิ่งกว่าล่องหนเสียอีกนะ ยากมากที่จะมีผู้ใดหาตัวมันพบ ไม่คิดเลยว่าวันนี้ยังไม่ทันที่เราจะตามหาตัวมัน มันกลับปรากฏตัวออกมาให้เห็นก่อนแล้ว”
นักผจญภัยทั่วทั้งใต้หล้าไม่ว่าผู้ใดต่างก็ทราบดีว่ายูนิคอร์นสีนิลอาศัยอยู่ที่บึงสายหมอกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีโอกาสได้เห็นตัวมันจริงๆ กลับมีอยู่น้อยนิดและน้อยเสียจนสามารถนับด้วยนิ้วมือข้างเดียวได้ นอกจากนี้ยูนิคอร์นสีนิลตัวนี้ก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถ้าต้องเผชิญหน้ากับมันตรงๆ ต่อให้มั่นใจในพลังของตัวเองมากแค่ไหนแต่หากยังอยู่ในขอบเขตที่ไม่สูงพอ หลายคนก็มักจะเลือกวิ่งหนีเอาตัวรอดมากกว่าพุ่งเข้าต่อสู้
“พอลองคิดๆ ดูแล้ว ยูนิคอร์นสีนิลเป็นสัตว์เพศผู้….หรือว่ามันจะรู้ว่าวันนี้เราพาสาวงามมาด้วย มันก็เลยจงใจมาที่นี่เพื่อดูให้เห็นกับตา!”
หลินจิ้งหงเดินวนรอบตัวฉินอวี้โม่พลางแกล้งมองสำรวจทั่วทั้งตัวนางขึ้นๆ ลงๆ บุรุษหนุ่มหน้าตาสุภาพแต่กำลังทำท่าทางไม่สุภาพกล่าววาจาหยอกเย้านาง
“แต่ข้าคิดว่าบางทีอาจจะเพราะฮอร์โมนของหนุ่มสำอางอย่างเจ้ามากกว่าที่รุนแรงเกินไปเลยดึงดูดให้ยูนิคอร์นสีนิลเข้ามาหา”
ฉินอวี้โม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจหยอกล้อเพื่อทำลายบรรยายแห่งความตึงเครียดและตื่นกลัว ดังนั้นแล้วเมื่อรับรู้ได้ถึงความหวังดีนี้ นางจึงจงใจหยอกล้อเขากลับเช่นกัน
“ฮอร์โมนรุนแรงรึ? ฮอร์โมนรุนแรงคืออะไร? ข้าไม่เข้าใจความหมายของมัน”
หลิงจิ้งหงทอแววตางุนงง ‘ฮอร์โมนคือสิ่งใด เหตุใดเขาถึงไม่เคยได้ยินคำคำนี้มาก่อน…แล้วเขา ‘สำอาง’ งั้นหรือ? เขาว่าหากเปลี่ยนเป็น ‘เจ้าสำราญ’ อาจจะถูกต้องมากกว่า’
เมื่อได้ยินคำถามและได้เห็นใบหน้าแสนงุนงงของหลินจิ้งหง ฉินอวี้โม่ก็รู้ตัวว่ากำลังเผลอใช้คำผิดไป ที่นี่ไม่ใช่ศตวรรษที่ 21 ที่เธอจากมา ดินแดนนี้ไม่ใช่โลกใบเดิมของเธออีกต่อไปแล้ว โลกทั้งสองใบนั้นแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมายและมีพลังวิเศษที่เรียกกันว่าพลังมายา แต่ในโลกแห่งนี้ผู้คนไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็แตกต่างจากในศตวรรษที่ 21 ที่มีพลังมายาเพียงน้อยนิดบางเบา แต่มีพลังแห่งวิทยาศาสตร์เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์หลากหลาย ดังนั้นก็ไม่แปลกนักที่คนที่นี่จะไม่รู้จักคำว่าฮอร์โมน และเธอผู้มาจากศตวรรษที่ 21 ก็ตื่นตาตื่นใจกับเหล่าอสูรมายาและพลังมายาของมนุษย์ ถ้าหากไม่ใช่เพราะความทรงจำของคุณหนูสี่คนเดิม บางทีตอนที่ได้เห็นหลินจิ้งหงกับหานโม่ฉือปล่อยคลื่นพลังเข้าใส่อสูรมายาเธออาจจะตกใจจนเป็นลมไปเลยก็ได้
“มันหมายถึงเจ้าเป็นคนหล่อเหลาจนถึงขั้นที่ดึงดูดยูนิคอร์นสีนิลมาได้เลยไงละ”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของฉินอวี้โม่ หลินจิ้งหงก็พยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ แม้ว่าจะค่อนข้างชอบใจกับสิ่งที่หญิงสาวกล่าว แต่เขาก็ยังงุนงงกับความหมายของคำว่าฮอร์โมนอยู่ดี ….. ‘หล่อเหลาเขาก็ชอบอยู่ หล่อเหลาแล้วดึงดูดใครต่อใครได้ก็ฟังดูดี แต่ เอ…เขาพลาดอะไรไปหรือไม่นะ?’
“ไปตามทิศนี้ แล้วลองตามลมหายใจของมันไป พวกเราอาจจะหาตัวยูนิคอร์นสีนิลเจอก็ได้”
หานโม่ฉือกล่าวขึ้นมา ก่อนจะเดินนำทุกคนไปยังทิศทางที่ยูนิคอร์นสีนิลหายตัวไป ถึงแม้ยูนิคอร์นสีนิลจะหายตัวไปแล้ว แต่ก็ยังพอหลงเหลือกลิ่นลมหายใจบางๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของยูนิคอร์นอยู่ นี่เป็นร่องรอยเดียวที่จะช่วยให้พวกเขาติดตามมันได้
หลังจากเดินตามกลิ่นลมหายใจของยูนิคอร์นสีนิลมาได้ไม่นานนัก ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากป่าด้านหน้า