คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 108 ความเอาใจใส่
“รุ่นน้องฉินอวี้โม่ ข้าต้องขอโทษด้วยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นข้าไม่ดีเองขอเจ้าอย่าได้ถือสา”
แม้จะยโสโอหังแต่จีหย่งก็ไม่ได้โง่ เมื่อได้ยินวาจาแฝงคำข่มขู่ของหานโม่ฉือเขาก็ก้าวออกไปตรงหน้าฉินอวี้โม่แล้วกล่าวคำขอโทษทันที ถึงภายในใจจะต่อต้านเพียงใดแต่เวลาเช่นนี้เขาต้องรู้จักรักษาชีวิตของน้องชายก่อน
“จีหย่ง นี่เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดใช่หรือไม่?”
หานโม่ฉือจ้องมองจีหย่งก่อนจะกล่าวออกไปด้วยเสียงที่เย็นชา
“พูด ? พูดอะไร ?”
เมื่อจีหย่งได้ยินคำถามของหานโม่ฉือ เขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี และลางสังหรณ์นั้นก็บอกว่าในวันนี้เขาอาจต้องสูญเสียบางสิ่งหรือไม่ก็อาจจะถึงขั้นเจ็บตัว
“จีหย่ง การเอื้อนเอ่ยวาจาหาเฉลยความในใจ เจ้าพูดออกมามันก็เพียงลมปาก และข้าก็รู้สึกว่าเจ้ากำลังขออภัยไปตามมารยาทเท่านั้น ทำเช่นนี้ข้าเกรงว่าโม่เอ๋อร์ของข้าคงจะไม่ชอบใจ และนางต้องรู้สึกผิดหวังมากเป็นแน่”
มุมปากของหานโม่ฉือยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มร้าย มนุษย์น้ำแข็งผู้เคยพูดน้อยมาวันนี้พูดจาเล่นลิ้นมากมายกับคนที่มีจุดประสงค์จะรังแกสตรีของเขา และด้วยความเงียบงันที่ปกคลุมอยู่ก็ทำให้ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นทั้งหมดได้ยินวาจาของเขาเต็มสองหู และทุกคนก็พอจะคาดเดาได้ว่าหานโม่ฉือกำลังเรียกร้องบางอย่างให้ฉินอวี้โม่
ใบหน้าของจีหย่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่ได้โง่ คำพูดของหานโม่ฉือตรงไปตรงมา และมันหมายความว่า ‘เจ้าต้องเอาอะไรบางอย่างออกมาชดเชย ไม่เช่นนั้นข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ’
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเข้าใจเจตนาของหานโม่ฉือ แต่จีหย่งก็ยังลังเล บุรุษผู้กำลังตกที่นั่งลำบากนิ่งเงียบเพื่อไตร่ตรอง เขาไม่อยากจะเสียสิ่งใดไปแต่ก็ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับหานโม่ฉือ อีกทั้งท่านอธิการที่เคยช่วยเขาไว้ก่อนหน้านี้ก็นิ่งสนิทไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามาข้องเกี่ยวอีก
ทุกถ้อยคำของหานโม่ฉือและปฏิกิริยาทุกอย่างของจีหย่ง ล้วนอยู่ในสายตาของนักเรียนเกือบทั้งหมดในโรงเรียนราชสำนักที่อยู่ที่นี่ ซึ่งพวกเขาทุกคนต่างก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่หัวเราะออกมา วันนี้เพียงแค่ได้เห็นจีหย่งยืนสั่นงันงกอย่างควบคุมไม่ได้พวกเขาก็มีความสุขกันมากแล้ว ในโรงเรียนราชสำนักมีผู้ที่เคยถูกจีหย่งรังแกอยู่ไม่น้อย ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อลดทอนความเคืองแค้นได้เลย ดังนั้นเหตุการณ์วันนี้จึงเสมือนเป็นการระบายความอัดอั้นของพวกเขา พวกเขาต่างก็รู้สึกขอบคุณทั้งฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ
มุมปากของฉินอวี้โม่ยกตัวเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ เรื่องนี้หานโม่ฉือลงมือโดยพลการ ยังไม่ทันที่นางจะได้กล่าวสิ่งใดมนุษย์น้ำแข็งผู้โหดเหี้ยมของนางก็หันมามองและกะพริบตาเป็นสัญญาณ การที่หานโม่ฉือทำเช่นนี้ถือเป็นการ ‘ส่งสารเตือน’ ทุกคนไปด้วย และในอนาคตคงไม่มีผู้ใดในโรงเรียนราชสำนักแห่งนี้กล้าหาเรื่องฉินอวี้โม่อีกแล้ว ซึ่งนี่นับว่าช่วยฉินอวี้โม่แก้ปัญหาไปได้มากเพราะนางคงไม่ต้องคอยยุ่งวุ่นวายรับมือกับจีหย่งหรือเป็นกังวลว่าจะมีผู้ใดเข้ามาหาเรื่องอีก
“รุ่นน้องฉินอวี้โม่ นี่คือหินมายาหนึ่งร้อยก้อน ข้าหวังว่าเจ้าจะรับมันไป ถือว่าเป็นสิ่งชดเชยที่วันนี้น้องชายของข้าก่อเรื่องขึ้น”
จีหย่งกล่าวออกมาทั้ง ๆ ที่กัดฟันอยู่ เขาพยายามจะปั้นหน้าให้นอบน้อมและดูเคารพอีกฝ่ายมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะดูฝืนใจอย่างยิ่งก็ตาม
“โม่เอ๋อร์ รับมันไว้เถอะ อย่านำเรื่องไร้สาระของคนหน้าไม่อายพวกนี้มาคิดมากให้เสียอารมณ์เลยนะ”
หานโม่ฉือเอ่ยปากขึ้นมาให้ดูราวกับว่าเขากำลังปลอมประโลมสตรีผู้เป็นที่รัก ทว่าวาจานั้นแทบจะทำให้จีหย่งกระอักเลือดออกมาด้วยความเดือดดาล
“เอาเถอะ ในเมื่อจีหย่งตั้งใจมอบให้ถึงเพียงนี้ ข้าก็จะรับมันไว้ เรื่องวันนี้ข้าจะไม่ถือสา”
ฉินอวี้โม่พยายามกลั้นขำเอาไว้ในขณะที่รับหินมายาหนึ่งร้อยก้อนมาจากมือของจีหย่งแล้วกล่าวต่อ “แต่ถ้าหากว่ารุ่นพี่จีหย่งและจีชางมาหาเรื่องข้ารวมถึงสหายของข้าอีกในอนาคต ข้าจะไม่ปรานีอีกแล้ว”
จีหย่งพยักหน้ารับคำด้วยใบหน้าที่มืดมนเป็นอย่างมาก สตรีผู้นี้กำลังข่มขู่เขา !
“เสี่ยวชางกลับกันได้แล้ว”
จีหย่งกล่าวกับจีชางก่อนจะพาน้องชายของตัวเองออกจากสนามประลองแห่งนี้ไป จีชางหันไปมองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาหวาดหวั่นแล้วรีบก้าวเดินตามพี่ชายของเขากลับไป
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ภาพที่จีหย่งและจีชางเดินคอตกกลับไปรวมถึงสีหน้าสุดท้ายของพวกเขาทำให้เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นทั่วทั้งสนามประลอง
“นาน ๆ เจ้าจะมาสักที พอมาถึงก็สร้างความครึกครื้นให้โรงเรียนของเราเลยนะ”
มู่อวิ๋นยิ้ม ในน้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความโกรธอยู่เลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับเต็มไปด้วยความชอบอกชอบใจ เขาก็คือผู้หนึ่งที่หัวเราะเสียงดังลั่นไปเมื่อครู่
หานโม่ฉือถือเป็นความภาคภูมิใจของโรงเรียนราชสำนักแห่งนี้ สิ่งที่มู่อวิ๋นชื่นชอบมากที่สุดในตัวศิษย์ผู้เป็นตำนานผู้นี้คือความเย็นชา ความเผด็จการไม่ยอมคน เมื่อได้เห็นว่าวันนี้หานโม่ออกหน้าปกป้องคนผู้หนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แต่ในฐานะอาจารย์เขาก็ยังคงมีความสุข
“ข้าต้องขอโทษท่านอธิการด้วย”
หานโม่ฉือส่งยิ้มบางให้กับมู่อวิ๋น ก่อนจะหันไปกล่าวกับฉินอวี้โม่ “โม่เอ๋อร์ ข้ามีเรื่องต้องไปคุยกับท่านอธิการ ไว้ข้าจะไปหาเจ้าทีหลัง”
ฉินอวี้โม่พยักหน้า นางเพิ่งจะสังเกตเห็นจากท่าทีของท่านอธิการโรงเรียนราชสำนักว่า เขาน่าจะมีเรื่องบางอย่างอยากจะหารือกับหานโม่ฉือ
ในตอนนั้นเอง บุรุษผู้มีสมญานามว่ามนุษย์น้ำแข็งก็ประทับรอยจูบลงไปบนหน้าผากของฉินอวี้โม่อย่านุ่มนวลโดยไม่สนใจสายตาผู้คน
ท่ามกลางสายตาของนักเรียนมากมายทั้งชายหญิง บุรุษผู้เป็นตำนานของโรงเรียนจุมพิตสตรีอันเป็นที่รักต่อหน้าสาธารณชนอย่างหวานซึ้งก่อนจะเดินตามท่านอธิการไปยังอาคารที่ทำการของคณะผู้บริหารแห่งโรงเรียนราชสำนัก…
“ไปกันเถอะ เรากลับไปที่หอพักกันดีกว่า อย่ามัวยืนอึ้งอยู่ตรงนี้เลย”
ฉินอวี้โม่มองเสี่ยวโร่วและสหายสาวคนอื่น ๆ ที่กำลังยืนนิ่งอึ้ง ในดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ อดีตสาวนักฆ่าในร่างคุณหนูส่ายศีรษะก่อนที่จะเดินออกไปเขกหัวสหายทีละคน อย่างไรก็ตามแก้มนวลของคุณหนูสี่ตระกูลฉินก็แดงเรื่อจนสังเกตได้
“คุณหนู ว่าที่คุณชายนี่สุดยอดไปเลย !”
นัยตาของเสี่ยวโร่วเวลานี้ดูราวกับท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยดาวดวงน้อยนับพัน นางรู้สึกชื่นชมหานโม่ฉือผู้นี้มาก และสาวน้อยก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณหนูของนางโชคดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ได้พบกับบุรุษเช่นเขา
“ข้ายังไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะได้เป็นคุณชายของเจ้าหรือไม่”
ฉินอวี้โม่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แต่ถึงแม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ใบหน้านวลของนางกลับดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ อวี้โม่ ถ้าเจ้าไม่อยากได้เจ้ายกให้ข้าก็ได้นะ ถ้าหากข้าได้ชายหนุ่มที่สุดยอดถึงเพียงนั้นมาปกป้องก็คงจะวิเศษเป็นที่สุด มันคงจะทำให้ข้าจะมีความสุขมากเลย”
เยว่ชิงเฉิงหยอกล้อฉินอวี้โม่ นางอดไม่ได้ที่จะพร่ำเพ้อต่อท้าย ขึ้นชื่อว่าสตรีไม่ว่าคนใดต่างก็ใฝ่ฝันอยากได้บุรุษเช่นนั้นมาเป็นคู่ครอง บุรุษผู้ที่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำให้ดอกไม้งามอันเป็นที่รักยิ่งของตนต้องบอบช้ำ บุรุษผู้พร้อมปกป้องสตรีของเขาเสมอ ก่อนหน้านี้คุณหนูตระกูลช่างหลอมก็เคยเห็นหานโม่ฉือมาหลายครั้งแล้ว ทว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่นางได้เห็นมนุษย์น้ำแข็งผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเลือดเย็นเป็นแบบนี้
ในอดีตที่ผ่านมาหานโม่ฉือในสายตาผู้คนเป็นบุรุษแสนเย็นชา ยิ่งไปกว่านั้นไอเย็นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขาตลอดเวลาก็หนาวเหน็บจนชวนขนลุก ไม่ว่าจะยืนอยู่ห่างเพียงใดก็มักจะรู้สึกได้ ทว่าวันนี้ในตอนที่เขายืนอยู่ข้างกายฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือกลับดูอบอุ่นเหลือเกิน อีกทั้งไอเย็นที่เคยแผ่ออกมาก่อนหน้านี้ก็หายไปจนหมดสิ้น ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เห็นมุมอ่อนโยนของเขาได้ชัดเจนขึ้น ต้องยอมรับเลยว่าหากหานโม่ฉือเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก เขาคงจะเป็นบุรุษที่สตรีทั้งจักรวรรดิไป๋อวิ๋นมองเห็นเป็นดั่งเทพบุตรผู้น่าปรารถนาอย่างแน่นอน
หลังจากสนทนาหยอกล้อกันไปพลางเดินไปพลางมาได้สักพัก ในที่สุดเหล่านักเรียนหญิงเข้าใหม่ผู้เป็นสหายของฉินอวี้โม่ก็เดินทางมาถึงหอพักสตรี
หลังจากแยกย้ายกันเข้าห้องพักได้ไม่นานนัก หานโม่ฉือผู้ไม่ค่อยจะใส่ใจในกฎระเบียบของโรงเรียนมาแต่ไหนแต่ไรก็ลอบเข้ามาเคาะประตูห้องพักของฉินอวี้โม่
“คุณชายหานเชิญเข้ามานั่งเล่นกับอวี้โม่ข้างในก่อน พวกเรากำลังจะขอตัวออกไปข้างนอกกันอยู่พอดี”
เมื่อเห็นหานโม่ฉือ เยว่ชิงเฉิงผู้ฉลาดปราดเปรื่องและหลิงซวงคนงามก็รีบขอตัวออกไปข้างนอก พวกเขาไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอคู่รักหนุ่มสาว
เสี่ยวโร่วสาวใช้ผู้ภักดีกับคุณหนูก็ออกไปพร้อม ๆ กับเพื่อนร่วมห้องทั้งสอง นางเองก็อยากให้เวลาส่วนตัวกับหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่
“โม่ฉือ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นถึงบุคคลในตำนานของโรงเรียนราชสำนัก”
ฉินอวี้โม่คว้าจับมือหนาของหานโม่ฉือและดึงร่างใหญ่ให้นั่งลงก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่า ๆ มันก็แค่คำเรียกที่คนอื่นเขาเรียกกัน ข้าไม่ได้ใส่ใจมันนักหรอก ตอนนี้ข้าสนใจเพียงแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้น”
หานโม่ฉือส่งยิ้มออกมาแล้วกล่าววาจาหยอกเย้าสาวงาม ดวงตาคู่คมของเขาเป็นประกายระยับหวานซึ้ง
“ดูเหมือนเจ้าจะปากหวานขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ”
แม้ปากจะต่อว่าแต่ใบหน้างดงามก็มิอาจเก็บซ่อนรอยยิ้มดีใจได้เลย ไม่ว่าสตรีคนใดก็ย่อมอยากให้ชายผู้เป็นที่รักกล่าววาจาเช่นนี้กับตัวเองทั้งนั้น แม้จะห้าวหาญและแกร่งกล้า แต่อดีตนักฆ่าสาวก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“ข้าจะหวานกับเจ้าแค่คนเดียวเท่านั้น”
หานโม่ฉือพยักหน้าพลางเอื้อนเอ่ยวจี วาจาดังกล่าวเป็นดั่งคำสัตย์สัญญา เวลานี้เขาปฏิญาณกับหัวใจของตนแล้วว่าจะกล่าววาจาหวานซึ้งเช่นนี้เฉพาะกับนาง ฉินอวี้โม่สตรีผู้อยู่ตรงหน้าเขานี้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคตข้างหน้าก็จะไม่เปลี่ยนแปลง
“ก็ดี เอาเถอะ เจ้าอย่ามัวแต่เกี้ยวพาสตรีอยู่เลย ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับเจ้าเช่นกัน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มแล้วเปลี่ยนประเด็น
“งั้นเจ้าก็พูดมาก่อน”
หานโม่ฉือพยักหน้า เขามีบางอย่างจะพูดคุยกับฉินอวี้โม่ อย่างไรก็ตามเขาจะรอให้นางบอกเล่าเรื่องราวที่นางต้องการจะบอกเสียก่อน
“ก่อนหน้านี้ภายในดินแดนต้องห้าม ข้าไม่ทราบเหมือนกันว่าผู้อาวุโสสองลิ่วรุ่ยใช้วิธีการใดถึงเข้าร่วมการสอบได้ แต่…ข้าได้สังหารเขาไปแล้ว”
ฉินอวี้โม้เปิดปากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนต้องห้ามให้หานโม่ฉือฟังอย่างคร่าว ๆ นางเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดเพราะเพียงเท่านี้คนอย่างเขาก็คงพอจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้แล้ว
“เหมือนกับที่ข้าได้ทราบมา”
หานโม่ฉือพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“เจ้ารู้แล้วอย่างนั้นหรือ ?”
ฉินอวี้โม่ตกตะลึงเล็กน้อย ทว่าไม่นานก็ได้สติกลับมา นางสังหารลิ่วรุ่ยไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนเป็นไปได้ว่าเหล่าศิษย์จากอารามคงจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้จ้าวอารามของพวกเขาทราบแล้ว หากเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ก็คงเป็นที่เล่าขานไปทั่วทั้งแผ่นดินแล้วเป็นแน่
“ใช่ เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่แล้ว แน่นอนว่าหลังจากนี้ก็คงจะเกิดเรื่องยุ่ง ๆ ตามมาอีก”
หานโม่ฉือพยักหน้าและเอ่ยประโยคที่ช่วยยืนยันสิ่งที่ฉินอวี้โม่กำลังสงสัย
“วันนี้ที่ข้ามาที่โรงเรียนก็ด้วยเหตุผลนี้แหละ”
ก่อนฉินอวี้โม่จะเข้าไปยังดินแดนต้องห้ามเพื่อร่วมการสอบคัดเลือก แม้ว่าหานโม่ฉือจะมั่นใจในตัวฉินอวี้โม่เต็มเปี่ยม แต่เขาก็ยังคงอดห่วงไม่ได้จึงให้คนคอยสอดส่องและติดตามข่าวคราวที่เกิดขึ้นในดินแดนต้องห้ามอย่างใกล้ชิด
ครึ่งเดือนก่อนคนจากอารามที่เข้าร่วมสอบตกรอบพร้อมกันเกือบทั้งหมด แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและปวดร้าวซึ่งนั่นทำให้หานโม่ฉือรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ดังนั้นหานโม่ฉือจึงส่งคนไปสืบข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียดและเขาก็ได้ทราบในที่สุด
มันเป็นข่าวที่น่าตกใจเพราะผู้ที่เป็นถึงผู้อาวุโสสองแห่งอารามลงทุนปลอมแปลงตนเองเข้าไปร่วมการสอบในดินแดนต้องห้ามด้วยจุดประสงค์ส่วนตัว อย่างไรก็ตามเขากลับถูกฉินอวี้โม่สังหารภายในดินแดนต้องห้าม
ในตอนที่ได้ยินเรื่องนี้หานโม่ฉือโกรธแค้นมาก เขาไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสสองแห่งอารามจะไร้ยางอายได้ถึงขั้นเข้าร่วมการสอบของผู้เยาว์เพื่อสังหารสตรีรุ่นลูกผู้หนึ่ง เขาไม่ทราบเลยว่าฉินอวี้โม่บาดได้รับเจ็บบ้างหรือไม่ แต่เขาหมายใจแล้วว่าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับสตรีในดวงใจของเขา เขาก็พร้อมจะเอาความกับอารามในทันที
แต่เมื่อได้รับข้อมูลยืนยันว่าฉินอวี้โม่ปลอดภัยและไม่เป็นอะไรเลย เขาก็รู้สึกโล่งอก ฉินอวี้โม่แข็งแกร่งจริง ๆ ไม่อยากเชื่อว่านางจะสังหารผู้อาวุโสสองแห่งอารามได้โดยที่ตัวนางไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ทว่าเรื่องที่น่ากังวลที่สุดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของจ้าวอาราม ทันทีที่ทราบข่าวว่าฉินอวี้โม่สังหารผู้อาวุโสสอง เขาก็เตรียมจะเพิ่มนามของคุณหนูสี่ตระกูลฉินผู้นี้เข้าไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ ‘ศัตรูที่อารามต้องกำจัด’ ยิ่งกว่านั้นเขาก็เตรียมจะส่งยอดฝีมือระดับสูงไปเพื่อเด็ดหัวฉินอวี้โม่ให้ได้
แม้ว่าฉินอวี้โม่จะมีหานโม่ฉือคอยปกป้องดูแลอยู่ และการอยู่ในโรงเรียนราชสำนักก็นับว่าปลอดภัยอยู่ไม่น้อย ทว่าบุรุษน้ำแข็งก็ยังอดกังวลไม่ได้
และที่เขามาเยือนโรงเรียนราชสำนักในวันนี้ก็เพื่อจะบอกเรื่องดังกล่าวกับฉินอวี้โม่ อย่างไรก็ตาม เพราะเขาได้พบกับท่านอธิการก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็อยากจะหารือกับเขาในเรื่องนั้นอยู่เช่นกัน หานโม่ฉือจึงถือโอกาสฝากฝังให้มู่อวิ๋นช่วยดูแลความปลอดภัยให้สตรีผู้เป็นที่รักของเขา
ถึงอย่างไรตอนนี้หานโม่ฉือก็ไม่ถือว่าเป็นสมาชิกของโรงเรียนราชสำนักอีกแล้ว ที่ผ่านมาเขาก็แทบไม่เคยกลับมาเยี่ยมเยียนสถาบันเดิมที่จบการศึกษาอีกเลย มิฉะนั้นเขาก็อาจจะไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องเจ้าอาราม ที่สำคัญหานโม่ฉือมีงานของตระกูลที่ต้องจัดการอีกมากมาย เขารู้ตัวว่าตนเองไม่มีทางที่จะปกป้องฉินอวี้โม่ได้ตลอดเวลา
ฉินอวี้โม่เองก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าเรื่องที่นางสังหารผู้อาวุโสลิ่วรุ่ยไปจะต้องทำให้จ้าวอารามไม่พอใจอย่างหนักแน่ ดังนั้นแล้วนางจึงไม่ได้ประหลาดใจเรื่องที่หานโม่ฉือบอกกล่าวมากนัก
“อวี้โม่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเจ้า แต่เป็นเพราะเราไม่สามารถประมาทพลังของอารามได้ โดยเฉพาะเหล่ายอดฝีมือแห่งอารามที่แม้จะเก็บตัวไม่ค่อยออกมาเยือนโลกภายนอกแต่พวกเขาก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว ที่สำคัญจ้าวอารามก็เป็นบุคคลที่ยากจะหยั่งถึง ถ้าสู้กับเขาเจ้ามีโอกาสชนะอยู่น้อยมาก ดังนั้นในอนาคตเจ้าจะต้องระวังตัวให้ดี ถึงแม้จะอยู่ในโรงเรียนก็ห้ามประมาท หากมีปัญหาที่เจ้ารับมือด้วยตัวเองไม่ได้ เจ้าจะต้องแจ้งให้ข้ารู้ทันที ข้าจะมาหาเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
หานโม่ฉือกล่าวกับฉินอวี้โม่อย่างจริงจัง เขามองสบตาเนื้อทรายของนางนิ่งนานก่อนที่จะกล่าวต่อ “เรื่องที่เกิดขึ้นนอกโรงเรียนเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกลัวว่าคนจากอารามจะทำอะไรกับครอบครัวหรือสหายของเจ้า ในช่วงที่เจ้าอยู่ที่นี่ข้าสัญญาจะดูแลความปลอดภัยของตระกูลฉินให้เอง”
เมื่อได้ยินวาจาอันแน่วแน่ของหานโม่ฉือ หัวใจดวงน้อยของฉินอวี้โม่ก็สั่นไหว นางไม่ได้เป็นกังวลเรื่องตัวนางเองมากนัก แต่นางกลัวว่าสิ่งที่นางก่อจะส่งผลกระทบต่อตระกูลฉิน ไม่คิดเลยว่าหานโม่ฉือจะจัดการกับเรื่องนี้ไว้แล้ว อีกทั้งยังเอ่ยคำสัญญาไม่ให้นางต้องกังวล
เมื่อถูกคนผู้หนึ่งใส่ใจมากถึงเพียงนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องหวั่นไหว ฉินอวี้โม่เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น …หัวใจดวงน้อยของสาวอดีตนักฆ่าถูกคนผู้นี้สั่นไหวอย่างไม่อาจต้าน เธอเองไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอกับผู้ชายที่แสนดีมากขนาดนี้
.