คุณสามีแห่งชาติของฉัน - ตอนที่ 28 แค่ไม่อยากให้มีปัญหา
จากนั้นภาพท่าทางสงบนิ่งของเฉียวอันห่าวต่อหน้าโปรดิวเซอร์ซุนฉายผ่านความคิดของลู่จินเหนียน การแสดงออกของเขาเย็นชาขึ้น และด้วยน้ำเสียงที่ปราศจากความอบอุ่นเขากล่าวว่า
“เธอคิดมากเกินไป”
เฉียวอันห่าวเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย คิดมากไปงั้นหรอ?
ริมฝีปากที่ชวนหลงใหลของลู่จินเหนียนโค้งเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็น และน้ำเสียงที่เยือกเย็นพูดต่อว่า
“ฉันไม่ได้ช่วยเธอ ฉันแค่ไม่อยากให้เกิดปัญหากับตัวเอง มือใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นนักแสดงนำหญิงคนที่สองในซีรีส์ทางทีวีเรื่องนี้จะทำให้เธอต้องตื่นเต้นอย่างแน่นอน และเนื่องจากเธอแสดงกับฉัน ฉันไม่ต้องการให้ชื่อเสียงที่ไม่ดีของเธอส่งผลกระทบต่อฉัน “
เขาไม่ได้พยายามช่วยเธอ เขาแค่พยายามช่วยตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เธอคิดมากเกินไป … เฉียวอันห่าวมองต่ำลงเพื่อไม่ให้เขาเห็นความผิดหวังของเธอ ริมฝีปากของเธอสั่นระริก ขณะที่เธอจับกระโปรงของเธอให้แน่น
ลู่จินเหนียนเหลือบมองเฉียวอันห่าวอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินผ่านเธอไป
เป็นเวลานานหลังจากที่ลู่จินเหนียนจากไป เฉียวอันห่าวยังคงนิ่งอยู่ เมื่อเสียงแหลมดังทะลุหูของเธอในตอนนั้น เธอก็กระพริบตาและกลับมามีสติอีกครั้ง จ้าวเมิงมาพร้อมกับรถ
เฉียวอันห่าวเข้าไปในรถและนั่งลง
“มีอุบัติเหตุทางรถยนต์ เลยทำให้รถติดเป็นเวลา 30 นาที” จ้าวเมิงอธิบายขณะขับรถ
เฉียวอันห่าวนิ่งเงียบเอียงศีรษะไปด้านข้าง มองออกไปนอกหน้าต่าง
จ้าวเมิงเหลือบมองกระจกหลังก่อนจะเลี้ยว
“เฉียวเฉียว ต้องขอบคุณลู่จินเหนียน ฉันไม่ได้คิดว่าเขาจะช่วยเธอเลยนะเนี่ย”
นาทีที่เธอได้ยินนั้นเฉียวอันห่าวก็เม้มริมฝีปากปิดตา
จ้าวเมิงกล่าวต่อ
“ฉันเดาว่า ลู่จินเหนียนคงเห็นแก่ความผูกพันธ์ในอดีต เพราะเธอกับเขารู้จักกันมาหลายปี แล้วแค่เขาพูดไม่กี่คำคงจะไม่เป็น”
ความผูกพันในอดีต … นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของเขาเลย เขาแค่กังวลเกี่ยวกับการนินทา เธอไร้เดียงสาเกินไป เธอรู้สึกราวกับว่าเธอถูกลอตเตอรี่จากคำเพียงไม่กี่คำของเขา
เธอควรจะรู้ว่าลู่จินเหนียนจะไม่ได้ช่วยเธอ … เธอคิดมากเกินไป
เธอจะลืมได้อย่างไร ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้น้ำเสียงแน่วแน่ เพื่อบอกเธอว่าไม่ว่าเขาจะชอบใครก็คงไม่ใช่เธอ
เมื่อสังเกตว่าเฉียวอันห่าวไม่ได้พูด จ้าวเมิงก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสะกิดเธอ
“เป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?”
“ป่าวๆ ไม่มีอะไร” เฉียวอันห่าวไม่ลืมตากลัวว่าเธอจะน้ำตาไหลต่อหน้าจ้าวเมิง
“แอลกอฮอล์ทำให้ฉันเหนื่อย”
“โอ้งั้นหรอ เธอควรนอนพักไปก่อน แล้วฉันจะปลุกเธอเมื่อเราถึงบ้านแล้วกันนะ”
เฉียวอันห่าวตกลงเบา ๆ และรถก็กลับเข้าสู่ความเงียบ
เฉียวอันห่าวไม่มีฉากใด ๆ ในสองวันแรกของการถ่ายทำ แต่เธอยังคงมาตรงเวลาเพียงเพื่อดู และทำความคุ้นเคยกับสถานที่นั้น
ในวันแรกของการถ่ายทำลู่จินเหนียนไม่ได้ปรากฏตัว เนื่องจากเขาไม่มีฉากใด ๆ ในวันที่สองเขามีฉากหนึ่ง เมื่อมาถึงเวลา 10.00 น. เขาไม่ได้รีบเตรียมตัวแต่กลับนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อสังเกตการณ์การถ่ายทำ
เนื่องจากการปรากฏตัวของลู่จินเหนียน แม้แต่นักแสดงที่ไม่มีฉากใด ๆ ก็มากัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากออร่าที่เยือกเย็นของลู่จินเหนียน จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา หรือแม้แต่ไม่ให้มีอะไรมากีดขวางการมองเห็นของเขาในระยะรอบๆ ตัวเขา
ในช่วงเวลาอาหารกลางวันทุกคนมารวมตัวกันเพื่อทานอาหาร และลู่จินเหนียนก็ไม่มีข้อยกเว้น เขายอมรับอาหารโดยไม่บ่น และเริ่มกินอย่างเงียบ ๆ
เขากินอย่างสง่างาม และปล่อยอากาศแบบชนชั้นสูง หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเขาก็เข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทของเขา
ฉากที่ลู่จินเหนียนมีวันนี้เป็นฉากที่อยู่กับซ่งเซียงซี่
ซ่งเซียงซี่เริ่มถ่ายทำในตอนเช้า และได้ทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ลู่จินเหนียนพร้อมแล้ว ช่างแต่งหน้าของซ่งเซียงซี่ก็รีบมาทำการแต่งหน้าของเธอทันที ก่อนที่ทีมงานจัดแสงและถ่ายทำ
ลู่จินเหนียนและซ่งเซียงซี่ทั้งคู่เดบิวต์ในช่วงเวลาเดียวกัน และได้แสดงเป็นคู่รักในภาพยนตร์หลายเรื่อง ทั้งคู่มีหน้าตาที่เข้ากันได้ดี และได้รับรางวัล “นักแสดงคู่รักยอดเยี่ยม”
เนื่องจากเคยทำงานร่วมกันหลายครั้งจึงคุ้นเคยกับรูปแบบการทำงานของกันและกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แสดงเป็นคู่รักในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็สามารถถ่ายทอดบรรยากาศ และอารมณ์ที่จำเป็นสำหรับฉากนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้ได้รับคำชมจากผู้กำกับอย่างต่อเนื่องในขณะที่เขาตะโกนว่า
“ดี! เยี่ยมมาก!
ผ่านไปครึ่งฉากผู้กำกับเรียกให้หยุดพักและส่งสัญญาณให้ช่างแต่งหน้า แต่งหน้าและซับเหงื่อของพวกเขา
ลู่จินเหนียนหยิบน้ำสองแก้วที่ผู้ช่วยของเขาส่งให้เขา หลังจากแต่งหน้าเสร็จเขาก็ไปรอที่กองถ่าย
หลังจากที่ซ่งเซียงซี่แต่งหน้าเสร็จแล้วพวกเขาก็เข้าฉากต่อ
หลังจากที่ทุกคนได้ดื่มด่ำไปกับการถ่ายทำก่อนหน้านี้ พวกเขายังทำให้ทุกคนตกตะลึงกับการแสดงในช่วงครึ่งหลังของการถ่ายทำ พวกเขาสร้างฉากให้สมบูรณ์แบบจนถึงจุดที่ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่ามันคือความจริงหรือไม่
ครึ่งหลังของฉากจบลงด้วยความเรียบร้อย และเมื่อฉากจบลงฉากนั้นก็อยู่ในความเงียบ หลังจากนั้นประมาณสิบวินาที ผู้กำกับก็กลับมามีสติและตะโกนว่า
“คัท”
หลังจากฉากนั้นการถ่ายทำในวันนั้นก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
พวกเขาถ่ายทำในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในจิ่งเฉิง และเนื่องจากต้องถ่ายทำแบบส่วนตัวจึงต้องจองทั้งรีสอร์ทส่งผลให้ทีมงานทุกคนได้เข้าพักในโรงแรมรีสอร์ท