คุณสามีพันล้าน - บทที่ 466 คิดถึงเขาแล้ว!
กัญณิศาหัวเราะอย่างอ่อนโยน “ฉันไม่เคยได้ยิน”
ในใจจวนจะอกแตกตายอยู่รอมร่อ
ผลงานที่เธอขยันขันแข็งมาหลายปีนี้ วิกาสงสัยว่าเธอขี้ปดมดเท็จมา!
ดูเหมือนว่าเธอไม่พอใจในคำพูดของประยสย์ ความขยันขันแข็งของเธอในหลายปีนี้กลับกลายหายวับไปกับตา
ประยสย์มีความสามารถในการทำลายเธอทุกอย่างจนหมดสิ้น
“เด็กสาวที่อ่อนโยนหน้าตาสะสวยอย่างเธอ พี่ติยาปกป้องเธอได้อย่างยอดเยี่ยม แกไม่เคยได้ยินถือว่ามันเป็นปกติ ฉันมักรู้สึกว่าคนที่เปิดสำนักงานนักสืบ ต้องอยู่ในแวดวงสายเทาถึงได้ อีกทั้งนักสืบที่อยู่ภายในต้องมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่งั้นจะเกิดเรื่องได้โดยง่าย”
“ฉันได้ยินมาว่าเจ้าของสำนักงานนักสืบ XX ตัวจริงเป็นสาวสวยวัยรุ่นคนหนึ่งนะ”
กัญณิศาส่งเสียงตอบรับ พลางเอ่ยถามอย่างสนใจใคร่รู้ “วิกา แกไปฟังใครเขาพูดมา? มีผู้หญิงที่ไหนกันมาทำงานสายนี้ เสี่ยงอันตรายมากเลยนะ”
“ฉันแค่ได้ข่าวเขาเล่ากันมา”
กัญณิศาส่งเสียงพึมพำอีกครั้ง และไม่ได้ซักไซ้ต่อ
เธอมักรู้สึกว่าวิกากำลังหยั่งเชิงเธออยู่ วิกาอาจจะสงสัยในตัวของเธอ
พลันหวนนึกถึงภาพวาดเธอจากประยสย์ วาดเหมือนมีชีวิตขึ้นมา ตอนนี้เธอกับวิกาเป็นเพื่อนกันอีก เจอหน้ากันอยู่บ่อยครั้ง เทวิการู้สึกว่ารูปร่างของเธอดูคุ้นตาก็ใช่ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
“นี่พวกแกสองคนโม้อะไรกัน คุยซะออกรสออกชาติขนาดนี้”
กนกอรคุยโทรศัพท์กับแบตบอสเสร็จเรียบร้อย อารมณ์ดีขึ้นมา จึงเดินมาหา เพื่อร่วมคุยประเด็นของทั้งสองคน
“คุยไปเรื่อยเปื่อย พวกแกคุยกันเสร็จแล้วเหรอ แบตบอสไปดูงานใช่ปะ?”
กนกอรนั่งลงพร้อมทั้งพูดตอบรับ “ไปดูงาน บอกว่าสาขาของบริษัทจู่ๆ เจอปัญหาขึ้นมา จึงต้องให้เขาที่เป็นเจ้าของเข้าไปจัดการเอง เขาเลยไม่ทันได้บอกกล่าวกับฉัน จึงรีบไปดูงานเลย”
“อีกสองวันก็กลับมาแล้ว แถมยังพะวงเรื่องที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับเจ้าสองของพวกหล่อนให้ได้ เลยให้ฉันไปคุยกับลินท์ แล้วให้ลินท์ไปคุยกับเจ้าสองของแกอีกที”
เมื่อทราบเรื่องที่นฤเบศวร์ไปดูงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัท และไม่ใช่สาเหตุเพราะเรื่องส่วนตัวจึงไม่มาหาเธอ กนกอรฟื้นสภาพเป็นปกติ
เรื่องที่นฤเบศวร์ไปดูงานอย่างปัจจุบันทันด่วนนี้นั้น กนกอรก็จับสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของตนเองที่มีต่อนฤเบศวร์ลึกซึ้งขึ้นไปทุกที ซึ่งไม่ได้ย่ำแย่ตามที่จินตนาการของตนเองคิดแบบนั้น
นฤเบศวร์เป็นคนใส่ใจกับความรู้สึกมาก
ไฉนเลยเธอล่ะ?
ดังนั้นเธอจึงไม่หวั่นไหวโดยง่าย
มันคือความกลัวว่าจะเสียใจกับความรู้สึก จนยากยิ่งจะถอนตัวออก
“แกพูดกับลินท์หรือยัง?”
เทวิกายิ้มตอบ “นฤเบศวร์สู้สุดฤทธิ์ เพื่อให้ได้คู่ควรกับแก รู้ว่าแกจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับลินท์ เขาจึงพูดไว้เนิ่นๆ ว่าจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับกษิดิฉันไปฟังพัฒน์เขาเล่ามาอีกที”
“เพิ่งส่งข้อความหาลินท์เมื่อกี้นี้เอง ลินท์ตอบตกลงอย่างกระปี้กระเปร่ามาก”
กนกอรก็หัวเราะและพูดออกมา “ด้วยความทุ่มสุดตัวของเขานี่แหละ ที่ทำให้ฉันหวั่นไหว”
“พอได้ลิ้มรสไม่เห็นหน้ากันเพียงวันเดียวแต่เหมือนสามปี จนรับรู้ความรู้สึกคิดถึงจนทรมานแล้วใช่ปะ”
เทวิกาพูดเย้าหยอก
กัญณิศายิ้มหวาน
“ฉันก็คิดถึงเขา คิดถึงเขาแล้วแหละ! รอเขากลับมา ฉันจะนัดเขา ไปดูหนัง ไปดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียน เอาให้โรแมนติกไปเลย”
เทวิกาหัวเราะร่วน “งั้นแกก็จับตัวเองใส่พานให้เขาเลยสิ?”
พอกนกอรได้ยิน พลันหยิกแขนเธอไปทีหนึ่ง
กัญณิศาก็พูดติดตลก “กนกอร คำแนะนี้ของวิกาก็ไม่เลวนะ ฉันดื่มฉลองงานมงคลสมรสของลินท์เสร็จ ก็ยังอยากดื่มฉลองงานหมั้นของแก เมื่อแกแต่งงาน แกต้องให้ฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยนะ”
“ฉันกลัวว่าแกมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวแล้วจะแย่งซีนนะสิ แกหน้าตาสวยเกิน เหมือนนางฟ้าลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ฉันรอยอมนับถือจากใจว่าสู้ไม่ไหวเลย”
กนกอรก็หลุดปากพูดออกไป
“รอวันที่ฉันแต่งงาน ต้องมาเชิญให้แกเป็นเพื่อนเจ้าสาวแน่ ยังไงในสายตาของแบตบอสก็มีแค่ฉันคนเดียว เขาไม่ใช่ผู้ชายฉาบฉวย ส่วนเรื่องที่แกจะไปหลงเสน่ห์ผู้ชายคนอื่น ฉันเกี่ยวข้องอะไรด้วยเนี่ย?”
กัญณิศา : “……”
ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่สักพัก มีลูกค้าเดินเข้ามา เทวิกากับกนกอรจึงลุกขึ้นเพื่อต้อนรับลูกค้า กัญณิศาดื่มด่ำกับกาแฟของเธอต่อ พลางคิดถึงเรื่องของเธอ
ลำแสงช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายผ่านไปรวดเร็วมาก
พริบตาเดียวก็มาถึงช่วงหัวค่ำ
อาทิตย์อัสดง ตะวันยอแสงดั่งเปลวเพลิง
ยศพัฒน์มารับเทวิกากลับบ้าน กัญณิศาก็ขอตัวกลับ
คืนนั้น หลังจากสุขสันต์เรื่องบนเตียงเสร็จเรียบร้อย เทวิกานอนหนุนแขนยศพัฒน์ตามปกติ คอยพูดเรื่องกัญณิศา
“ที่รัก คุณกล้าพูดเรื่องกัญณิศาเป็นผู้หญิงลึกลับคนนั้นที่มาช่วยพี่ชายฉัน แต่ว่า เธอมีสมาธิดีมากจริงๆ ฉันตั้งใจพูดเหน็บแนมจากความสงสัยถึงการสร้างชื่อเสียงโด่งดังของสำนักงานนักสืบของเธอขึ้นมา เธอสงบนิ่งดั่งหน้าผาจริงๆ ไม่เปิดเผยร่องรอยให้เห็นสักนิด”
“เธอไม่กระโตกกระตากทิ้งร่องรอยสักนิด แล้วคุณมองออกได้ยังไงว่าเธอคือหญิงสาวลึกลับคนนั้น?”
ยศพัฒน์ไม่ได้สนใจเรื่องกัญณิศาจะเป็นหญิงสาวลึกลับนั่นหรือเปล่าสักนิด
สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่กับคือเรื่องสาขาของบริษัทที่เมืองซูเพร่า คิดถึงเรื่องให้ความช่วยเหลือพ่อตากับพี่ชเนนทร์ให้อยู่รอดปลอดภัยจากอำนาจในการเปลี่ยนมือ
แต่ภรรยากับสนใจ คิดถึงเรื่องจับคู่กัญณิศากับประยสย์อยู่ตลอด เขาก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีแล้วกัน
“ฉันสายตาแหลมคม อาจเพราะฉันสงสัยในตัวเธอมาตลอด ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอเหมือนปกติมาก แต่ก็ไม่ปกติทีเดียว ฉันจึงสงสัยในตัวเธอเพิ่มมากขึ้น ยังไงพี่ชายฉันก็จับตามองเธออยู่ตลอดอยู่แล้ว เชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะเผยหางจิ้งจอกของเธอออกมา”
“ใช่สิ พี่ชายคนโตของฉันจะพาพี่ติยากลับบ้านเพื่อไปสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ฉันค่ะ ฉันเลยอยากจะไปด้วย”
ยศพัฒน์เอ่ยถาม “วันไหนครับ?”
“วันศุกร์ค่ะ หลังจากเจอผู้ใหญ่แล้ว พี่ชายคนโตก็จะรับพ่อแม่ฉันมางานแต่งงานของกษิดิด้วยเลย แต่รถของพี่ชายมันมีไม่กี่ที่นั่ง รับคนมาไม่ได้มากนัก เราไปด้วยเลย จะได้รับพ่อแม่ฉันมาเลยทีเดียว”
จริงๆ แล้ว คนที่คอยคุ้มครองญาณิน มีรถยนต์ทั้งนั้น สามารถส่งญาณินกับทุกคนเข้าเมืองได้ตลอดเวลา
เทวิกาไม่ได้กลับบ้านแม่มาสักพัก จึงคิดถึงบ้านแล้ว
จะพูดยังไง เธอก็เติบโตจากบ้านตระกูลวาชัยยุง
ตรงนั้น จะเป็นบ้านเกิดของเธอตลอดไป
ยศพัฒน์ส่งเสียงตอบรับ “งั้นวันศุกร์ผมจะกลับไปกับคุณด้วย รีบออกให้เร็วหน่อย ตอนบ่ายก็รับคุณพ่อคุณแม่มาเลย งานแต่งงานของกษิดิกับลินท์คือวันเสาร์ เราต้องยุ่งหัวหมุนแน่”
เขาไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่บรรดาพี่น้องของเขาล้วนไปดองตระกูลศิริกรโสภณเป็นเพื่อนกษิดิหลายคน ซึ่งเป็นการให้เกียรติมิลินท์อย่างเต็มที่ และให้ตระกูลศิริกรโสภณรับรู้ว่า ตระกูลอริยชัยกุลของพวกเราให้ความสำคัญกับลินท์มาก การยกลินท์ให้กษิดิ วางใจได้เลย
“ตอนนี้ลินท์ตั้งท้องอยู่ เธอไม่มีฮัลนีมูลกับกษิดิแน่ แต่เพื่อสร้างความผ่อนคลาย กษิดิยังไปพักร้อนที่เกาะส่วนตัวของครอบครัวเราเป็นเพื่อนลินท์ รอให้พวกเขาออกเดินทางแล้ว ผมจะพาคุณกลับเมืองซูเพร่าเป็นเพื่อนคุณเองครับ”
หลายวันมานี้เขายุ่งอยู่ตลอด ต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อเตรียมการจัดการเรื่องสำคัญให้เสร็จสิ้น เช่นนี้เขาถึงได้พาภรรยากลับบ้านแม่ยายในวันศุกร์ได้อย่างสบายใจ
กลับไปใช้เวลาที่เมืองซูเพร่าสักพักหนึ่ง เขาก็ต้องจัดการเรื่องทางบริษัทให้เรียบร้อยก่อน น้องชายที่อยู่ใต้อาณัติรู้ว่าเขาจะกลับเมืองซูเพร่าไปพร้อมกับภรรยาสุดที่รัก ต่างตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า กลัวว่าเขาจะถูกเลือกให้รับบทบาทงานสำคัญกันเป็นแถบ
ตระกูลอื่นต่างช่วงชิงอำนาจกันเอาเป็นเอาตาย
พวกน้องชายของเขา ต่างจรลีเพื่อให้หลุดรอดจากกิจการของตระกูล ไปสร้างกิจการเอาเอง อีกทั้งพวกเขาต่างมีกิจการเป็นของตนเอง ขนาดเจ้าสิบที่ยังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยยังหาเงินได้แล้ว
“ถึงแม้คุณจะพูดว่าไปเมืองซูเพร่าเป็นเพื่อนฉัน ก็เพื่อจะบุกเบิกขยายอำนาจทางนั้น แล้วเรื่องทางนี้ใครเป็นคนจัดการคะ? คุณจะบินไปบินมาเหรอ เหนื่อยมากเลยนะ ฉันปวดใจแทน”
“หรือไม่ หลังจากที่คุณไปเป็นเพื่อนฉัน ก็บินกลับมาทำงานตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันไม่ใช่คนหัวอ่อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างมีพี่ชายและพ่อฉันอยู่ทั้งคน ถ้าพวกเขาไร้วิธีในการปกป้องฉัน ก็คงไม่ให้ฉันกลับเมืองซูเพร่าหรอกค่ะ”