คุณสามีพันล้าน - บทที่ 448 สิ่งที่ควรเผชิญหน้ายังไงก็ต้องเผชิญ
กนกอรก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ที่ร้านหนูจ้างพนักงาน หนูแค่มีหน้าที่เก็บเงิน มีเวลาคุยกับน้าภาเยอะเลยค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นไว้ว่าง ๆ เดี๋ยวจะไปนั่งเล่นที่ร้านนะจ้ะ”
รุจิภาไม่อุดหนุน One Day In Coffee เพราะเธอคิดว่าที่นั่นเกรดไม่สูงพอ
คงไม่สามารถต้อนรับสตรีชั้นสูงอย่างเธอได้
แต่ตอนนี้เธอกลับมีความคิดอีกอย่าง
ขอเพียงแค่ได้ทำให้บัณฑิตาอึดอัดใจตาย เธอก็จะไปหาเรื่องคุยกับกนกอร ให้บัณฑิตาโมโห และยิ่งเกลียดกนกอรมากขึ้นกว่าเดิม
“นฤ ของพวกนี้อรเป็นคนซื้อมาเหรอ หลานก็จริง ๆ เลย ทำไมถึงปล่อยให้อรต้องมาเปลืองเงินเปลืองทองด้วยล่ะ”
หลังจากรุจิภาเสแสร้งใส่กนกอรอยู่สักพัก เธอก็เปลี่ยนความสนใจไปอยู่ที่ของฝากถุงเล็กถุงใหญ่ในมือของนฤเบศวร์
บัณฑิตาชำเลืองมองข้าวของในมือของลูกชายตัวเอง เธอไม่ได้รังเกียจ แต่กลับว่ากนกอรอย่างโกรธ ๆ “กนกอร เธอไม่มีมือหรือไง ทำไมของเยอะแยะขนาดนี้ถึงปล่อยให้เบศวร์ถือคนเดียว มันต้องหนักแน่เลย ไม่รู้จักเกรงใจซะบ้างเลย”
“แม่ครับ ผมเป็นคนอยากถือเอง ของแค่นี้มันจะหนักเท่าไหร่กันครับ ต่อให้หนักมากผมก็ปล่อยให้อรถือไม่ได้หรอกครับ ขืนอรเหนื่อยผมคงปวดใจแย่ ให้ผมเหนื่อยเองคนเดียวยังดีกว่า”
บัณฑิตา “…”
กนกอรทำหน้าตาไร้เดียงสา ทำเอาบัณฑิตาโกรธจัดจนปวดใจ
“คุณชายเบศวร์ คุณนายน้อย คุณท่านรู้ว่าพวกคุณกลับมาแล้วเลยเรียกให้เข้าไปด้านในครับ”
ตอนลุงเซนพูดจงใจบอกว่าเป็นคำเชิญของคุณท่าน เผื่อคุณนายใหญ่จะไม่พอใจแล้วปะทะคารมกับคุณนายน้อยอีก
คุณปู่เริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ตอนนั้นยอมใจอ่อนตกลงให้ลูกชายคนโตแต่งงานกับบัณฑิตา คุณหนูตระกูลพันเดชโภคินที่สวยแต่รูปแต่ไร้สมองคนนี้
บัณฑิตาเป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวยก็จริง แต่เพราะเธอเป็นแค่แจกันใบหนึ่ง ที่นอกจากหน้าตาสะสวย รูปร่างดีแล้ว ก็ไม่มีดีอะไรอีกเลย คนที่หาแต่งงานกับภรรยาดี ๆ ไม่มีทางชอบคนอย่างบัณฑิตาแน่นอน
ก่อนที่ธารณ์จะตกหลุมรักบัณฑิตาตระกูลพันเดชโภคินคิดอยากจะให้บัณฑิตาแต่งงานเข้าบ้านตระกูลอริยชัยกุล แต่เพราะไม่ว่าตระกูลพันเดชโภคินจะไปเยี่ยมเยือนตระกูลอริยชัยกุลเพื่อเสนอเรื่องแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่าก็จะถูกตระกูลอริยชัยกุลปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง
นอกจากตระกูลอริยชัยกุลแล้ว ยังมีอีกหลายตระกูลที่พื้นเพครอบครัวดี ตระกูลพันเดชโภคินก็ไปลองมาหมดทุกตระกูลแล้ว แต่ตระกูลเหล่านั้นต่างก็ปฏิเสธการแต่งงานกับตระกูลพันเดชโภคินเหมือนกันหมด
ธารณ์มองผู้เพียงแค่ภายนอก เขาเลยไปตกหลุมรักความสวยของบัณฑิตาในงานเลี้ยงงานหนึ่งตั้งแต่แรกเห็นเข้า จากนั้นก็เริ่มตามจีบเธออย่างจริงจัง
คุณปู่เร็นย่อมไม่เห็นด้วยที่จะให้ลูกชายคนโตแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยแต่รูปแต่ไร้สมองมาเป็นภรรยาอยู่แล้ว จึงพยายามขัดขวางเต็มที่ แต่ธารณ์ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะแต่งงานกับบัณฑิตาจึงหนีไปอยู่ด้วยกัน ตอนที่บัณฑิตาท้อง คุณปู่เร็นก็ไม่ใจร้ายพอที่จะบังคับให้บัณฑิตาไปทำแท้ง ฉะนั้นเขาจึงยอมตกลงให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน
หลังจากแต่งงาน กิริยาต่าง ๆ ของบัณฑิตาก็ไม่เป็นที่พอใจนัก หลักจากนฤเบศวร์เกิด คุณปู่เร็นก็กลัวว่าลูกสะใภ้ใหญ่จะเลี้ยงหลานคนโตจนเสียคน ดังนั้นเขาจึงเอานฤเบศวร์มาไว้ข้าง ๆ กาย และเลี้ยงดูด้วยตัวเองจนโต
ไม่ใช่แค่เพราะอยากเลียนแบบคุณปู่ภูธิปที่เลี้ยงดูยศพัฒน์
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขากลัวว่าลูกสะใภ้ใหญ่จะเลี้ยงให้นฤเบศวร์เสียคน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คุณปู่เฝ้ามองดูการกระทำของหลานชายคนโต จนบางครั้งก็แอบทอดถอนใจต่อหน้าลุงเซนว่าหลานชายคนโตของเขามียีนของลูกสะใภ้ใหญ่
แถมยังบอกอีกว่าลูกสะใภ้ดี หลานชายก็จะดี
การแต่งงานกับภรรยาดี ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญมากจริง ๆ
ลุงเซนรู้ว่าทีแรกคุณท่านก็ไม่ค่อยชอบคุณนายน้อยมากเท่าไหร่นัก แต่ที่บังคับให้คุณชายแต่งงานกับคุณนายน้อยก็เพราะอยากจะตัดหนทางของเปรมา
แต่หลังจากได้รู้จักกันนานเข้า คุณท่านก็ยิ่งชอบคุณนายน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ
คุณนายน้อยไม่ได้เติบโตมาในตระกูลที่ร่ำรวย แต่ไอคิวของเธอสูงกว่าคุณนายใหญ่เป็นไหน ๆ แถมเธอยังเป็นคนที่กล้าหาญ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณนายน้อยอริยชัยกุลอีก ยิ่งไปกว่านั้นคุณนายน้อยอริยชัยกุลยังเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลสาระทาแห่งเมืองซูเพร่าอีกด้วย
สิ่งที่คุณท่านคิดก็เพื่ออนาคตของตระกูลเดชอุปทั้งนั้น
หากตัดเรื่องนิสัยของคุณนายน้อย รวมทั้งเรื่องที่คุณชายตกหลุมรักคุณนายน้อยเข้าจริง ๆ ออกไป ต่อให้คุณชายจะแต่งงานกับคนอื่น แต่วันใดวันหนึ่งข้างหน้าบริษัทของตระกูลเดชอุป จะต้องถูกตระกูลอริยชัยกุลที่มีอำนาจมากขึ้นทุกวันยึดครองอย่างแน่นอน
แต่ถ้าแต่งงานกับกนกอรคงแตกต่างออกไป อย่างน้อย ๆ ก็ภายในช่วงสองรุ่นอายุคนนี้ ตระกูลเดชอุปกับตระกูลอริยชัยกุลคงจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันอีก และจะสามารถรักษากิจการของตระกูลเดชอุปเอาไว้ได้
เพราะคุณนายน้อยอริยชัยกุลกับกนกอรต่างเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพเหมือนกัน
ไม่มีทางที่จะกลายเป็นศัตรูกันเพียงเพราะผู้ชายของพวกเธอทั้งคู่เป็นคู่แข่งกันแน่นอน
“คุณนายสาม คุณท่านบอกว่าขอบคุณสำหรับน้ำใจครับ”
ลุงเซนถ่ายทอดคำพูดของคุณท่านเสร็จแล้วก็หันไปพูดกับรุจิภา
รุจิภายิ้มแล้วพูดว่า “อร คุณปู่เรียกพวกเธอเข้าไปแล้ว งั้นอาไม่รบกวนพวกเธอแล้วนะ”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
ดูเหมือนว่าคุณปู่จะรู้ความคิดของเธอแล้ว
แต่รู้แล้วยังไงล่ะ
ไอ้แก่ขี้ลำเอียง!
“แม่ครับ อร พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
นฤเบศวร์พยายามระงับอารมณ์ไม่โมโหใส่แม่ของเขา
บัณฑิตามองลูกชายที่จับมือกนกอรไว้แน่น หลังจากเงียบไปสักพักเธอก็ขานรับอืมเบา ๆ
คุณปู่เร็นนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงใหญ่ พอเห็นกนกอรเดินเข้ามา เขาก็ปริยิ้มอย่างดีอกดีใจแล้วกวักมือเรียกกนกอรทันที “อร มานี่เร็ว รีบมานั่งก่อนเร็ว”
กนกอรเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณปู่เร็น”
“เรียกคุณปู่ ฉันชอบให้หนูเรียกฉันว่าคุณปู่มากกว่า”
กนกอรยิ้มและไม่พูดอะไร
ที่เธอกับนฤเบศวร์มาถึงทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะชายชราที่ยิ้มเหมือนพระพุทธเจ้าคนนี้
คุณปู่เร็นรู้ว่าตอนนี้กนกอรคงจะไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียกเขาง่าย ๆ จึงไม่ได้สนเรื่องคำเรียกขานอะไรอีก เมื่อเห็นหลานชายวางของฝากที่อรซื้อมาลงบนโต๊ะน้ำชาเขาก็หันไปพูดกับกนกอรว่า “อร หนูยอมมากับเบศวร์เพื่อทานข้าวกับคนแก่อย่างฉันแค่นี้ฉันก็ดีใจมากแล้ว ทำไมถึงซื้อของมาเยอะแยะขนาดนี้ สิ้นเปลืองเปล่า ๆ”
“แค่ของบำรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ แค่คุณปู่ไม่รังเกียจก็พอแล้วค่ะ”
“ไม่หรอก ๆ ของที่หนูเอามาให้ปู่ชอบมาก ลุงเซนช่วยเอาของบำรุงที่อรซื้อมาให้ฉันไปไว้ที่ห้องของฉันที ฉันจะกินทุกวันเลย”
คุณปู่ให้เกียรติอรมาก
แล้วก็แอบจิกกัดลูกสะใภ้อย่างเงียบ ๆ ไปด้วย
“คุณปู่ครับ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของคุณปู่คนเดียวนะครับ มีของพ่อกับแม่ ของคุณอารองกับอาสะใภ้รอง แล้วก็อาสามกับอาสะใภ้สามด้วย”
นฤเบศวร์ยิ้มพูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะพูดอย่างจงใจว่า “คุณปู่ดูสิครับ อรเตรียมของฝากให้ทุกคน แต่ผมกลับไม่ได้อะไรเลย”
“พอเลยนะแก อรไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนแกตลอดทั้งบ่าย แถมยังให้เสื้อผ้าแกอีกตั้งหลายตัว ยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้อะไรอีกเหรอ”
คุณปู่เร็นรู้เรื่องความหน้าด้านของหลานชายตัวเองหมดแล้ว
เพราะธามกับคีทกลับมาก่อนแล้ว
“หนูอร เบศวร์ก็ซื้อของให้หนูเยอะแยะเหมือนกัน ปู่ให้คนส่งของไปไว้ที่วิลล่าของเบศวร์แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะให้เขาเอาของมาวางกองอยู่ในพื้นที่ของปู่ เห็นแล้วก็พลอยทำให้อิจฉาตาร้อนเปล่า ๆ ขนาดปู่เป็นปู่แท้ ๆ ยังไม่เคยซื้อของมากมายขนาดนั้นให้ปู่เลย”
สมกับเป็นปู่หลานกันจริง ๆ
ถูกสอนเคยชินกับการอิจฉา
สีหน้าของบัณฑิตายิ่งดูแย่ยิ่งกว่าเดิม
ลูกชายให้คนเอาของมาส่งตั้งเยอะแยะ มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับต่าง ๆ แถมยังเป็นของหรูหราราคาแพงทั้งนั้น
“ขอบคุณค่ะคุณปู่เร็น หนูไม่ได้ใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไรด้วย”
กนกอรยิ้มและปฏิเสธที่จะรับของขวัญของนฤเบศวร์
แต่ปู่หลานกลับทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของกนกอรอย่างไงอย่างนั้น
คุณปู่พูดเองเออเองว่า “พวกเธอสองคนเดินสองของกันมาทั้งบ่ายแล้วคงจะหิวแล้วสิ ไปทานข้าวกันก่อนเถอะ ไว้ทานข้าวเสร็จแล้วทั้งสองคนค่อยไปพักผ่อนกันที่วิลล่า”
กนกอร …นี่คือลูกเล่นอยากจะให้เธอกับนฤเบศวร์อยู่ด้วยกันเหรอ?