คุณสามีพันล้าน - บทที่ 429 แม่สะใภ้เก่ามาอีกแล้ว
“พี่ชเนนทร์ สองวันนี้พี่จะกลับบ้านไหม?”
จู่ๆ ประยสย์ก็ถามชเนนทร์ออกมา
ชเนนทร์ตอบกลับมาว่า: “ช่วงนี้พี่งานยุ่งมาก ไม่มีเวลากลับบ้าน พ่อแม่ของพี่ก็เพิ่งกลับไปจากในเมือง ทำไมเหรอ?คุณจะไปเยี่ยมน้าณินเหรอ?”
ประยสย์ตอบอืมออกมา “ผมไม่กลับเมืองซูเพร่าวันนี้ก็กลับพรุ่งนี้แหละ จะทิ้งพ่อผมให้ต่อสู้กับพวกเขาคนเดียวก็คงไม่ได้ ก่อนกลับไปผมอยากไปดูสถานที่ที่วิกาตอบโต้มาก่อน และไปดูแม่ผมด้วย ไม่รู้ว่าแม่ผมอยู่ที่นั่นคุ้นชินดีหรือเปล่า”
หลังจากที่แม่ของเขากลับไปกับพวกคุณลุงสิรภพแล้ว ได้โทรศัพท์หาเขาแค่ครั้งเดียวเอง โดยแจ้งว่าไปถึงที่หมายแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย ประยสย์ไม่รู้ว่าแม่ตัวเองคุ้นชินกับที่นั่นแล้วหรือเปล่า
ชเนนทร์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “น้าณินอยู่ที่นั่นคุ้นชินดี วิกาโทรหาผมวันหนึ่งตั้งหลายครั้ง”
หลังจากที่ได้ยินชเนนทร์พูดแบบนี้แล้ว สีหน้าของประยสย์หม่นหมองขึ้นมาทันที เขากับวิกาถึงแม่จะเป็นพี่น้องแม่เดียวกันแต่แยกจากกันยี่สิบกว่าปี หลังจากเจอกันแล้วก็ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันมากนัก ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไม่ว่ายังไงก็เทียบของเธอกับชเนนทร์ไม่ได้
แต่เมื่อคิดได้ว่าวิกาเติบโตมาในตระกูลบ้านตระกูลวาชัยยุง ประยสย์ก็ไม่คิดอะไรมากอีก
สามารถหาน้องสาวเจอก็ดีมากแล้ว เขาจะไปแย่งความรักกับชเนนทร์อีกทำไม?
น้องสาว เป็นน้องสาวของพวกเขาทั้งสอง
ความรักที่ชเนนทร์มีต่อน้องสาวไม่น้อยไปกว่าเขาเลย
ประยสย์เมื่อคิดได้แล้วก็กลับคืนสู่อารมณ์ปรกติ
ยศพัฒน์และชเนนทร์ต่างเห็นอาการหม่นหมองของเขา ทั้งสองคนหันมาสบตากัน แต่ไม่ได้พูดอะไร ความสัมพันธ์ต้องปลูกฝังกัน พวกเขาพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์
“พี่รองจะกลับแล้วเหรอ?ไม่รอร่วมงานแต่งงานของกษิดิเสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ?”
ยศพัฒน์ลองพยายามเกลี้ยกล่อมให้อยู่ต่อ
ปรยสย์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “งานแต่งของพี่กษิดิผมต้องอยู่รวมงานด้วยอยู่แล้ว ผมต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เขาอีกด้วย
ยังมีเวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะถึงงานแต่งของเขา ไม่รีบร้อน ผมจะกลับมาก่อนว่าแต่งวันหนึ่ง ไม่มีทางพลาดงานแต่งงานของเขา
แน่นอน”
เขากับคุณชายทุกคนของตระกูลอริยชัยกุลต่างเข้ากันได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นน้องชายสามีของน้องสาว ถ้าเขากับพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีแต่จะเป็นผลดีต่อน้องสาวไม่มีผลเสีย
อีกอย่างตระกูลอริยชัยกุลยอมช่วยเขา คุณชายพวกนั้นต่างมีตำแหน่งสูงในบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป เป็นผู้ เป็นคนเก่งในแต่ละสาขางานกันทั้งนั้น สามารถช่วยเหลือเขาได้เป็นอย่างมาก
เพียงแต่ข้อนี้ เขาก็ต้องรู้จักคุณชายทั้งหมดของ ตระกูลอริยชัยกุลแล้ว
เขารู้ว่าตระกูลสาระทามีเครื่องบินส่วนตัวเยอะ ทุกครั้งที่ประยสย์สองพ่อลูกมาที่นี่ล้วนนั่งเครื่องบินส่วนตัวมากันทั้งนั้น ถือว่าสะดวกมากอยู่ ยศพัฒน์เลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่พูดขึ้นว่า: “ก่อนที่พี่รองจะกลับควรบอกให้วิการู้ก่อนจะดีที่สุด”
“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมยังมีเรื่องต้องรบกวนเธออีก”
ยศพัฒน์นึกขึ้นได้จึงถามขึ้นว่า: “เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิงลึกลับหรือเปล่า?”
“อืม สำนักงานนักสืบ XXถึงตอนนี้แล้วยังไม่มีผลสรุปอะไรให้ผมเลย และไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถช่วยผมหาผู้หญิงคนนั้นเจอหรือเปล่า”
ชเนนทร์เองก็รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ประยสย์ถูกหญิงลึกลัช่วยไว้ เขาจึงพูดขึ้นว่า: “อีกฝ่ายสวมหน้ากากไว้ มองไม่เห็นหน้าที่ที่แท้จริง แบบนี้ตามหายากมาก เมืองแอคเซสซ์ใหญ่ขนาดนี้ จะตามหาคนๆหนึ่ง ยากยิ่งกว่างมเข็มในทะเล”
ประยสย์ตรึกตรองดูสักครู่ แล้วพูดขึ้นว่า: “มันก็ใช่ ถ้างั้นผมรอต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน บริษัทนักสืบนั้นในเมื่อรับเรื่องของผมไปแล้ว แล้วรับเงินมัดจำไปแล้วอีกด้วย คิดว่าคงสามารถช่วยผมตามหาผู้หญิงคนนั้นเจอได้แน่”
หลังจากดื่มน้ำเสร็จ ประยสย์ก็ได้ลุกขึ้น “ยศพัฒน์ พี่ชเนนทร์ พวกพี่ยุ่งต่อเถอะ ผมไม่รบกวนพวกพี่แล้ว”
ยศพัฒน์กับชเนนทร์ต่างก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ต่อ เพราะว่าพวกเขากำลังยุ่งอยู่ แต่ตอนนี้ประยสย์อยู่ในช่วงพักร้อนอยู่
เนื่องจากกนกอรรับปากว่าจะไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนนฤเบศวร์ เมื่อเทวิกาเลิกงานก็รีบไปที่ร้านทันที
กนกอรยังไม่ได้ออกไป แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดราตรีเรียบร้อยแล้ว ส่วนชุดราตรีก็เป็นนฤเบศวร์ให้คนส่งมาให้ และเธอก็ได้แต่งหน้าอ่อนๆ อีกด้วย
เมื่อเทวิกาเข้ามาถึงร้าน ก็ผิวปากขึ้นมาทันที
“วิกา เธอยังมาผิวปากอีก”
เทวิกาเดินเข้ามาแล้วเดินอ้อมเธอไปรอบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า: “พระพุทธรูปต้องมีทองหุ้ม คนก็ต้องมีเสื้อห่อ กนกอร เมื่อเธอใส่ชุดราตรีเข้าไปแล้ว งดงามดุจนางฟ้า ตอนเด็กจะเดินตามพี่ชายและพวกของเขา ผิวปากเป็นตั้งนานแล้ว ฉันยังผิวเป็นเพลงได้เลย”
พี่ชายเธอผิวปากยังดังสู้เธอไม่ได้เลย
“นฤเบศวร์ยังไม่มารับเธอเหรอ?”
เทวิกาถามล้อเล่นออกมาว่า “ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะยอมตอบตกลงไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนเขา ตามหลักแล้ว เขาน่าจะใจร้อนกว่าเธอ มารอเธอตั้งแต่เช้าถึงจะถูก”
ตอนนี้แล้วยังไม่มา คิดว่านฤเบศวร์คงจะเอาเวลาไปแต่งตัวอยู่เหมือนกัน
เวลาที่ผู้ชายอยากหล่อก็ไม่แพ้ผู้หญิงเลย
“น่าจะใกล้ถึงแล้ว ฉันบอกให้เขามารับฉันประมาณหนึ่งทุ่ม วิกา ฉันตอบตกลงเป็นแฟนกับเขาแล้ว วันนี้ พวกเราเพิ่งยืนยันความสัมพันธ์เป็นคู่รักกัน”
เทวิกายิ้ม: “พวกเธอเคยเป็นสามีภรรยากันมาแล้ว ในเมื่อเธอรักเขา และเขาก็ตามจีบเธอด้วยความจริงใจ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเล่นตัวอีก ยอมรับเขาเป็นแฟน ทั้งสองคนรักใคร่กัน คนรอบข้างต้องอิจฉาแน่ เมื่อเทียบกับฉันแล้วดีกว่าเยอะเลย ฉันกับยศพัฒน์ไม่ได้มีขั้นตอนในการเป็นคู่รักมาก่อนเลย”
“เฮ้อ แต่งงานออกไปง่ายๆ แบบนี้ มาคิดดูแล้ว รู้สึกเสียดายเหลือเกิน”
เทวิกาแกล้งทำเป็นถอนหายใจออกมา
แววตาของกนกอรเป็นประกาย เข้าไปแนบติดข้างหูเทวิกา แล้วพูดเสียงเบาออกมาว่า: “หรือว่า พวกเราหาเวลาว่างกันอีกครั้ง แอบไปเที่ยวให้สนุกอีกรอบหนึ่ง”
“ยังจะไปอีก?ครั้งก่อนพวกเราเพิ่งเข้าไปก็ต้องหนีออกมาแล้ว ถ้าไปอีกครั้ง ฉันกลัวหลังถูกจับได้จะซวยมาก”
“……”
กนกอรถอนหายใจออกมา “ครั้งก่อนปากฉันไม่ดีเอง เห็นนฤเบศวร์ก็ไปยั่วเขา ใครจะไปรู้ว่าสายตาของเขาจะดีขนาดนั้น จำฉันได้”
เพราะตอนนั้นหลังจากที่เธอแต่งหน้าเสร็จ แม้แต่แม่ของเธอก็จำเธอไม่ได้
แต่ปรากฏว่านฤเบศวร์กลับจำเธอได้อย่างง่ายดาย
“นี่แสดงว่า เธอได้เข้าไปอยู่ในใจเขาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขาไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง”
เมื่อได้ยินเสียงรถดังมาจากข้างนอก ทั้งสองคนได้หันมองออกไปพร้อมกัน ตอนแรกนึกว่าคนที่มาคือนฤเบศวร์ แต่หลังจากดูชัดเจนคนที่ลงมาจากรถแล้ว เทวิกาขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วพูดขึ้นว่า: “แม่สามีเก่าของเธอทำไมถึงยังคบหากับคุณณัฏฐาอยู่อีก?แถมมาพร้อมกันอีก จะมาหาเรื่องพวกเราใช่ไหม?”
ไม่รู้ว่าคุณแม่ของนฤเบศวร์คิดยังไงของเธอจริงๆ
หลังจากรู้เรื่องที่เปรมาทำแล้ว บัณฑิตารู้สึกโกรธมาก แถมได้สั่งสอนเปรมาไปอีกด้วย ทำให้ตอนนั้นเทวิกาคิดว่าความเป็นเพื่อนระหว่างบัณฑิตากับคุณณัฏฐาจะแตกหักกันเสียอีก
เคอ นี่เพิ่งผ่านไปเท่าไหร่เอง ก็กลับมาดีเหมือนดังพี่น้องกันอีกละ
มิน่าหล่ะคุณปู่เร็นถึงต้องยุ่งเรื่องการแต่งงานของนฤเบศวร์ ไม่ยอมให้พ่อแม่เขามายุ่งเกี่ยว มีแม่อย่างบัณฑิตา มีแต่จะสร้างเรื่องให้กับนฤเบศวร์
“ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านรับ พวกเราไม่ต้องไปกลัวพวกเธอหรอก?”
กนกอรไม่เคยกลัวพวกเธอมาก่อนเลย
ในขณะที่เธอยังไปสะใภ้ของบัณฑิตาอยู่นั้น บัณฑิตาจะมาสั่งสอนเธอ เธอยังไม่เคยกลัวเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้
“เปรมาเข้าไปในคุกแล้ว คุณณัฏฐาทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนและประจบสอพลอคุณย่าปุลพร มีความเป็นไปได้สูงที่เธออยากให้นฤเบศวร์กับเปรมาสานความสัมพันธ์เก่ากันต่อ”
คำพูดของเปรมาเต็มไปด้วยความประชดประชัน
เทวิกายิ้ม แล้วพูดล้อเล่นออกมาว่า: “ถ้างั้นเธอรีบกินนฤเบศวร์ให้หมดจด เมื่อข้าวสารหุงสุกแล้ว ก็จะไม่มีเรื่องของเปรมาอีก คืนนี้ไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนเขา ดื่มเหล้าเยอะหน่อย เพื่อสร้างบรรยากาศ ก็จะไม่กลัวอะไรอีกเลย”
กนกอร: “……”
โอ้พระเจ้า นี่เธอคบเพื่อนแบบไหนกันเนี่ยะ!
เพื่อนที่คบไม่ได้จริงๆ !