คุณสามีพันล้าน - บทที่ 421 ความรักที่ไม่ถูกสังคมยอมรับ
“คุณยังมีธุระอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีแล้ว”
ยศพัฒน์ไล่แขกออกมาอย่างไม่เกรงใจ: “ถ้างั้นคุณกลับไปได้แล้ว”
นฤเบศวร์โกรธ “ยศพัฒน์ ผมอุตส่าห์นำข่าวมาแจ้งให้คุณทราบ ให้คุณระวังตระกูลเลิศธนโยธาให้ดี แต่คุณกลับทำอย่างนี้กับผมเหรอ?”
“คุณต้องการให้ผมทำยังไงกับคุณ?คุณไม่กลัวกนกอรหึงเหรอ แล้วเข้าใจผิดว่าคุณชอบทั้งหญิงและชาย”
นฤเบศวร์ทำท่าพุ๊ยออกมา “ผมชอบแต่ผู้หญิง”
จ้องมองใบหน้าของยศพัฒน์ไปสักพัก เขาพูดออกมาอย่างดีใจว่า: “ดูใบหน้านี้ของคุณมาเกือบสามสิบปี ก็ไม่เคยหลงรักคุณ ถือว่าจิตใจผมแน่วแน่มาก”
ยศพัฒน์: “……”
นฤเบศวร์ดื่มชาหมดแก้ว ถึงลุกขึ้นบอกลา
ไปกลับแบบนี้ เวลาก็ผ่านไปเกือบหมดแล้ว
ออกมาจากบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป เขาจึงไม่กลับไปบริษัทอีก แต่ไปที่One Day In Coffee ไปขอความดีความชอบกับกนกอร
ใกล้เที่ยง ลูกค้าของOne Day In Coffeeกลับออกไปกันหมดแล้ว เวลานี้ เป็นเวลาที่ว่างที่สุด
กนกอรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูรายการอาหารของร้านข้างๆ ที่เพิ่งนำเสนอออกมาใหม่ กำลังคิดอยู่ว่าตอนเที่ยงจะกินอะไรดี
“พี่อร คุณกันตภณมาอีกแล้ว”
พนักงานสาวในร้านพูดขึ้นมากะทันหัน
กนกอรมองออกไปนอกร้าน เห็นกันตภณกำลังจะผลักประตูเข้ามาจริงๆ
โชคดี ที่ไม่ได้ถือดอกไม้มาด้วย
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ากันตภณเป็นคนที่คุณปู่เร็นส่งมาเพื่อแกล้งจีบเธอ มิน่าหล่ะกันตภณที่กลัวนฤเบศวร์มากขนาดนั้น ถึงกล้าพูดกับนฤเบศวร์ว่าจะแข่งขันกันอย่างยุติธรรม
ที่แท้มีคุณปู่เร็นเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนี้ กันตภณเพื่อต้องการช่วยเหลือคนรัก ถึงแม้ฟ้าจะถล่มลงมา กันตภณก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
ถึงแม้ความรักของกันตภณกับ นิรุตต์จะไม่ถูกสังคมยอมรับ แต่ความรักที่เขามีต่อ นิรุตต์นั้นเป็นความรักที่จริงใจมาก
หลังจากที่กันตภณเดินเข้ามาแล้ว เขาไม่ได้เดินไปหากนกอรทันทีเหมือนเมื่อก่อน
แต่ครั้งนี้ เขาเดินไปนั่งลงโต๊ะสุดท้ายตรงมุมสุด
เขาวางกระเป๋าที่สะพายมาใกล้ จากนั้นหยิบเบียร์ออกมาสามสี่ขวด เขาเปิดขวด โดยไม่ใช่แก้ว ดื่มมันโดยตรงแบบนั้นเลย
กนกอรและพนักงานสาวมองหน้ากัน
ไม่ว่ายังไงก็รู้จักกัน กนกอรเดินไปหา แล้วนั่งลงตรงข้ามกันตภณ ถามออกมาอย่างเป็นห่วงว่า: “ภณ เป็นอะไรหรือเปล่า?มีความในใจเหรอ?หรือว่าเจออุปสรรคอะไร?”
หรือว่าคุณปู่เร็นไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทน?
คุณปู่เร็น:กนอกร ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?
กันตภณไม่พูดอะไร ดื่มเบียร์ต่อ หลังจากดื่มขวดหนึ่งจนหมด เขาถึงได้พูดออกมาอย่างปวดใจว่า: “กนกอร ฉันกับ รุตต์รักกันด้วยความจริงใจ ทำไมถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้?”
ที่แท้เป็นเรื่องความรักนั่นเอง
เธอนึกว่าคุณปู่เร็นไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทนเสียอีก
“เพื่อให้บริษัทเขาพ้นวิกฤติ ยอมรับ……กนกอร มีเรื่องหนึ่งผมต้องเปิดเผยพูดความจริงกับคุณ ความจริงแล้ว ผมชอบคุณจริงๆ แต่ไม่ใช่รัก ที่มาจีบคุณ เป็นเพราะเสแสร้ง เล่นละคร เรื่องนี้พูดแล้วเรื่องมันยาว สรุปง่ายๆ ก็คือ ที่ผมเสแสร้งมาจีบคุณก็เพราะทำเพื่อความรักของผมเอง”
“แต่ว่า การเสียสละของผมไม่ได้นำแสงสว่างมาให้ผมกับ รุตต์เลย หลังจากที่เจบี กรุ๊ปผ่านวิกฤติไปได้แล้ว ก็ตัดสายสัมพันธ์ทันที บังคับ รุตต์ไปนัดบอด และแต่งงาน ผมทรมานมาก กนกอร คุณพูดสิว่าผมควรทำยังไงดี?”
หลังจากฟังคำพูดของกันตภณจบ กนกอรถึงเข้าใจ
เธอได้ยินจากนฤเบศวร์คนที่กันตภณรักจริงๆ คือ รุตต์ของเจบี กรุ๊ป ตามที่เทวิกาบอก นิรุตต์เคยนัดบอดกับมิลินท์มาก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ
บางที่ตระกูลศิริวรภูวดลอาจรู้ นิรุตต์มีปัญหาด้านรสนิยมทางเพศก็ได้ แต่ก็อยากให้ นิรุตต์กลับตัว ดังนั้นจึงบังคับ นิรุตต์ให้ไปนัดบอด โดยวาดฝันว่าอาจมีผู้หญิงคนหนึ่งสามารถทำให้ นิรุตต์กลับคืนมาเป็นปรกติได้
ครอบครัวทั่วไปรับไม่ได้อยู่แล้วที่ลูกชายตัวเองชอบผู้ชาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครอบครัวอย่างตระกูลศิริวรภูวดล
พวกเขาไม่ได้หาเรื่องกันตภณ อาจเป็นเพราะมี นิรุตต์ปกป้องอยู่ หรือคุณปู่เร็นเห็นแก่ที่เคยร่วมมือกับกันตภณ เลยเคยตักเตือนคนในครอบครัวของตระกูลศิริวรภูวดล กันตภณถึงได้อยู่อย่างปลอดภัย ไม่ได้ถูกทำร้ายอะไร
แต่ คนในครอบครัวของตระกูลศิริวรภูวดลยังไงก็ต้องหาวิธีทำลายความรักของ นิรุตต์กับกันตภณอยู่แล้ว
“ภณ เรื่องระหว่างคุณกับคุณรุตต์ แต่ดูว่าความรักของพวกคุณแข็งแกร่งมากแค่ไหน ดูว่าคุณ คุณนิรุตต์สามารถทำเพื่อคุณได้มากแค่ไหน ถ้าเขาทำเพื่อวงศ์ตระกูล เพื่อพ่อแม่ แล้วทอดทิ้งคุณ คุณก็ตายใจเถอะ คนสองคนรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน บนโลกนี้มีตั้งมากมาย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าของบนโลกเช่นเดียวกัน”
อย่าว่าแต่เรื่องรักร่วมเพศเลย คู่รักธรรมดาทั่วไป ก็มีตั้งมากมายที่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายกีดกัน สุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไป บางคนรักเดียวใจเดียว ไม่ยอมเลิกรา จนทำเรื่องสุดโต่งออกมา อย่างเช่นฆ่าตัวตายพร้อมกัน กลายเป็นคู่รักในนรก จนนำไปสู่เรื่องราวโศกนาฏกรรมก็มี
“ถ้าเขายอมต่อสู้เพื่อคุณ คุณเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน และยิ่งต้องเชื่อใจเขา ขแแค่คุณทั้งสองยืนหยัดไปด้วยกัน เชื่อวันความสุขก็จะเข้ามาเอง”
ในขณะที่พูดถึงเรื่องราวของกันตภณกับ นิรุตต์อยู่ ทำให้กนกอรนึกถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับนฤเบศวร์
เกลี้ยกล่อมคนอื่น เป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อกลับมาถึงเรื่องตัวเองก็กลายเป็นเรื่องยากทันที
เพื่อ นิรุตต์แล้ว จะให้กันตภณทำอะไรก็ยอมทำหมด
เขาพยายามมากอยู่
แล้วเธอหล่ะ เริ่มรักนฤเบศวร์เข้าให้แล้ว แต่สิ่งที่เธอทำเทียบกับกันตภณไม่ได้เลย เพราะว่าเธอไม่เคยพยายามไปเรียกร้องเลย ไม่ได้ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกันกับนฤเบศวร์ และเผชิญอุปสรรคตรงหน้าไปพร้อมกัน
เธอโยนปัญหาทุกอย่างไปให้นฤเบศวร์ แล้วให้เขาไปจัดการเอง
ต่อสู้ตัวคนเดียวจะเทียบกับคนสองคนร่วมมือกันต่อสู้ได้ยังไง?
ทันใดนั้นกนกอรรู้สึกว่าตัวเองก็ต้องพยายามดูสักครั้ง ลองเปลี่ยนแปลงความคิดที่บัณฑิตามีต่อเธอ แล้วยอมรับเธอ
เธอรู้สาเหตุที่แท้จริงที่บัณฑิตาดูถูกเธอ ต้นกำเนิดของคนเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เธอสามารถทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาได้ และกลายเป็นที่บัณฑิตาไม่สามารถดูถูกได้อีก
ถ้าเธอยืนอยู่ที่เดิมแบบนี้ตลอด ไม่ก้าวไปพร้อมกันกับนฤเบศวร์ เธอกับนฤเบศวร์คงต้องเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตและไม่มีผลสรุปลงเอยกันได้
ความรัก ต้องทุ่มเทให้ซึ่งกันและกัน
ผลสรุปของนฤเบศวร์กับเปรมาก็เป็นตัวอย่างให้เห็นต่อหน้าแล้วหนิ่
“กนกอร กนกอร……”
กันตภณยื่นมือเกว่งไปมาตรงหน้ากนกอร
กนกอรถึงเรียกสติกลับมาได้ แล้วพูดออกมาอย่างเกรงใจว่า: “เมื่อกี้คิดเรื่องจนเหม่อลอยไปหน่อยภณ เมื่อกี้คุณพูดอะไรเหรอ?”
กันตภณ:……
“กินเหล้าเป็นเพื่อนผมหน่อย”
กันตภณเปิดเบียร์ออกมาอีกขวด แล้วยื่นเบียร์ขวดนั้นให้กนกอร จากนั้นเขาเปิดเองอีกหนึ่งขวด
กนกอรรับเบียร์ขวดนั้นมา แล้วชนขวดกับเขา มองเขาเงยหน้าดื่มเบียร์อย่างดุเดือด แต่เธอไม่ได้ดื่
“พี่อร พี่อร”
จู่ๆ พนักงานสาวก็วิ่งมาหา “คุณนฤเบศวร์มา”
ทุกครั้งหลังจากที่คุณกันตภณมา และไม่ได้ไม่นาน คุณนฤเบศวร์ก็จะปรากฏตัวออกมา
นี่เป็นกฎเกณฑ์ ที่ไม่เคยเปลี่ยน
กนกอรยืนขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อเว้นระยะห่างกับกันตภณ เพราะเดี๋ยวคนขี้หึงคนนั้นจะหึงหวงไปเรื่อยอีก
เธอลุกขึ้นมาแล้ว จากนั้นเธอก็ได้นั่งลงไปอีกครั้ง
นฤเบศวร์รู้แล้วว่ากันตภณไม่ได้รักเธอจริง นอกจากนั้นกันตภณยังเป็นเกย์อีก น่าจะ ไม่หึงหวงถึงจะถูก
กันตภณกินเบียร์หมดขวด เห็นกนกอรไม่ดื่ม เขาจึงยื่นมือไปหยิบขวดเบียร์ในมือกนกอรมา “ผมช่วยคุณดื่ม ในร้านคุณมีเบียร์ไหม?ขอผมอีกสามสี่ขวด วันนี้ไม่เมาไม่กลับ”
กนกอรเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า: “ที่นี่ฉันขายกาแฟ ไม่ได้ขายเบียร์。”
เวลานี้ นฤเบศวร์ผลักประตูเข้ามาพอดี