คุณสามีพันล้าน - บทที่ 199 ก้มกราบขอบคุณ
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 199 ก้มกราบขอบคุณ
“หลายปีมานี้ เธอก็นำพาความสุขและเสียงหัวเราะมาให้เรานับไม่ถ้วน ฉันขอบคุณพระเจ้ามากที่ส่งลูกสาวคนนี้มาให้เรา”
คนหนึ่งชื่อเทวิกา อีกคนชื่อเนตรดาว อีกทั้งยังอายุครึ่งขวบเหมือนกัน ทั้งคู่ต่างเป็นเด็กน้อยน่ารัก แทนที่ได้อย่างไร้ที่ติ หลายปีมานี้ คนในหมู่บ้านต่างไม่มีใครรู้ว่าเทวิกาไม่ใช่เทวิกาคนเดิม
หากไม่ใช่เพราะเทวิกาแต่งเข้าตระกูลอริยชัยกุล และตระกูลอริยชัยกุลนั้นร่ำรวย มีอำนาจ และมีเครือข่ายข้อมูลที่แข็งแกร่ง ก็คงไม่มีทางสืบเจอได้ว่าเทวิกาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของบ้านตระกูลวาชัยยุง
อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นที่สิรภพเก็บเทวิกาได้แล้วเคยมีคนเห็นมาก่อน เพียงแต่เขาไม่สังเกตเห็น
เมื่อได้ฟังเรื่องราวในอดีต ประยสย์ก็ลุกขึ้นยืน เขาเดินไปตรงหน้าสองสามีภรรยาสิรภพ ก่อนจะคุกเข่าลง
“คุณประยสย์ คุณทำอะไรกัน”
สองสามีภรรยาตกใจ พลันรีบลุกขึ้นยืนพยุงประยสย์ขึ้น ทว่าประยสย์กลับไม่ลุก
เทวิกาเองก็คุกเข่าลงข้างพี่ชายตัวเอง ก่อนที่สองพี่น้องจะก้มกราบขอบคุณสองสามีภรรยาสิรภพ
คุณหญิงธิษณาที่อุ้มตุ๊กตาเอาไว้เองก็ทำตัวไม่ถูก
“คุณลุงคุณป้า ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยชีวิตน้องสาวผมเอาไว้ อีกทั้งยังเลี้ยงดูเธอจนเติบโต พวกท่านสอนเธอได้ดีมาก พ่อผมไม่อยู่ที่นี่ แม่ผมสติไม่ดี ผมกับวิกาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ก็ให้ผมที่เป็นพี่ชายขอบคุณทั้งสองท่านแทนพ่อแม่ผม และกราบขอบคุณบุญคุณที่ใหญ่หลวงของพวกท่าน”
ประยสย์พูดแล้วก็ก้มกราบสองสามีภรรยา
เทวิกาเองก็น้ำตารื้น เอ่ยว่า “พ่อ แม่ ขอบคุณพ่อกับแม่ที่มอบชีวิตครั้งที่สองให้หนู ตั้งแต่ที่หนูจำความได้ ก็จำได้แต่ความรักและความห่วงใยที่พ่อกับแม่มีต่อหนู พ่อกับแม่เลี้ยงดูหนูดียิ่งกว่าลูกสาวแท้ๆ แม้หนูจะตามหาพ่อแม่แท้ๆเจอ แต่หนูก็ยังคงเป็นลูกสาวของพ่อกับแม่”
พูดจบ เธอก็ก้มกราบพ่อแม่ตามพี่ชาย
“นี่คือโชคชะตาของเรา อย่าพูดเรื่องบุญคุณอะไรเลย เธอเองก็บรรเทาความเจ็บปวดของเรา นำพาความสุขมาให้เรา เธอเองก็มีบุญคุณกับเราเหมือนกัน”
พิชญ์สินีพยุงเทวิกาขึ้น
ส่วนสิรภพก็พยุงประยสย์ขึ้น
คุณหญิงธิษณาอุ้มตุ๊กตามองดูลูกชายลูกสาว สีหน้าเธอเผยแววสับสน เพียงแต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ แม้เธอจะได้ฟังสิรภพเล่าเหตุการณ์ที่เก็บเทวิกามาเลี้ยงในตอนนั้น เธอเองก็ร้องไห้เสียใจ แต่กลับจำเรื่องราวในอดีตของตัวเองไม่ได้
เธอทำได้เพียงกอดตุ๊กตาในอ้อมกอดไว้แน่น รู้สึกโชคดีที่ลูกน้อยยังอยู่ในอ้อมกอดเธอ ไม่ได้ถูกคนร้ายพวกนั้นแย่งไป
ลูกที่ออกมาจากครรภ์เก้าเดือน อย่าว่าแต่หายสาบสูญเลย แม้จะไม่เห็นลูกแค่วันเดียว ก็เหมือนกรีดเนื้อเธอก็ไม่ปาน
เนิ่นนาน
คุณย่าชนิศามองเทวิกา เอ่ยว่า “ที่แท้เธอก็เป็นคุณหนูทายาทสายตรงของตระกูลสาระทาแห่งเมืองซูเพร่านี่เอง ถึงว่าทำไมฉันถึงเห็นเธอแล้วรู้สึกคุ้นตา เพราะฉันเคยเจอกับย่าเธอมาก่อน”
ประยสย์เคยบอก ว่าเทวิกาหน้าตาเหมือนย่า
คุณย่าชนิศาเอง หลายสิบปีก่อนตอนที่เธอรู้จักกับย่าของประยสย์ก็เป็นเพราะสามีของอีกฝ่าย
ดังนั้นตอนที่เจอเทวิกาครั้งแรก เธอจึงรู้สึกว่าเทวิกาดูคุ้นตาเล็กน้อย
ทำนองเดียวกัน คุณปู่เร็นเองก็เป็นเพราะเคยเจอย่าของประยสย์มาก่อน จึงรู้สึกว่าเทวิกาดูคุ้นตาด้วยเช่นกัน
คุณปู่เร็นคืออยากจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเทวิกาให้แน่ชัด จึงส่งคนไปสืบ แล้วถูกคนของประยสย์ค้นพบ เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ประยสย์จึงพาแม่บินมาที่เมืองแอคเซสซ์ จนได้พบกับเทวิกาในที่สุด
หากคุณหญิงธิษณาไม่ได้ออกจากบ้าน ไม่แน่จนถึงตอนนี้ประยสย์ก็คงยังไม่ได้เจอกับเทวิกา
เพราะคุณปู่เร็นไม่ได้ใจดีขนาดนั้น ไม่มีทางช่วยประยสย์ได้พบเจอกับเทวิกาหรอก
ตอนนี้เทวิกาเป็นถึงคุณนายน้อยอริยชัยกุล แม้คนนอกจะมองว่าเธอไม่มีฐานะ เป็นสามัญชนธรรมดา ที่ได้แต่งงานกับยศพัฒน์ก็เพราะพี่งพาพี่ชายที่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับยศพัฒน์ แต่ในสายตาของคุณปู่เร็น เทวิกาก็ยังคงดีกว่าเปรมามาก
หลานชายของเขาหลงใหลในตัวเปรมา นี่ทำให้เขาไม่ชอบใจ แต่ยศพัฒน์กลับได้แต่งงานกับผู้หญิงที่มาจากครอบครัวสุจริต อีกทั้งยังมีบุคลิกนิสัยที่ดี ปู่โอหยางไม่สบอารมณ์มากๆ รู้สึกว่ายศพัฒน์ทิ้งห่างหลานชายเขาไปอีกหลายขุมแล้ว
หากรู้ว่าแท้จริงแล้วเทวิกาคือคุณหนูทายาทสายตรงของตระกูลสาระทาแห่งเมืองซูเพร่า เดาว่าคุณปู่เร็นคงอิจฉาจนกระอักเลือดแน่ ๆ
เขาสู้ภูธิปไม่ได้ หลานชายก็สู้ยศพัฒน์ไม่ได้อีก
ตระกูลเดชอุปเป็นได้แค่ที่สองอยู่วันยังค่ำจริงๆงั้นเหรอ?
เขายอมรับไม่ได้!
คุณย่าชนิศาถามประยสย์ว่า “ย่านายสบายดีอยู่ไหม?”
ประยสย์เผยสีหน้าถมึงทึง แล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “ดีเสียยิ่งกว่าดี!”
วันๆถูกน้าสองกับน้าสามยุยงให้มาหาเรื่องแม่เขา
แม่เขาก็เป็นบ้าแล้ว คนพวกนั้นรังแกคนบ้าคนหนึ่ง ไม่รู้สึกละอายใจหน่อยเลยหรือไง?
ความละอายใจของพวกเขาถูกหมาแทะกินไปแล้ว
หมา: ฉันไม่ได้กินความละอายใจของพวกหล่อนนะ อย่าโยนความผิดมาให้ฉัน
ได้ยินน้ำเสียงเกลียดแค้นของประยสย์ สีหน้าของประยสย์เองก็ไม่สู้ดี คุณย่าชนิศาสบตากับสามีครู่หนึ่ง และก็ไม่ได้ถามต่ออีก คิดว่าค่อยถามเหตุผลเป็นการส่วนตัวดีกว่า
ตระกูลสาระทากับบ้านตระกูลวาชัยยุงต่างเป็นครอบครัวของลูกสะใภ้ เมื่อมาเยือนที่นี่ ตระกูลอริยชัยกุลย่อมให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
หลังจากทานอาหารเสร็จ สองสามีภรรยาเทวิกาก็ไปเดินเล่นกับแม่ทั้งสองคนและคุณปู่คุณย่าในคฤหัสถ์
ประยสย์ไม่ได้ตามไปด้วย
ทันใดนั้น คุณย่าชนิศาจึงจะถามเขาว่า “หลังจากวิกาหายตัวไป ย่านายทำเรื่องไม่ดีอะไรใช่หรือเปล่า? แม่นายฟังคุณลุงสิรภพนายเล่าเหตุการณ์ตอนที่เก็บวิกามาเลี้ยง ก็ยังจำเรื่องที่วิกาหายสาบสูญไปไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”
ประยสย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างรู้สึกสลดใจว่า “หลังจากที่แม่ผมเป็นบ้า เธอก็เห็นตุ๊กตาตัวนั้นเป็นวิกา ทุกวันก็จะลุ่มหลงอยู่ในโลกของตัวเอง เธอจำผมไม่ได้ นึกว่าผมเป็นพ่อ ผมถึงขั้นเปลี่ยนชื่อเพื่อให้แม่จำผมได้ เป็นชื่อที่คล้องเสียงกับชื่อของพ่อผม ทุกครั้งที่แม่ผมเรียกชื่อพ่อผม ผมก็จะรู้สึกว่าแม่กำลังเรียกผม ปลอบใจตัวเองว่าแม่ยังจำผมได้”
“เธอเป็นบ้ามายี่สิบกว่าปีแล้ว จำเรื่องราวในอดีตได้นิดหน่อยแค่ในบางครั้ง แต่กลับเพียงครู่เดียวก็ผ่านไป ไม่อาจหยุดความทรงจำเหล่านั้นไว้ในหัวเธอได้เลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นตอนที่ฟังคุณลุงสิรภพเล่าเหตุการณ์ในตอนนั้น เธอจึงฟังเป็นเรื่องราวของคนอื่น”
ประยสย์สังเกตเห็นแม่ทำท่ากอดตุ๊กตาแน่นขึ้น
รู้ว่าแม่กำลังรู้สึกโชคดีที่ลูกของเธอไม่ถูกคนทิ้งลงในคลอง รู้สึกโชคดีที่คนร้ายพวกนั้นไม่ได้แย่งลูกของเธอไป……
“ย่าผม……ตั้งแต่ที่ผมจำความได้ ก็ได้ยินแต่คำพูดที่ย่าผมตำหนิกล่าวโทษแม่ผม อันที่จริงตอนที่ผมยังเด็กมาก แม่ผมยังไม่ได้เป็นบ้าจนถึงขั้นรุนแรง แต่เพราะย่าผมมักจะกล่าวโทษแม่ผมตลอด แม่ผมสูญเสียลูกสาวไปไม่ได้รับคำปลอบโยนไม่พอ ซ้ำยังต้องมาถูกคนในบ้านสามีตำหนิกล่าวโทษอีก ทั้งที่ ไม่ใช่ความผิดเธอแท้ๆ……เธอฝืนทนไม่ไหว จึงยิ่งอยู่ยิ่งกลายเป็นบ้า”
“หลังจากแม่ผมเป็นบ้า พ่อผมก็มีผู้หญิงคนอื่น หล่อนคือ พลอย พลอยไพลิน ลูกสาวตระกูลเลิศธรโยธาแห่งเมืองซูเพร่า หล่อนเองก็อายุมากกว่าผมแค่สองปี แต่กลับอยากแต่งงานกับตาแก่อย่างพ่อผมมาโดยตลอด……การปรากฏตัวของพลอยไพลินทำให้แม่ผมยิ่งใช้ชีวิตลำบากกว่าเดิม แม้ผมจะพยายามปกป้องแม่ผมอย่างสุดความสามารถ แต่บางครั้งแม่ผมก็ยังถูกรังแกอยู่ดี”
ประยสย์รู้สึกผิด แล้วเอ่ยอย่างโทษตัวเองว่า “แม้ผมจะเป็นนายน้อยตระกูลสาระทา แต่ก็ไม่ใช่ผู้นำตระกูล พ่อผมยังรวบอำนาจไว้ไม่ปล่อย พวกเขาเองก็ไม่อยากให้ผมอยู่ ตั้งแต่เด็กจนโต ผมถูกลอบฆ่ามานับครั้งไม่ถ้วน……ผมพยายามให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ทว่าต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหน……ก็ยากจะป้องกันพวกที่ลอบทำร้ายอยู่ดี ผมสู้เพียงลำพัง ส่วนพวกเขาก็ร่วมมือกันซ่อนตัวอยู่ลับหลัง แม่ผมก็เป็นแบบนี้อีก……”