คุณซาโกะผู้เพียบพร้อมอยากจะเป็นเหมือนอย่างผม - ตอนที่ 8: ผมก็อยากจะเป็นเหมือนกับเธอนะ
ผมได้ยินเสียงเรียกเข้าแสนคุ้นเคยจากมือถือ ก็เลยวางปากกาลงบนโต๊ะ
ตอนนี้ก็ 5 ทุ่ม 48 นาทีแล้ว บนหน้าจอนั่นแสดงชื่อ ‘ซาโกะ มาจิกะ’
นี่หมกหมุ่นเรื่องเรียนเกินไปจนเกือบลืมพักผ่อนไปซะสนิทเลย
ผมเลยรีบรับสายแล้วขอโทษทันที
“ขอโทษนะ ลืมเวลาไปซะสนิทเลย”
‘เห็นไม่ตอบกลับอะไร ก็นึกว่าจะเรียนหนักจนสลบไปแล้วนะเนี่ย’
คุณซาโกะพูดหยอกล้อ
เนื่องจากทุกทีคุณซาโกะจะไปนอนตอนเที่ยงคืน การโทรหากันก่อนช่วงนั้นก็จะเป็นครั้งสุดท้ายของวันเสมอ เพราะงั้นผมเลยไม่อยากจะพลาดไปแม้แต่วินาทีเดียว แต่ก็เหมือนผมจะตั้งใจเกินไป ก็เลยคุยกันแต่เรื่องความคืบหน้าของแต่ละคนจนถึงนาทีที่ 57
เหลืออีกแค่ 3 นาที เสียงของคุณซาโกะเลยดูกระวนกระวายขึ้น
“คือว่า…ถ้าไม่ว่าอะไรอาทิตย์หน้าพวกเราลองมาติวด้วยกันดีไหม?”
“เห ก็ฟังดูเข้าท่านะ”
หลังจากโทรหากันทุกวัน พวกเราก็ได้รู้ว่าว่าใครอ่อนวิชาอะไรและจัดตารางการติวที่เหมาะกับพวกเรา คุณซาโกะน่าจะเป็นคนที่เหมาะกับการติวด้วย แล้วอีกอย่างคือการสอบก็ใกล้เข้ามาแล้ว ผมเลยอยากจะรู้ว่าความต่างของเราสองคนมีมากขนาดไหน
พอผมแสดงออกว่าสนใจปุ๊บระดับเสียงของคุณซาโกะก็เปลี่ยนไปทันที
‘เย้ แล้วไปเรียนกันที่ไหนกันดีล่ะ? ฉันว่าเป็นคาเฟ่หรือห้องสมุดน่าจะดีนะ’
“ผมใช้ห้องสัมภาษณ์ที่โรงเรียนได้นะ วันเสาร์โรงเรียนก็เปิดอยู่ จะได้ไม่เปลืองเงินด้วย”
‘งั้นเหรอ…นี่จะใช้ห้องสัมภาษณ์จริงๆสินะ?’
“เออ ก็ใช่นะ?”
ไม่เข้าใจเหตุผลที่ต้องถามย้ำอีกรอบเลย
ผมตอบตกลงอย่างง่ายๆ และหลังจากเงียบไปครู่นึง ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจสั้นๆจากคุณซาโกะ
‘ก็ถ้าเราไปคาเฟ่หรืออะไรเทือกนั้น ฉันกะว่าจะใส่ชุดสบายๆไปแท้ๆ’
“อ๊ะ”
‘ถ้างั้นนะ จะไปห้องสัมภาษณ์แน่ๆเลยใช่มั้ย?’
ไม่คิดเลยว่าจะวางกับดักแบบนี้เอาไว้ ผมอยากเห็นคุณซาโกะในชุดไปรเวทสุดๆ จะต้องน่ารักฝุดๆเป็นแน่แท้ แต่ถ้าเปลี่ยนใจเอาตอนนี้ มีหวังได้เห็นแรงจูงใจที่ผมแอบปิดบังไว้แน่ๆ เพราะงั้นต้องใจแข็งเอาไว้ก่อน
“อะ-อื้ม เพราะผมเคยไปทำงานที่นั่นบ่อยๆด้วยล่ะนะ”
‘กะว่าถ้าตอบมาตรงๆจะใส่ชุดพิเศษสำหรับสึโยชิคุงสักหน่อยนะเนี่ย! งั้นไปนอนล่ะนะ!’
คุณซาโกะวางสายไปก่อนที่ผมจะได้ถามอะไร
หน้าจอกำลังแสดงเวลาในตอนนี้ ซึ่งก็เป็นเที่ยงคืนพอดี
ถ้าชุดของคุณซาโกะน่ารักเกินไปล่ะก็ ผมก็เป็นอันไม่ทำอะไรพอดี เพราะแบบนั้นผมถึงอยากเรียนในที่ๆปกติในชุดปกติไง…
แต่แน่นอนว่าไอ้ทั้งหมดที่คิดน่ะจริงๆเป็นแค่ข้ออ้าง ผมเสียใจในการตัดสินใจครั้งนี้ยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
ผม…อยากจะเห็นคุณซาโกะในชุดลำลองจริงนั่นแหละ
แล้วหน้าฝนได้มาเยือนและวันเสาร์ก็มีฝนห่าใหญ่ตกลงมา
ผมใส่เสื้อกันฝนแล้วปั่นจักรยานไปโรงเรียน แต่ขาของผมมันขยับอยู่ตลอด พวกมันก็เลยเปียกอย่างช่วยไม่ได้ ผมรีบเปลี่ยนรองเท้าทันทีที่มาถึง ถึงอย่างนั้นถุงเท้าของผมก็เปียกเรียบร้อยแล้ว ผมเลยรีบวิ่งไปตาทางเดินเพื่อที่จะทำให้มันแห้งได้ไวๆ
เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าห้องแนะแนวอนาคตจะเปิดในวันเสาร์รึเปล่า แต่กลายเป็นว่าอาจารย์ชิบาโตะยังนั่งอยู่ที่โต๊ะเหมือนอย่างทุกวัน
“ดูนี้สิสึโยชิ เพราะนายไม่มาช่วยฉัน ฉันก็เลยมาติดแหงกอยู่ที่นี่ช่วงวันสุดสัปดาห์เนี่ย อยากกลับบ้านชะมัด”
“งั้นเหรอครับ?”
“วันนี้ไม่เย็นชาไปหน่อยเรอะ นี่ก็สักพักแล้วนา ไม่คิดจะมาช่วยกันหน่อยเหรอ?”
“พอดีผมมาติวหนังสือน่ะครับ”
“ทำไมไม่มาจัดเอกสารระหว่างพักสักหน่อยล่ะ? จะต้องเป็นก้าวสำคัญแน่”
“ผมจะติวครับ เพราะงั้นมาช่วยไม่ได้หรอก”
ผมทิ้งอาจารย์ชิบาโตะไว้เบื้องหลังและเปิดประตูห้องสัมภาษณ์ เนื่องจากผมได้ยินเสียงบ่นอุบอิบจากข้างหลัง ผมเลยปิดประตูไปซะเลย
คุณซาโกะก็ดูเหมือนจะยังไม่มา ผมเลยถอดถุงเท้าแล้วเอาไปพาดตากที่ราวกันตกและเพราะผมไม่ได้เอาถุงเท้าอีกคู่มาสำรองก็เลยต้องใส่รองเท้าที่ใส่ในตัวอาคารแทนที่จะเท้าเปล่าแล้วก็ถกขากางเกงขึ้น
แค่คิดว่าต้องกลับบ้านด้วยถุงเท้ากับรองเท้าเปียกๆก็ทำผมแอบเศร้านิดๆ แต่สำหรับตอนนี้ผมต้องตั้งสมาธิเรื่องเรียนก่อน
คุณซาโกะยังไม่มา ถึงอย่างนั้นผมเลือกที่จะไปเปิดหาหนังสือมาอ่านไปพลางๆก่อน หลังจากทำโจทย์ไปนิดหน่อย ประตูห้องก็เปิดออก แล้วคุณซาโกะก็ชะโงกหัวเข้ามา
“อรุณสวัสดิ์จ้า ฝนตกแบบนี้แย่จังเลยเนอะ?”
“อรุณสวัสดิ์ ก็นะ ทำเอาถุงเท้าผมหนักเป็นหินเลยล่ะ”
เหมือนว่าคุณซาโกะจะไม่ได้เอาร่มมาใช้ ดูจากกระโปรงที่เปียกโชก
“ถุงเท้าฉันเหมือนกับผ้าขี้ริ้วเปียกเลยอะ…”
คุณซาโกะด้วยความไม่พอใจ
“จริงๆแล้ว ไปใช้ราวตรงนั้นได้นะ”
“จ้า งั้นไม่เกรงใจล่ะนะ”
คุณซาโกะยกขาเพื่อจะถอดถุงเท้าออก ผลก็คือมันทำให้กระโปรงเลิกขึ้นเผยถึงต้นขาขาวนวล ผมมองไปทางอื่นแล้วกลับมาตั้งใจอ่านหนังสือ
ผมหวังจริงๆนะว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวสักทีนะว่าตอนนี้ตัวเองเป็นยังไง ถึงตรงนี้จะมีผมคนเดียวก็เถอะนะ
ถึงกระนั้น คุณซาโกะก็เอาถุงเท้าไปตากไว้ตรงขอบหน้าต่างก่อนจะเอาผ้าขนหนูออกมาจากกระเป๋า
“วางเจ้านี่บนพื้นก็ได้นะ แบบนั้นจะได้ไม่ต้องใส่รองเท้าที่ใส่ในอาคารด้วยเท้าเปล่าด้วย”
“แน่ใจนะ? แบบนั้นไม่มันจะไม่สกปรกเอาเหรอ?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอากลับไปใช้เป็นผ้าขี้ริ้วที่บ้านก็ได้”
พอวางมันบนพื้นแล้ว พวกเราก็มีพื้นที่สบายๆให้เท้าได้พักมากขึ้น ผ้าขนหนูนุ่มๆนี่มันดีกับเท้าอันเหนื่อยล้าจริงๆนั่นแหละ
แบบนี้คงจะเริ่มติวกันได้เลย ดูจากการที่คุณซาโกะเอาอุปกรณ์มาวางบนโต๊ะไว้ซะเพียบพร้อม
แต่วินาทีที่ผมเอาเท้าลงบนผ้านั้นเอง ก็มีสัมผัสเย็นๆมาแตะเท้าผม มันคือ-เท้าเปล่าของคุณซาโกะนั่นเอง
“ขอโทษนะ”
ผมขอโทษด้วยเสียงอ่อนเปลี้ยแล้วขยับขาออก แต่คุณซาโกะก็ตามมาติดๆ
ชัดเจนว่าที่ทำทั้งหมดนี่คือตั้งใจชัวร์ป้าบ ร่างกายคุณซาโกะเย็นกว่าของผม อาจเป็นเพราะฝนที่ทำให้เท้าเธอเย็นถึงขนาดนั้น ขณะเดียวกันผิวของคุณซาโกะเนียนสุดๆ สัมผัสเหมือนกับหินกลมๆ
ไอ้ความรู้สึกแจ่มใสที่ก่อขึ้นในใจผม ทำเอาผมรู้สึกเหมือนกำลังทำอะไรบัดสีๆอยู่เลย และใช่ครับ สมงสมองผมมันเตลิดไปหมดแล้ว
“คุณซาโกะ แบบว่าช่วย-”
“เท้าฉันหนาวน่ะ”
คุณซาโกะประกาศด้วยเสียงเย็นเฉียบ พร้อมเอาเท้าผมไปคั่นกลางระหว่างเท้าทั้งสองของเธอ จะดูมุมไหนยังไงก็เจตนาชัดๆ
ขาของคุณซาโกะช่างงดงามราวกับผลงานศิลปะ แค่แตะเพียงนิดก็ทำเอาใจเต้นตึกตัก ในขณะที่ผมกำลังเขินอยู่ คุณซาโกะก็มองสมุดของตัวเองโดยไม่คิดอะไร ยังไงก็ตาม ปากกาของเธอก็ยังไม่กระดิกแม้แต่มิลเดียว
“สึโยชิคุงคิดว่าฉันสมบูรณ์แบบเหรอ?”
จู่ๆเธอก็ถามโพล่งขึ้นมา
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ไม่คิดว่าฉันมันไร้ยางอายเหรอ มาจู๋จี๋แนบชิดกับผู้ชายตั้งขนาดนี้เนี่ย? ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นก็ยังคิดว่าฉันสมบูรณ์แบบอีกเหรอ?”
“ผมคิดว่าคุณซาโกะแค่ต้องการพึ่งพิงใครสักคนเท่านั้นเอง”
“สึโยชิคุง ยังจำตอนที่นายเรียกฉันว่าสมบูรณ์แบบได้มั้ย?”
จำได้แน่นอน นั่นเป็นคำพูดที่ผมพูดตอนปฏิเสธคุณซาโกะ
ทำไมถึงมาถามตอนนี้กันนะ?
“จำได้สิ…”
“รู้อะไรมั้ย ฉันน่ะไม่ได้ ‘สมบูรณ์แบบ’ เพราะอยากหรอกนะ ฉันถูกพ่อแม่กับแม่กระตุ้นตลอด ก็เลยต้องอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้า อ่านหนังสือตามที่อาจารย์บอก ก็เท่านั้นเอง ฉันไม่อยากจะ ‘สมบูรณ์แบบ’ เลยแม้แต่นิดเดียว อยากจะเห็นแก่ตัวกว่านี้สักนิดและเลือกเส้นทางต่างๆด้วยตัวเอง…”
คุณซาโกะอธิบายด้วยเสียงสั่นเทา
ผมรู้สึกเหมือนคุณซาโกะเคยพูดถึงเรื่องอะไรแบบนี้เมื่อครั้งก่อนด้วย แต่ตอนนั้นไม่ได้ดูสะเทือนอารมณ์ขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
ผมไม่รู้ว่าผมล้ำเส้นเข้าไปได้รึเปล่า แต่ผมเป็นห่วงว่าคุณซาโกะมีอะไรหนักใจอยู่รึเปล่ามากกว่า เพราะงั้นผมจึงเตรียมตัวเตรียมใจแล้วถามออกไป
ไหล่คุณซาโกะกระตุก ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง
“…ฉันทะเลาะกับคุณพ่อน่ะ…ไม่สิ แบบนั้นเรียกทะเลาะไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ไปเถียงอะไรกันแบบนั้นงั้นเหรอ?”
“เปล่าหรอก แม้แต่อะไรแบบนั้นก็ไม่ใช่ คุณพ่อแค่ถามว่า ‘ถ้ามีอะไรอยากพูดล่ะก็ พูดออกมาได้เลยนะ’ แล้วก็โกรธฉันน่ะ ฉันนี่ไม่ได้เรื่องกับอะไรแบบนี้จริงๆนั่นแหละ ตัวฉันที่ทำตามที่คุณพ่อบอกเสมอมา จะมาเห็นแก่ตัวเอาตอนนี้ได้ยังไง”
“หรือก็คือ คุณซาโกะบอกคุณพ่อไม่ได้ว่าอยากทำอะไรเรอะ?”
“…เหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่ไม่อยากทำมากกว่าน่ะ”
“แล้วนั่นใช่สิ่งที่ควรบอกผมเหรอ?”
“….ขอโทษนะ แต่ไม่ได้จริงๆนั่นแหละ”
คุณซาโกะเบือนหน้าหนีไปจากผมพร้อมกับขอโทษ คงเป็นปัญหาเรื่องครอบครัวจริงๆสินะ
“ฉันอยากเห็นแก่ตัวกว่านี้…”
เธอพูดกับตัวเอง
ดูเหมือนปัญหานั้นจะฝังรากลึกไปพอสมควร สภาพคุณซาโกะดูเหมือนกับกลัว…ไม่สิดูหวาดผวาเลยต่างหาก
“จริงๆแล้ว ฉันอยากเป็นเหมือนสึโยชิคุงนะ อยากจะพูดสิ่งที่อยากอย่างเปิดเผย…อะฮะๆ นี่ฉันจะพูดอะไรแบบนี้อีกกี่ครั้งกันเนี่ย”
คุณซาโกะส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มที่อ่อนล้า
“ผมก็เหมือนกันนะ คุณซาโกะ แม้แต่จนถึงตอนนี้ ผมก็ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะเป็นให้ได้แบบคุณซาโกะ แล้วเอาชนะเธอในการสอบครั้งหน้าให้ได้”
ผมพูดไปโดยไม่ทันยั้งคิด แต่จู่ๆคุณซาโกะก็เงยหน้าขึ้น
“ปะ-แปลว่า คนที่สึโยชิคุงอยากไล่ตามให้ทันก็คือ…!”
“อ๊ะ”
ซวยแล้ว! ก่อนหน้านี้ไม่นาน ผมเคยพูดว่าผมมีคนที่อยากตามให้ทันอยู่…หรือก็คือ คำพูดเมื่อกี้มันก็ไม่ต่างจากการสารภาพรักเลยไง! ผมเงยหน้าขึ้นแล้วก็ได้เห็นใบหน้าเขินอายของคุณซาโกะ ตอนที่กำลังจะเอามือมาบังหน้าพอดี
ทำลงไปซะแล้ว…จะไปต่อ จะถอย หรือจะพยายามแก้ตัวดีนะ? เซลล์สมองของผมหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถหาการตัดสินใจที่ดูเหมาะเจาะได้เลย
ระหว่างที่ผมกำลังตื่นตูมอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงเบาๆของคุณซาโกะแว่วมาจากซอกนิ้ว
“กะ-ก็หมายความว่า…ถ้าสึโยชิคุงชนะฉันในการสอบครั้งถัดไป ฉันก็ยังมีหวังสินะ…?”
หูของเธอแดงจนผมเป็นห่วงว่า จะสลบไปเลยมั้ยนั่น
“อะ-อื้ม…”
ที่ผมทำได้มีแค่การพยักหน้าเท่านั้น รู้ตัวอยู่แล้วล่ะว่าหน้าผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหน้าคุณซาโกะเลยสักนิด
คุณซาโกะเปิดหน้าตัวเองก่อนจะก้มลง
“รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยแล้วล่ะ ขอบคุณนะ…”
“ดะ-ด้วยความยินดี”
คุณซาโกะเอาเท้าเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง แล้วเอามาพันกับเท้าผม ความอบอุ่นของเธอสอดผสานกับของผม แล้วเท้าก็รู้สึกอุ่นขึ้นเป็นกอง
“…ผมว่าพวกเราเริ่มเรียนกันเถอะ”
ผมเสนอออกไปแบบนั้น ส่วนคุณซาโกะก็พยักหน้า ผมหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้งแล้วเอาสมุดมาบังหน้าตัวเอง เพื่อที่จะไม่ได้มาสบตาอะไรกันอีก