คุณคนเดียวเท่านั้น - ตอนที่ 51 เจ็บก็บอกกับผม อย่าเก็บเอาไว้
ในตอนที่ซ่งอีนั่วตกลงไป เสิ่นฉวนชีได้ยืนอยู่ข้างเธอ เมื่อเขายื่นมือไปดึงเธอก็สายเกินไปเสียแล้ว แค่กระพริบตาก็เห็นเธอลงไปกองอยู่กับพื้น ในชั่วพริบตานั้นก็เห็นท่าทางที่ยากลำบากของเธอ และสายตาของเธอที่ได้รับความเจ็บปวด ในใจเขาได้เจ็บปวดรวดร้าว
หยดไวน์สีแดงที่ได้สาดลงบนศีรษะของเธอ ไหลลงไปตรงคางและชึมผ่านไปถึงชุดชั้นในของเธอ ชุดบางๆสีฟ้าอ่อน สามารถมองเห็นส่วนของหน้าอกได้อย่างเลือนลางๆ เหล่าลูกค้าได้เข้ามาล้อมรอบไว้ มีคนได้ให้คำแนะนำกับเธอ แต่เธอไม่ได้สนใจความยากลำบากของเธอ กลับจ้องแต่มองที่ต่งอี๋เซวียน
เสิ่นฉวนชีรีบนำสูทวางไว้บนร่างกายของเธอ โค้งตัวเพื่อพยุงเธอขึ้นมา และไม่ได้สนใจชุดที่เปียกชุ่มไปด้วยไวน์แดงบนร่างกายของเธอแม้แต่น้อย "บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เจ็บก็บอกกับผมนะ อย่าได้เก็บเอาไว้"
ซ่งอีนั่วที่รู้สึกชาๆ สติก็ค่อยๆกลับมาเหมือนเดิม ตอนที่เธอล้มลงไป ข้อศอกของเธอได้ลงสู่พื้นก่อน แม้ว่าพื้นจะปูด้วยพรมที่หนา แต่เมื่อหกล้มก็เจ็บไม่ใช่น้อย เธอมองผู้ชายที่มีท่าทีที่ร้อนใจที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาไม่ได้ตำหนิเธอที่เธอทำเขาเสียหน้า แต่เป็นหวงว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
และต่งอี๋เซวียนที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเธอ ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบเรื่อง เขาได้แต่เงียบ
เธอหายใจไม่คล่อง กระดูกข้อศอกก็เจ็บ ความเจ็บค่อยๆลามไปทั้งตัว ทำให้หัวใจของเธอเจ็บและเริ่มบีบตัวขึ้น เธอจับแขนของเสิ่นฉวนชีไว้แน่น กำลังจะเรียกเขาให้พาเธอออกไป ในวินาทีนั้นเธอก็โดนคนดึงเข้าไปในอ้อมกอด
อ้อมกอดของเสิ่นฉวนชีได้ว่างเปล่า เขาเงยหน้ามองถังโย่วหนานที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน หรี่ตามองด้วยความโกรธ
ถังโย่วหนานเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาที่ใส่ชุดเชิ้ตสูทสีฟ้าเข้ม ดูแล้วมีพลังไม่ธรรมดา มือของเขาได้ประคองอยู่บนเอวของซ่งอีนั่ว แล้วได้กวาดสายไปยังกลุ่มคน สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่หน้าของเสิ่นฉวนชี ตั้งใจที่จะแสดงให้เห็น "จะมีใครไหมที่บอกกับผม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมภรรยาของผมถึงได้หกล้ม"
ในเวลานั้นซ่งอีนั่วคิดว่าไม่ใช่การพูดหาความแน่ๆ เปล่งเสียงดังออกมาด้วยตัวเองขนาดนี้ ทั้งบ้านตระกูลเสิ่น ตระกูลซ่ง ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเสียหน้า แต่ท่าทีของถังโย่วหนานก็ยังเหมือนปกติ
เขาคิดว่าเขาเป็นคนปกป้องดูแล แต่ในทางกลับกันเขาทำให้เธอเสียหน้าอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น บนร่างกายของเขายังมีกลิ่นน้ำหอมที่ฉุนอยู่ด้วย เหตุการณ์หลังจากเกิดเรื่อง เธอได้เหลือบมอง บนคอของเขา ซึ่งมีร่องรอย รวมถึงรอยลิปสติกสีแดงที่อยู่บนเสื้อเชิ้ตสีขาว ยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด เธอนำมือของเขาออก เดินเซไปมายังหน้าประตูของห้องโถงจัดงาน
สีหน้าของถังโย่วหนานยังปรากฏถึงความเจ็บปวด เขามองไปทางที่เธอเดินจากไป จากนั้นก็รีบเดินตามไป
เสิ่นฉวนชีที่ยืนอยู่ที่เดิม มือที่อยู่ข้างลำตัวก็ได้กำแน่น เหมือนกำลังซ่อนความอดกลั้นอะไรสักอย่าง ครั้งต่อไป ถ้าเธอจะได้รับบาดเจ็บต่อหน้าเขาอีก เขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเองแน่
สายตาของต่งอี๋เซวียนได้หยุดอยู่ที่เสิ่นฉวนชี ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ได้ฟังผิด ซ่งอีนั่วเป็นภรรยาของถังโย่วหนาน ก็เป็นหลานสะใภ้ของเสิ่นฉวนชี แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นเขากับคนรุ่นเธอที่ธรรมดาขนาดนั้น หรือว่า…..
"แม่ ดูอะไรอยู่เหรอคะ" เฟิ่งเจินเจินยื่นอยู่ข้างต่งอี๋เซวียน และสายตายของเธอที่มองผ่านไป แต่ก็มองไม่เห็นอะไร
"เธอไปไหนมา ทั้งวันไม่เห็นเลย" ต่งอี๋เซวียนถอนสายตากลับคืน มองไปที่หลานสาว คิ้วตาที่สวยงาม ยังกับดอกกุหลาบที่กำลังเบิงบาน สีสันสวยสด เธอไม่ละสายตา บนคอของเธอมองเห็นรอยจูบ เธอค่อยๆขมวดคิ้ว
เฟิ่งเจินเจินจะแบกรับสายตาของต่งอี๋เซวียนที่จ้องมองอย่างกระชั้นชิดได้อย่างไร เธอละสายตาออกไป ใบหูก็แดงก่ำ แล้วอธิบายเสียงเบาว่า "เมื่อกี้ปวดท้องนิดหน่อยนะ"
ต่งอี๋เซวียนหรี่ตามองแล้วมองอีก คนที่นี้พูดไปเรื่อยจริงๆ เธอไม่ได้ไปทำอะไร เธอเงยหน้ามองที่ประตูของห้องโถงจัดงาน เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ถังโย่วหนานได้ซ่งอีนั่วอยู่ที่หน้าประตูของห้องโถงจัดงาน คว้ามือเธอไว้ค่อยๆออกแรง ในขณะที่เขาหายใจผิดจังหวะแล้วพูดว่า "ซ่งอีนั่ว ฉันพาเธอมาร่วมงาน ไม่ได้ให้เธอมาทำให้ฉันเสียหน้า"
ในใจของซ่งอีนั่วที่เจ็บช้ำอยู่แล้ว ยังต้องโดนเขาตำหนิ ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน "ใช่ ที่นายพาฉันมาก็ไม่ใช่เพราะเอาฉันมาเป็นเกราะให้นายกับซ่งจื่อจินหรอกเหรอ ฉันรู้ดีว่าสถานะของฉันคืออะไร ไม่ต้องเตือนฉันหรอก"
ถังโย่วหนานโดนเธอพูดใส่ สีหน้าได้เปลี่ยนไปดูไม่ได้เอามากๆ เขาจ้องมองเสื้อสูทผู้ชายที่อยู่บนไหล่ของเธอ "เธอรู้งั้นก็ดี อ่อ แล้วเมื่อกี้ทำไมถึงทำตัวลีลากับลุงของฉันนักล่ะ"
ซ่งอีนั่วโกรธไม่น้อยเลย เธอใช้แรงสะบัดแขนของเขาออก แล้วมองที่รอยบนคอของเขา หัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า "ถังโย่วหนาน ก่อนที่จะตำหนิคนอื่น รบกวนเธอดูตัวเองก่อนดีไหม อย่าทำให้คนขยะแขยง"
ถังโย่วหนานสัมผัสได้ที่สายตาที่เธอมอง ยื่นมือออกมาลูบที่คอ ซึ่งเป็นรอยที่ผู้หญิงเมื่อกี้ฝากเอาไว้ เขาพูดว่า" อีนั่ว ฉันเพรียบพร้อมทุกสิ่งอย่าง ไม่จำเป็นจะต้องสนตัวเธอด้วยซ้ำ แค่ไปหาผู้หญิงอื่น"
"ถังโย่วหนาน ฉันขอร้องนายละ อย่าหาข้ออ้างต่างๆนานา ให้ฉันเสียใจอีกเลย นายอยากจะไปหาผู้หญิงอื่นฉันไม่ห้ามนาย แต่ขอร้องไปเซ็นชื่อในหนังสือหย่าให้ฉัน หลังจากวันนี้ ความเป็นสามีภรรยาของเราก็สิ้นสุด "ซ่งอีนั่วโดนเขาทำให้เจ็บจนชินชา ไม่มีแรงที่จะรู้สึกถึงว่าจะเจ็บปวดแล้ว
เธอโดนเขาบังคับให้รับสภาพอย่างทุกวันนี้ หรือว่าธาตุแท้ของเขาก็เป็นแบบนี้ เขามีซ่งจื่อจินแล้ว ทำไมถึงยังไม่รู้จักพอ ยังอยากจะได้ผู้หญิงอื่นๆเข้ามาอีก
ถังโย่วหนานโกรธมาก เขาง้างมือที่จะจัดการเธอ
ถังโย่วหนานยืนคอแข็ง สายตาที่เยือกเย็นจ้องมองที่เธอ ถังโย่วหนานรู้ ถ้าใช้ฝ่ามือลงมือครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ต้องจบสิ้นจริงๆ เขาค่อยๆยกมือขึ้นมากำเป็นหมัด แล้วก็สะบัดทิ้งไป
ซ่งอีนั่วยื่นอยู่หน้าโรงแรม ลมพัดผ่านไป เธอมองถังโย่วหนานค่อยๆเดินจากไป และได้แต่รู้สึกเศร้าเสียใจ
ซ่งอีนั่วได้กลับไปยังจินยู้หลานวาน พละกำลังเหมือนลดลงไปไม่น้อย เธอเดินไปรอบๆสวนดอกไม้ แล้วนั่งลงโดยไม่ได้สนใจว่าจะเลอะกระโปรง เธอก้มหน้ามองที่ร้องเท้าคริสตัลของเธอ ซึ่งส่งมาพร้อมกับชุดเสื้อผ้า เป็นเบอร์ที่เธอใส่
เสียงระฆังดังจากไกลๆเป็นสัญญาณว่าเป็นเวลาโมงตรง ความรู้สึกที่เศร้าหมอง เหมือนเสียงระฆังจากวัดที่อยู่ในป่าลึก
12นาฬิกาแล้ว ความฝันของซินเดอเรล่าก็ค่อยๆเลื่อนหายไป เธอได้กลับมาเป็นซ่งอีนั่วที่ทุกๆคนต้องการได้พบเจออีกครั้ง เจ็บปวดจริงๆ ซ่งอีนั่ว ทำไมเธอต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้
ทันใดนั้นเอง รองเท้าหนังสีดำก็ได้พุ่งเข้ามาในระยะสายตาของเธอ เธอเหมอลอยไปสักพัก รู้สึกตัวอีกทีก็เงยหน้า และเห็นเสิ่นฉวนชีอยู่ด้านหน้า
สายตาคู่นี้ เสิ่นฉวนชีถอนหายใจ เด็กคนนี้ได้รับความเป็นธรรมได้แค่รู้ว่าต้องหลบซ่อนแล้วแอบร้องไห้ เขานั่งคุกเข่าข้างตัวเธอ ยื่นมือจับเท้าของเธอยกขึ้นมา ถอดรองเท้าส้นสูงให้กับเธอ เอาเท้าของเธอที่แดงวางไว้บนเขา
ซ่งอีนั่วรู้ว่ามันไม่เหมาะสม จึงร้อนรนที่จะนำเท้าออก แต่ในวินาทีนั้น หลังเท้าของเธอก็เกิดอาการปวดขึ้นมา