ซ่งอีนั่วเหมือนถูกตีเข้าที่จุดอ่อน ทั้งร่างกายตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับอีก ไม่รู้ทำไม แต่เธอเชื่อเขาถ้าเธอกล้าดิ้นอีก เขาต้องทำอย่างที่พูดไว้แน่
ทันใดนั้นคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขาก็ตัวแข็งทื่อ เสิ่นฉวนชีมองดูเธอ ความอ้างว้างผ่านเข้ามาในแววตา เด็กคนนี้ยังนึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้อยู่
เมื่อซ่งอีนั่วเห็นเขามองมาที่ตัวเอง เธอหวาดกลัวจนรีบเอามือปิดปากไว้ ใบหน้าเล็กจ้องมองเขาอย่างระแวดระวัง
เสิ่นฉวนชีปล่อยตัวเธอเป็นอิสระ มองดูเธอจ้องตัวเองอย่างเตรียมพร้อมป้องกันตัว เขาส่ายตัวแล้วหัวเราะ เอื้อมมือไปลูบปอยผมด้านหน้าเธอเบาๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชวนหลงใหล “แค่เธออยู่ตรงนี้สักพัก เรื่องของเราก็จะจบเร็วขึ้น”
ซ่งอีนั่วมองเขาอย่างงุนงง รู้สึกเสียวซ่าที่ศีรษะ เธอหันหน้าไปมองเขา ภายใต้แสงสีเหลืองนวลของโคมไฟติดผนัง ใบหน้าของเขาดูละมุนขึ้น ริมฝีปากอมยิ้มเล็กน้อย แสดงว่าเขาอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อดับบุหรี่ในมือ หยิบไพ่บนโต๊ะโป๊กเกอร์ขึ้นมาใหม่ และพูดกับอีกสามคนว่า “ต่อ”
ป๋อมู่เหนียนมองดูซ่งอีนั่วที่นั่งหน้าแดงอยู่ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “สี่ แกจะไม่แนะนำพี่แนะนำน้องหน่อยเหรอ?”
ในแก๊งมีทั้งหมดห้าคน ป๋อมู่เหนียนเป็นหัวแก๊ง เขาพูดขึ้นมาอย่างมีอำนาจ
เสิ่นฉวนชีจั่วไพ่ออกมา แล้วพูดขึ้น “พวกแกยังไม่รู้จักทุกคนหรอกเหรอ?”
ปี้หยุนเทาเดินเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “พี่สี่ก็อย่าทำเป็นขอไปทีแบบนี้สิ พวกเรารู้จักพี่สะใภ้ แต่พี่สะใภ้ยังไม่รู้จักพวกเรา พี่สะใภ้ผมชื่อปี้หยุนเทา หรือจะเรียกว่าน้องห้าก็ได้นะ”
ซ่งอีนั่วถูกเขาเรียกว่าพี่สะใภ้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนจิตใจอยู่ไม่สุข เมื่อมองไปที่เสิ่นฉวนชี ทั้งที่รู้ว่าพวกเขาเข้าใจผิด แต่ก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรเลย เธอร้อนรนจนเหงื่อออก “อืม… ฉันไม่ใช่…”
เธอพูดยังไม่จบ ทันใดนั้นก็มีมือเอื้อมมาโอบรัดเอวเธอเอาไว้แน่น เธอจึงกลืนคำพูดทั้งหมดกลับลงไป
สักพัก คนอื่นๆ ก็เริ่มแนะนำตัว
“ป๋อมู่เหนียน”
“กัวยวี้”
“เยว่จิง”
“คิกคิก” เสียงซ่งอีนั่วหัวเราะออกมา จากนั้นทุกคนก็มองมาที่เธอ ความรู้สึกกดดันก่อตัวขึ้นทันที เธอจึงหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแสดงออกอย่างหนึ่งแต่ในใจคิดอีกอย่างหนึ่ง เธอหัวเราะคิกคักอยู่ในใจ ประจำเดือนงั้นเหรอ? *(เยว่จิง พ้องเสียงกับคำว่า 月经 ที่แปลว่า ประจำเดือน) ไม่คิดว่าจะมีคนใช้ชื่อนี้จริงๆ ตลกซะมัด
“พี่สะใภ้ พี่ยิ้มอะไรเหรอ? พูดออกมาให้ทุกคนมีความสุขด้วยหน่อยสิ” ปี้หยุนเทาที่นั่งอยู่บนพนักพักแขนโซฟาถามขึ้นมาแทนทุกคน ตอนนี้เขาดูเป็นคนที่ไม่มีอะไรทำที่สุด
ซ่งอีนั่วยิ้มแล้วส่ายหน้า บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลสำคัญทางการตลาด เธอคงรับโทษไม่ไหวแน่ๆ แค่แอบหัวเราะให้ตัวเอง บอกไปไม่ให้อีกฝ่ายเซ้าซี้ และยังดูเป็นเรื่องหยุมหยิมอีกด้วย
เธอยิ้มออกมา จนคิ้วโค้งงอ ดวงตาคมสวยหรี่ลงเล็กน้อย ทุกคนดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา เสิ่นฉวนชีอดที่จะมองเธอเสียไม่ได้ เพียงแค่มองอารมณ์เขาก็ผ่อนคลายขึ้นแล้ว
พวกเขาเล่นกันไปได้ประมาณสองสามรอบ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเสิ่นฉวนชีก็สั่น เขาหยิบมันขึ้นมามองดูเบอร์โทรที่โชว์อยู่บนหน้าจอ แล้วส่งไพ่ให้กับซ่งอีนั่ว “เธอช่วยเล่นแทนหน่อย”
ทุกคนมองเขาอย่างประหลาดใจ เสิ่นฉวนชีมีนิสัยอย่างหนึ่งคือ เมื่ออยู่บนโต๊ะโป๊กเกอร์เขาจะไม่ให้ใครช่วยเขาเล่น แต่ตอนนี้เขากลับให้ซ่งอีนั่วถือไพ่แทน
ซ่งอีนั่วรับไพ่มาอย่างลนลาน แต่… “ฉันเล่นไม่เป็นนะ”
“ไม่เป็นไร แพ้ก็ของฉัน ชนะก็เป็นของเธอ” เสิ่นฉวนชีตบไหล่เธอเบาๆ แล้วลุกออกไปรับโทรศัพท์
เมื่อเสิ่นฉวนชีเดินจากไป ปี้หยุนเทาก็อาสาพูดขึ้น “พี่สะใภ้ยังมีผมอยู่ ผมจะเป็นกุนซือให้พี่เอง ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือ”
สามคนหัวเราะเยาะอย่างไม่ใส่ใจ เวลาที่พวกเขาปาร์ตี้กัน เหตุผลที่ปี้หยุนเทาไม่มีโต๊ะนั่ง เพราะว่าเขาโชคไม่ดี เดิมพันทีไรก็แพ้ทุกครั้ง หลังจากที่แพ้และเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะพวกพี่ๆ ได้ เขาจึงถูกออกคำสั่งให้ห้ามเล่นไพ่ที่โต๊ะโป๊กเกอร์อีก
MANGA DISCUSSION