คุณคนเดียวเท่านั้น - ตอนที่ 2 เหงามากใช่ไหม
ซ่งอีนั่วตกใจจนลมหายใจสะดุด เธอเบิกตากว้างมองริมฝีปากบางที่ค่อยๆขยับใกล้เข้าไปเรื่อยๆ สมองของเธอหยุดไปชั่วขณะ กว่าที่เธอจะรู้ว่าต้องหลบ เธอก็อยู่ห่างจากริมฝีปากนั้นแค่หนึ่งเซนเท่านั้น ความใกล้ชิดทำให้เธอได้กลิ่นไวน์ที่ปนออกมากับลมหายใจของเขา
กลิ่นหอมสะอาดๆ ราวกับมีมนต์สะกด ดึงดูดให้ซ่งอีนั่วจ้องมองเขาด้วยความลุ่มหลง หลงลืมไปหมดสิ้นว่าต้องหาทางหลบหลีก
ขณะที่ริมฝีปากทั้งคู่กำลังจะแนบสนิทกัน เสิ่นฉวนชีก็ยืดหลังตรงกะทันหัน ทำให้ริมฝีปากของซ่งอีนั่วประกบอยู่ตรงลูกกระเดือกของเขาแทน
‘อึก’ ไม่รู้ว่าใครกลืนน้ำลายกระทันหัน ทำให้บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นไปอีก
ซ่งอีนั่วรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว โดยอยู่ให้ห่างจากระยะลมหายใจของเขา จากนั้นก็กล่าวขอโทษหน้าแดง “อาสี่พี่เขย ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ถึงตั้งใจก็ไม่เป็นไร” เสิ่นฉวนชีจ้องมองเธอด้วยสายตาคมเข้ม พลางพูดยิ้มๆ
“หือ” ซ่งอีนัวมองเขาอย่างงุนงง สมองหยุดประมวลผลกะทันหัน
เสิ่นเฉินชียกยิ้มออกมาเมื่อเห็นความน่ารักของเธอ จากนั้นเขาก็สอดมือเข้าไปไว้ในกระเป๋ากางเกง และหันหลังเดินไปทางรถมายบัคที่จอดอยู่ข้างทาง แต่เมื่อเดินไปได้แค่สองก้าว และไม่เห็นซ่งอีนั่วเดินตามมา เขาจึงหันไปขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่ไปหรอ”
“ไปค่ะ ไป” ซ่งอีนั่วรีบก้มลงไปเก็บของใส่กระเป๋าที่ตกอยู่บนพื้น แต่เมื่อเก็บไปได้ครึ่งหนึ่ง เธอถึงเพิ่งนึกออกว่าเมื่อกี้เขาแกล้งเธอ
ไม่ๆๆๆ คุณอาสี่พี่เขยเป็นคนตรงและใจดีขนาดนั้น ไม่มีทางเหมือนถังโย่วหนานหรอก เธอต้องเข้าใจผิดแน่
เสิ่นเฉินชียืนมองเธอที่เดี๋ยวส่ายหน้า เดี๋ยวพยักหน้าอย่างน่ารัก ไม่แปลกใจเลยที่โย่วหนาน…
ซ่งอีนั่วหยิบกระเป๋าขึ้นมาปัดคราบเลอะเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินไปตรงหน้าเขา และยิ้มอย่างเกรงใจ “อาสี่พี่เขย รบกวนไปส่งหน่อยนะคะ”
“อาสี่พี่เขย เธอชอบเรียกฉันแบบนี้หรอ” เสิ่นเฉินชีพูดสี่คำแรกอย่างหยอกล้อ
ซ่งอีนั่วรีบอธิบายอย่างอายๆ “คุณเป็นคุณอาสี่ของโย่วหนาน และคุณก็เป็นสามีของพี่สาวฉัน ฉันก็เลย….”
เสิ่นเฉินชีเข้าใจในทันที ความสัมพันธ์ของพวกเขาซับซ้อนเกินไป จึงทำให้เธอต้องเรียกเขาแบบนี้ เขาพูดว่า “ไม่ต้องเรียกแบบนั้น ต่อไปเรียกฉันว่าพี่สี่”
“มัน….ไม่ดีมั้งคะ” ซ่งอีนั่วพูดอย่างลังเล จากความสัมพันธ์ของพวกเขา ไม่มีทางเรียกกันว่าพี่สี่ได้
เสิ่นฉวนชีมองเธอ ก่อนจะเปิดประตูรถ เพื่อสื่อว่าให้เธอขึ้นรถได้แล้ว
ซ่งอีนั่วรีบก้มตัวเข้าไปในรถด้วยความเกรงใจ เสิ่นฉวนชีเปิดประตูรถให้เธอด้วยตัวเอง มันช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
ในถงเฉิงไม่มีใครไม่รู้จักเสิ่นเฉินชี เขามีสมบัติหลายร้อยล้าน เป็นคนกุมชะตาเศรษฐกิจในเมืองถงเฉิง เขาสามารถกุมท้องฟ้าได้ด้วยมือเดียว เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา และส่วนสูงที่เทียบได้กับนายแบบดังระดับโลก เขาเป็นคนสะอาด ไม่เข้าใกล้ผู้หญิง ไม่มีข่าวลือเสียๆหายๆ เขาเป็นสามีแห่งชาติ
แต่ในข่าวลือบอกผิดไปอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิง แต่เขาไม่มีอารมณ์กับผู้หญิง
ซ่งอีนั่วนึกถึงคำพูดของซ่งจื่อจินในวันนี้แล้ว ก็อดรู้สึกเห็นใจเขาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้มีพร้อมทั้งเงินทองและหน้าตา แต่เขากลับไม่ขึ้น
หล่อเหลาขนาดนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ
เสิ่นเฉินชีขับรถไปพลางมองท่าทางแปลกๆของเธอไปด้วย เขาจ้องมองสีหน้าเดี๋ยวเห็นใจ เดี๋ยวเสียดายของเธออย่างแปลกใจ เธอกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่
“ดึกขนาดนี้แล้ว คุณมาหน่วยตรวจสอบจราจรทำไม โย่วหนานขับรถมีปัญหาอีกแล้วหรอ”
เมื่อพูดถึงถังโย่วหนาน อารมณ์ดีๆของเธอก็หายไปทันที เธอมองไปที่เสิ่นเฉินชีที่ดูจะไม่รู้อะไรเลย แล้วก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนช่างเหมือนเต่าล้านปีจริงๆ เธอไม่ตอบ แต่ถามกลับไปว่า “งั้นทำไมคุณถึงอยู่นี่ล่ะ”
“เพิ่งเสร็จจากงานสังคมเลยผ่านมาทางนี้” เสิ่นเฉินชีมองตรงไปที่ถนนข้างหน้า สายตาคมเข้มของเขาส่องประกายเย็นยะเยือกออกมา
“อ๋อ” ซ่งอีนัวมึนไปชั่วขณะ เขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ แต่อย่างนี้ก็ดี ถ้ารู้แล้วก็รังแต่จะเพิ่มความโกรธและความเสียใจ ถ้าไม่รู้อะไรเลย อย่างน้อยก็ยังมีความสุขต่อไปได้
เสิ่นเฉินชีแอบกวาดสายตามองเธอ และพูดราวกับเป็นคนที่ผ่านน้ำร้อนมาอย่างโชกโชน “ถังโย่วโดนพี่ใหญ่เลี้ยงมาจนเสียคน ถ้าเขาทำให้เธอไม่สบายใจ ก็ช่วยอดทนหน่อยนะ เขาไม่ใช่คนจิตใจโหดร้าย”
ซ่งอีนั่วกัดฟันไม่พูดอะไร ถ้าถังโย่วหนานไม่ใช่คนจิตใจโหดร้าย เขาจะขึ้นเตียงกับซ่งจื่อจินได้ยังไง ซ่งจื่อจินไม่เพียงแต่เป็นพี่สาวของเธอ ยังเป็นพี่สะใภ้ของเขาด้วย แต่คำพูดพวกนี้เธอพูดออกมาไม่ได้ เธอไม่อาจทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ตัวเองนับถือได้
อาจเป็นเพราะเธอเคยถูกหักหลัง เคยมีประสบการณ์การโดนคนรักทรยศอย่างเจ็บปวด และเลือดเย็นที่สุด จึงทำให้เธออยากปกป้องเสิ่นเฉินชี เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรได้รับการทำร้าย
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงรถก็มาจอดลงที่หน้าประตูคอนโดยู่จิ่ง ซ่งอีนั่วเงยหน้ามองไฟที่สว่างไสวอยู่รอบๆ ที่นี่คือเรือนหอของเธอกับถังโย่วหนาน ตั้งแต่เขาพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามา เธอก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
แต่คืนนี้ เสิ่นเฉินชีกลับมาส่งเธอที่นี่
เธอลังเลอยู่นิดหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูลงไป จากนั้นก็ยืนอยู่ข้างรถ โน้มตัวลงมาพูดกับเสิ่นเฉินชีที่ยังนั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ “อาสี่พี่เขยขอบคุณที่มาส่งนะคะ กลับดีๆนะคะ”
เสิ่นเฉินชีส่ายหน้ายิ้มๆ เด็กบื้อ “ฉันจะดูเธอเข้าไปก่อนค่อยไป”
ตอนแรกซ่งอีนั่วตั้งใจจะส่งเขาไปก่อน จากนั้นค่อยเรียกรถกลับอพาร์ทเม้นต์เล็กๆของเธอ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็ทำได้แค่อึดเข้าบ้านไป
เสิ่นเฉินชีมองตามเธอไปจนเธอหายเข้าไปในหมู่ต้นไม้ เขาก็ดึงสายตากลับมา สายตาของเขามีประกายล้ำลึกบางอย่าง จากนั้นเขาก็ปลดเบรคมือ ขับรถออกไป
— —
‘แกร๊ก’ ซ่งอีนั่วดึงกุญแจออกมา และเดินเข้าไปในบ้าน
ภายในคอนโดมืดมาก เธอยืนปรับสายตาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มชินกับความมืด เธอเดินเข้ามาช้าๆ การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ เธอเป็นคนเลือกเองทั้งหมด
เธอยังจำวันที่แต่งบ้านใหม่ได้ ถังโย่วหนานกอดเธออย่างอบอุ่น เขาจูบหูของเธอ พร้อมพูดว่า “อีนั่ว จากนี้ที่นี่จะเป็นรังรักของเรา ถ้าเราแต่งงานแล้ว เรามามีลูกชายลูกสาวกัน พวกเราต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป”
“อีนั่วผมจะรักคุณตลอดไป”
ซ่งอีนั่วยืนอยู่หน้าห้องนั่งเล่น มองโซฟาสีม่วงที่เธอเลือกเองกับมือ แต่ตอนนี้ตรงนี้กลับเป็นที่เริงรักของถังโย่วหนานกับผู้หญิงคนอื่น เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาจนทนไม่ไหว
เธอรีบหันหลัง แต่ทันใดนั้นไฟในห้องนั่งเล่นก็สว่างจ้า แสงสว่างทำให้เธอลืมตาแทบไม่ขึ้น เธอจึงค่อยๆหรี่ตามองไป ก่อนจะเห็นคนที่เข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นถังโย่วหนาน
ถังโย่วหนานยืนมองเธอจากห้องโถงเงียบๆ ราวกับไม่แปลกใจเลยที่เธออยู่ที่นี่ เขาใส่เสื้อเชิ้ตเรียบๆสีขาวและกางเกงสแลคสีดำ เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสามเม็ด เผยให้เห็นอกแกร่งขาวๆที่มีรอยเล็บข่วนจางๆ
ซ่งอีนั่วกำสายกระเป๋าไว้แน่น รอยข่วนนั้นราวกับมีดแทงเข้ามากลางใจของเธอ แม้เรื่องนี้เธอจะเจอมาห้าปีแล้ว แต่เธอก็ยังทำใจไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะทำร้ายเธอแบบไหน เธอก็ยังมีความหวัง เธอคิดว่าเขาจะไม่พูดถึงเรื่องหย่า รอจนเขาแก้แค้นจนพอใจ จนเขาเบื่อผู้หญิงข้างนอก แล้วเขาจะกลับมาอยู่ข้างเธออีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน
เธอรอเขามาห้าปี ตั้งแต่อายุสี่สิบจนถึงอายุยี่สิบห้าปี เขาแย่งเอาช่วงวัยรุ่นของเธอไปจนหมดแล้ว
“ถังโย่วหนาน ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันไม่อยากอยู่อย่างนี้อีกต่อไปแล้ว เราหย่ากันเถอะ” ตลอดห้าปีมานี้ ทุกครั้งที่ซ่งอีนั่วคิดถึงคำว่า ‘หย่า’ เธอก็เจ็บจนทนไม่ไหว ถังโย่วหนานเหมือนครึ่งหนึ่งของเธอ การทิ้งเขาไป มันยากกว่าการอดทนอยู่อย่างนี้
แต่ครั้งนี้ เธออยากลองดูว่าถ้าไม่มีเขา เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไหม
ดวงตาของถังโย่วหนานมืดสนิท เขาก้าวขายาวๆมายืนตรงหน้าซ่งอีนั่ว พร้อมกับยื่นมือออกมาเชยคางเรียวเงยขึ้นสบตากับเขา “หย่าหรอ คุณมีสิทธิ์ร้องขอตั้งแต่เมื่อไหร่”
ซ่งอีนั่วกัดฟันไม่ตอบออกมา
ถังโย่วหนานยิ้มออกมาบางๆ โดยไม่ถึงดวงตา นิ้วหนาของเขาลูบคางเธอเบาๆ และพูดอย่างอ่อนโยน “อีนั่ว พวกเราแต่งงานกันมาห้าปีแล้ว ห้าปีนี้คุณอยู่คนเดียวมาตลอด เหงามากใช่มั้ย”
ซ่งอีนั่วหันหน้าหนี พร้อมหลั่งน้ำตาออกมาเพราะเสียงที่นุ่มนวลของเขา
ถังโย่วหนานไม่เห็นใจเลยเธอสักนิด เขาบังคับเธอให้หันหน้ากลับมา ก่อนจะมองน้ำตาในตาของเธอ แต่ก็ไม่ใจอ่อนแต่อย่างใด เขาพูดอย่างเสียดสีว่า “ถ้าคุณอยากก็บอกผมสิ อย่ามาทำเป็นบริสุทธิ์ สามีต้องให้ความสุขกับภรรยาอยู่แล้ว ผมยินดีทำให้”
ซ่งอีนั่วตบมือของเขาออกไปอย่างทนไม่ได้อีกต่อไป เธอพูดอย่างโกรธๆ “ถังโย่วหนาน คุณอย่ามาดูถูกฉัน ดูถูกตัวเองเถอะ”
“หึหึ” ถังโย่วหนานหัวเราะเสียงเย็น “คุณเหมาะกับการพูดคำว่าดูถูกด้วยหรอ”
“คุณ!” เธอจ้องไปที่ผู้ชายที่กำลังยิ้มอย่างโหดร้ายอยู่ในตอนนี้ ใบหน้านี้เป็นใบหน้าที่เข้ามาอยู่ในใจของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่ตอนนี้กลับดูแปลกออกไป ความเจ็บปวดในใจทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก และทำให้สายตาของเธอพร่าเลือนขึ้นเรื่อยๆ
เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“อีนั่ว ทำหน้าที่คุณนายถังของคุณให้ดี ถ้าผมไม่พูดถึงเรื่องหย่า คุณก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด จะโทษว่าผมไม่แตะต้องคุณใช่มั้ย งั้นผมจะทำเดี๋ยวนี้”
ถังโย่วหนานพูดจบก็ดึงเนคไทด์ออก ปลดกระดุมเสื้อ และเดินตรงไปที่ซ่งอีนั่ว
ซ่งอีนั่วตกใจ เดินถอยหลังอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดและผิดหวัง เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว เธอรีบหันหลังเตรียมออกไปอย่างรวดเร็ว
เธอเดินไปได้เพียงสองก้าว ข้อมือก็ถูกเขาดึงไว้ และไม่ว่าจะสะบัดออกแค่ไหน ก็ไม่สามารถสู้แรงชายได้ ทำให้วินาทีต่อมา เธอก็ถูกอุ้มมาโยนลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ทันทีที่ซ่งอีนั่วลุกขึ้น เธอก็ถูกเขากดลงไป เขากดจูบลงบนหน้าผาก แก้ม และริมฝีปากของเธอ เธอพยายามขัดขืนอย่างถึงที่สุด แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้ เธอโกรธและใช้แรงเฮือกสุดท้ายตบหน้าเขา ก่อนจะชี้ไปที่ประตู “ตื่นรึยัง ถ้าตื่นแล้วก็รีบไสหัวออกไป”
ถังโย่วหนานจ้องเธออย่างตะลึงอยู่สามวิ เขายื่นมือมาลูบหน้าเรียว ก่อนจะสอดมือเข้าไปดึงเส้นผมของเธออย่างรุนแรง ใบหน้าเย็นชาหล่อเขา โน้มเข้ามาใกล้ พลางจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ “ซ่งอีนั่ว ถ้าตอนนี้ผมจะเอาคุณ มันก็เป็นเพราะสิ่งที่คุณควรจะได้รับ”
พูดจบ เขาก็โน้มตัวลงไปดูดลำคอ และไหปลาร้าของเธอ