คุณคนเดียวเท่านั้น - ตอนที่ 12 : อย่าคิดจะไปจากผม
ถังโย่วหนานมองเธออย่างรู้สึกผิด จู่ๆ ใจก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เขาเอื้อมมือไปคว้าตัวเธอไว้ แต่สัมผัสนั้นกลับหนาวเย็น หัวใจของเขาว่างเปล่า เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ซ่งอีนั่วถ้าไม่มีลายเซ็นของผม คุณก็อย่าคิดที่จะได้ไปจากผมเลย”
ซ่งอีนั่วยิ้มอย่างขมขื่น เธอหยุดฝีเท้า แล้วเอ่ยตอบเบาๆ “ถังโย่วหนาน เมื่อคืนคุณอาสี่ก็ไปตรวจสอบบุคคลกรด้วยเหมือนกัน คุณคิดว่าเขาจะไม่รู้จริงๆเหรอ?”
ถังโย่วหนานราวกับถูกฟ้าผ่า
ซ่งอีนั่วก้าวห่างออกไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ออกไปจนลับสายตาของเขา ค่อยๆ…ออกไปจากชีวิตเขาอย่างช้าๆ
เมื่อกลับมายังห้องนั่งเล่น คุณนายซ่งและซ่งจื่อจินก็ไม่อยู่แล้ว เสิ่นฉวนชียืนอยู่ริมหน้าต่าง เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวพับครึ่งแขน เผยให้เห็นนาฬิกาข้อมือที่อยู่ด้านซ้าย เขาสอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกง รูปร่างสูงโปร่ง สัดส่วนที่หาที่ติไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นมานานหรือยัง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเขาจึงหันหลังกลับมา แววตาดุจหงส์จ้องมองมายังเธออย่างน่าสงสัย
เมื่อซ่งอีนั่วสบเข้ากับแววตาคู่นั้น หัวใจพลันหยุดเต้น เพราะเขาก็กำลังจ้องมองเธออยู่เช่นกัน
ใบหน้าของเขาช่างดูลึกซึ้ง ดาวตาดุจหงส์คู่นั้นเมื่อจ้องลึกเข้าไปคล้ายกับลูกคลื่นที่คาดเดาไม่ได้ ราวกับว่ามองเห็นหัวใจของเธอที่อยู่ข้างใน กำลังเสาะหาความลับที่เธอเก็บซ่อนไว้ภายในใจ
ซ่งอีนั่วไม่ทำตัวตื่นตระหนก เธอไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่อยู่ภายในใจของตัวเองกับแววตาคมกริบคู่นี้ จึงรีบเดินไปโซฟาที่อยู่ข้างๆ หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ตรงนั้น หมุนตัวแล้วเดินหนีออกมา
เสิ่นฉวนชีเหลือบตามอง สายตาอันตรายมองไปยังหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่กำลังจะเดินหนีไป เขาจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ “ยังไม่กินข้าวเย็นเลย จะไปแล้วเหรอ?”
ซ่งอีนั่วหยุดฝีเท้า กินข้าวเย็นงั้นเหรอ? ถ้าต้องนั่งร่วมโต๊ะกับซ่งจื่อจินและถังโย่วหนาน เธอเกรงว่าอาหารจะไม่ย่อยเอาซะเปล่าๆ จึงหันกลับไปหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง “ไม่ล่ะค่ะ ฉันมีธุระที่บริษัท ต้องขอตัวก่อน”
“พอดีเลยฉันก็มีธุระที่ต้องกลับไปบริษัทเหมือนกัน งั้นก็ไปด้วยกัน” เสิ่นฉวนชีพูดจบ โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฎิเสธเลยสักนิด เขาหยิบเสื้อสูทที่อยู่หลังโซฟาขึ้นมา แล้วเดินเข้ามาข้างๆ เธอ “ไปกันเถอะ”
ซ่งอีนั่ว “……”
เมื่อทั้งสองกำลังจะเดินออกจากคฤหาสน์ ก็บังเอิญเจอเข้ากับถังโย่วหนานที่เดินขึ้นบันไดมา ซ่งอีนั่วหันหน้าหนีไม่สนใจ และเดินผ่านเขาไป
ถังโย่วหนานหันกลับมามองที่เสิ่นฉวนชี ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเห็นซ่งอีนั่วอยู่ข้างๆ อาสี่ เขาถึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกถูก เมื่อสักครู่ซ่งอีนั่วบอกว่า เมื่อคืนคุณอาสี่ก็ไปตรวจสอบบุคคลากรด้วยเหมือนกัน จากมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของเขา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
เขารู้แต่กลับทำท่าทีไม่แสดงออกแบบนี้ เขาเก็บซ่อนอะไรไว้กันแน่?
เสิ่นฉวนชีจ้องมองเขาด้วยใบหน้าเย็นชา ทำให้ดูไม่ออกเลยว่าจริงๆ แล้วเขากำลังคิดอะไรอยู่
“คุณอาสี่ก็จะไปเหมือนกันเหรอ?”
“อืม ต้องกลับไปที่บริษัทนะ” เสิ่นฉวนชีสวมสูทที่วางอยู่บนข้อมือ เขาดูดีมีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ จากการดำรงตำแหน่งสูงๆ มาเป็นเวลานานขัดเกลาให้เขาออกมาเป็นเช่นนี้ เทียบไม่ได้กับถังโย่วหนานที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
อันที่จริง ถังโย่วหนานหวาดกลัวเสิ่นฉวนชีมาก นอกจากจะกดขี่เขามาตลอด นิสัยใจคอก็อยู่ร่วมกันยาก อย่ามองว่าเขาเป็นคนสุภาพอ่อนโยนต่อหน้าคนอื่น แต่นิสัยส่วนตัวเขากลับไม่ได้เป็นมิตรแบบนั้น
จะพูดว่าจิตใจคับแคบก็คงไม่มากเกินไป
เสิ่นฉวนชียื่นมือออกไปตบไหล่เขาเบาๆ “ไปล่ะ”
ถังโย่วหนานมองตามหลังพวกเขาที่ค่อยๆเดินจากไป พลางรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ อาสี่ต้องยังไม่รู้แน่ๆว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อาจนิ่งอยู่ได้
ซ่งจื่อจินเดินลงมาจากชั้นบน เห็นถังโย่วหนานอยู่ที่บันไดอย่างเหม่อลอย เธอจึงรีบเดินเข้าไปหาโดยเร็ว “โย่วหนานคุณคุยอะไรกับอีนั่วเหรอคะ? เธอบอกเรื่องของเรากับคุณอาสี่แล้วเหรอ?”