คัดลอกพรสวรรค์ - ตอนที่ 7: เข้าร่วมการทดสอบ
“นักเรียนเย่ เทียน เธอต้องการที่จะเข้าร่วมการทดสอบจริงๆเหรอ แม้ว่าเธอสามารถเข้าร่วมการทดสอบได้ตราบใดที่เป็นนักรบฝึกหัด แต่มันจะดีกว่าไหมที่เธอจะไม่เข้าร่วมการทดสอบนี้น่ะ เพราะเธอจะต้องมีพลังกาย 250 กิโลกรัม ไม่อย่างนั้นโอกาสที่เธอจะรอดกลับมาได้จะต่ำมากเลยนะ”
เยว่ เฉิง อาจารย์ของสถาบันการต่อสู้ที่ห้า มองไปที่เย่ เทียน ที่ยืนอยู่ข้างหน้าขณะที่เขาเกลี้ยกล่อมเย่ เทียนไม่ให้เข้าร่วมการทดสอบ
เขาเคยเห็นนักเรียนหลายคนที่เป็นอย่างเย่ เทียน ที่มักคิดว่าถ้าตนเองได้เลือดของอสูรก็จะมีดอกาสที่ตนจะกลายเป็นนนักรบได้เร็วขึ้น นักเรียนที่เพิ่งเป็นนักรบฝึกหัดก็เหมือนกับมดที่ยืนอยู่หน้าสัตว์ร้าย เว้นแต่พวกเขาจะอาศัยจำนวนคนหรืออาวุธที่ทรงพลังเข้าสู้
“อาจารย์ครับ ผมไปได้ไปคนเดียวนะครับ ยังมีเพื่อนผมอีกหลายคนไปด้วย ผมไม่เป็นไรหรอกครับ”
เย่ เทียนกล่าวอย่างจงใจ
“จำไว้ว่าไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นมันเป็นเธอทำตัวเอง แต่ถ้าเธอต้องการที่จะสมัครเข้าร่วมการทดสอบจริงๆ เธอต้องลงนามในสัญญาชีวิตและความตายนี้ก่อน เมื่อลงนามเสร็จแล้ว แม้ว่าเธอจะตายในเขตเสียวเหย่ สถาบันที่ห้าของเราจะไม่มีการชดเชยใดๆทั้งสิ้น เพราะถือว่าเธอทำด้วยความสมัครใจ”
อาจารย์เยว่ เฉิงกล่าวเตือน
“ผมเข้าใจครับ!”
เย่ เทียนเซ็นสัญญาอย่างใจเย็น
“10 วันต่อมา ให้มาที่สนามฝึกที่ 5 ของสถาบันก่อนเวลา 08.00 น. แล้วอาจารย์จะพาเธอไปยังจุดรวมตัว”
อาจารย์เยว่เฉิงกล่าวอย่างรวดเร็ว
“ครับ อาจารย์!”
เย่ เทียนตอบกลับ
เย่เทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากลงทะเบียนเสร็จ
เขาอยากไปให้ได้เสียเดี๋ยวนี้เลย เพราะเขานั้นมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง
ในเรื่องของอาวุธนั้น
ในยุคนี้ อาวุธเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถพกพาไปไหนก็ได้ และอาวุธยังถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ เช่น อาวุธที่ทำจากเหล็กธรรมดา เรียกว่า อาวุธทั่วไป และอาวุธที่ทำจากพลังหยวน บางอย่างก็ถือว่าดีมาก เหมาะสำหรับการหมันเวียนพลังหยวนของผู้ฝึกวรยุทธ์ อาวุธดังกล่าว เรียกว่า หยวนปิง
เย่ เทียนไม่สามารถซื้อหยวนปิงได้ แต่ตามจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องซื้อมันก็ได้ เพราะหยวนปิงนั้นมีลักษณะคล้ายกับอาวุธทั่วไป แต่มีพลังหยวนมากกว่า
หลังจากไปที่ร้านขายอาวุธแล้ว เย่ เทียนก็ซื้อดาบที่ทำจากเหล็กชั้นดี คันธนูและลูกธนูจำนวนหนึ่ง
อาวุธเหล่านี้มีค่าใช้จ่าย 5,000 หยวน (26,377.56 บาท) เงินที่เขาจ่ายไปกับอาวุธเหล่านี้เท่ากับรายจ่ายปกติทั้งปีของเขา ซึ่งจากเดิมที่เขามีเงินอยู่ 20,000 หยวน (105,510.26 บาท) แต่ตอนนี้เหลือเพียง 15,000 หยวน (79,132.69 บาท) แต่เขาจำเป็นต้องใช้อาวุธเหล่านี้
(ค่าเงิน ณ วันที่ 26/3/65)
10 วัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เย่ เทียนไม่ได้พูดถึงเรื่องการทดสอบกับเย่ หยู่น้องสาวของเขา แต่เขาบอกกับเธอว่าที่สถาบันจัดงานเลี้ยงเป็นเวลา 3 วัน เมื่องานเลี้ยงจบแล้วเขาจะกลับมา
เมื่อเย่ หยู่ได้ยินเธอนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่อย่างนั้นเย่ เทียนคงไม่ได้ไปยังการทดสอบที่เขตเสียวเหย่
…
สถาบันการต่อสู้ที่ห้า สนามฝึกที่ 5
เมื่อเย่ เทียนมาถึง เขาก็เห็นนักเรียนเกือบ 100 คน แต่นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด
เขาคาดว่าจะมีนักเรียนที่จะเข้าร่วการทดสอบนี้อย่างน้อย 150 คน
“ดูเหมือนว่าเลือดของอสูรนั้นจะดึงดูดคนมาจำนวนมาก และนี่ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับคนที่ไม่เก่งมากนัก”
เย่ เทียนคิดในใจ
“เย่ เทียน นายบอกว่าจะไม่มาไม่ใช่เหรอ?”
เสียงของจาง เป่าดังขึ้น
เย่ เทียนมองไปที่จาง เป่า และพูดเบาๆว่า
“ฉันไม่ได้พูดสักหน่อยนี่ว่าจะไม่เข้าร่วมการทดสอบ ฉันแค่ไม่อยากเข้าร่วมทีมแค่นั้นเอง”
“งั้นก็แสดงว่านายเจอกับคนที่ปรมาจารย์ที่จะพานายเข้าร่วมการทดสอบใช่ไหม”
จาง เป่ารู้สึกตกใจ
เย่ เทียนไม่ได้พูด เขานิ่งเงียบ แต่ดวงตาของจาง เป่าแสดงออกถึงความอิจฉา เห็นได้ชัดว่าเย่ เทียนพบกับปรมาจารย์แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะตั้งทีมร่วมกับพวกเขา
สำหรับความคิดของจาง เป่า เย่ เทียนไม่ได้อธิบายใดๆ และปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปทั้งอย่างนั้น
อีกประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา นักเรียนก็มากันเกือบทุกคนแล้ว และมีนักเรียนเข้าร่วมประมาณ 160 คน
พรสวรรค์ของนักเรียน 160 คนนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับอ่อนแอ และมีอายุมากแล้ว แถมในหมู่นักเรียนเหล่านี้ยังมีคนอายุ 20 ปีด้วย
มีนักรบฝึกหัดที่เข้าร่วมการทดสอบอย่างเย่ เทียนน้อยมาก เพราะอย่างไรเยาวชนก็มีความแข็งแกร่งต่ำ
นักเรียนเหล่านี้อาจจะรอดกลับมาหรือไม่ก็ได้ แต่ในยุคนี้คนที่อ่อนแอมีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ อย่างในเหตุการณ์ที่มิ้งค์จันทราสีเงิน เมื่อนานมาแล้ว คนธรรมดาจำนวนมากได้รับผลกระทบ สำหรับพวกเขาบอกได้อย่างเดียวว่ามันคือหายนะ
ความแข็งแกร่งเท่านั้นคือทุกสิ่ง
“นักเรียนได้เวลาขึ้นรถแล้ว”
อาจารย์ตะโกนบอกนักเรียน
อย่างรวดเร็ว
รถบัสหลายคันที่คล้ายกับชีวิตก่อนหน้าของเย่ เทียนปรากฏขึ้นต่อหน้านักเรียนหลายคน
เป็นครั้งแรกที่นักเรียนทุกคนได้เห็นรถจริงๆ จากที่มักจะเห็นในหนังสือที่มีบันทึกเกี่ยวกับรถก่อนวันโลกาวินาศเท่านั้น
“อาจารย์ครับ ตอนนี้ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว และรถจากเมื่อ 100 ปีก่อนจะยังสามารถใช้ได้งั้นเหรอครับ?”
นักเรียนคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
“นี่คือรถบัสที่วิจัยขึ้นมาใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังหยวน และเป็นเทคโนโลยีที่ผู้บริหารสูงสุดของฐานลี้ภัยหลินไห่ได้มาจากฐานลี้ภัยขนาดใหญ่ มันเพิ่งเปิดให้ใช้งานได้ไม่นานมานี้ มีเพียงนักรบเท่านั้นที่จะสามารถซื้อรถบัสนี้ หรือรถที่วิจัยขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด”
อาจารย์ตอบข้อสงสัยของนักเรียนคนนั้น
“รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังหยวนอย่างนั้นเหรอ!!!”
นักเรียนกลุ่มหนึ่งแสดงออกด้วยความตกตะลึง
บางคนเคยได้ยินเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ที่ใช้พลังหยวนมาบ้าง แต่พวกเขาไม่ได้คิดว่าฐานลี้ภัยหลินไห่ก็มีสิ่งนี้เช่นกัน
เหล่านักเรียนขึ้นไปยังรถบัส และรถบัสก็เคลื่อนที่ออกไปนอกฐานลี้ภัย
1 ชั่วโมงต่อมา รถบัสผ่านประตูเมืองและมุ่งหน้าสู่ป่า
เมื่อพวกเขาเข้าไปพื้นที่นี้ นักเรียนหลายคนก็แสดงความกระสับกระส่ายออกมาเล็กน้อย
มีอสูรมากมายที่นี่ เมื่อนักเรียนเหล่านี้เผชิญหน้ากับอสูร พวกเขาไม่สามารถต่อต้านอสูรได้เลย
“ไม่ต้องห่วงไป เมื่อไม่นานมานี้ นักรบชั้นยอดในฐานหลินไห่ได้กวาดล้างพื้นที่นี้แล้ว จะไม่มีอสูรใดๆในรัศมี 1.5 กิโลเมตร และจุดหมายของเราคือพื้นที่ป่าเล็กๆที่ห่างออกไป 0.5 กิโลเมตร”
อาจารย์ยิ้มออกมา
เมื่อได้ยินสิ่งที่อาจารย์พุดนักเรียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ยิ่งกว่านั้นในรถบัสยังมีอาจารย์มากกว่า 10 คนคอยปกป้องพวกเขา และอาจารย์แต่ละคนก็เป็นถึงระดับนักรบ พวกเขาจึงสามารถรับประกันความปลอดภัยได้
ไม่นานหุบเขาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“หุบเขาแห่งนี้คือจุดหมายของเรา”
ครูกล่าวออกมา
มีรถบัสหลายคันตรงมายังหุบเขาแห่งนี้ซึ่งเป็นรถบัสของสถาบันการต่อสู้แห่งอื่น
“นักเรียนจากสถาบันที่ห้างั้นเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า สถาบันขยะก็ส่งคนมาสินะ อยากเอาชีวิตไปทิ้งขนาดนั้นเลยเหรอ”
“นักเรียนจากสถาบันที่ห้ายังไม่เคยเห็นเลือดกันเลยสินะ จะเอามาเทียบกับสถาบันที่หนึ่งของเราได้อย่างไรล่ะ อาจารย์พวกเราจับสัตว์ร้ายและแม้แต่อสูรมาให้พวกเราฝึกฝน พลังการต่อสู้นักเรียนของสถาบันที่ห้าเทียบกับสถาบันของเราไม่ติดหรอก ฉันคิดว่าพวกเขาคงร้องไห้จนฉี่รดกางเกงเมื่อเห็นอสูรแน่ๆ”
“แม้ว่านักเรียนของสถาบันที่ห้าจะไม่เก่ง แต่คณบดีของสถาบันที่ห้าก็เป็นถึงนักรบชั้นยอดในฐานหลินไห่ เพราะฉะนั้นอย่ามาเยาะเย้ย ถากถางดีกว่า ไม่งั้นมันจะการล่วงละเมิดคณบดีของสถาบันที่ห้า และเป็นการชักนำปัญหาเอาซะเปล่าๆ”
การเยาะเย้ยมีเป้าหมายเป็นนักเรียนของสถาบันการต่อสู้ที่ห้าทั้งสิ้น สำหรับนักเรียนจากสถาบันการต่อสู้อื่น พวกเขาไม่ได้ดีไปกว่ากันนักหรอก แค่พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่ถูกเยาะเย้ยเท่าสถาบันการต่อสู้ที่ห้า
“แม่งเอ้ย นักเรียนของสถาบันที่หนึ่งแม่งเป็นพวกที่หยิ่งซะจริง”
นักเรียนหลายคนของสถาบันการต่อสู้ที่ห้ากล่าวอย่างโกรธจัด
แต่พวกเขาทำได้แค่พูดระบายออกมา อันที่จริงแล้วพวกเขานั้นรู้ถึงช่องว่างของพวกตนกับอีกฝ่ายดี
หลังจากลงรถเย่ เทียนก็จ้องไปยังนักเรียนของสถาบันการต่อสู้ที่หนึ่ง
“พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของนักเรียนสถาบันที่หนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นระดับต้น และอาจจะมีระดับกลางปนมาด้วย ในตอนนี้พรสวรรค์ลอกเลียนแบบของฉันสามารถคัดลอกพรสวรรค์ได้แล้ว คราวนี้ฉันอาจจะสามารถคัดลอกพรสวรรค์ของคนเก่งๆมาได้”