คัดลอกพรสวรรค์ - ตอนที่ 6: ความเร็วในการฝึกที่เพิ่มขึ้น 3 เท่า
ร่างที่ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิตของมิงค์จันทราสีเงิน อยู่ห่างจากเย่เทียนไม่ถึง 3 เมตร เย่เทียนรู้สึกสับสนมากในขณะนั้น โชคดีที่มิงค์จันทราสีเงินตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกมันฆ่าตายแน่
แต่อย่างไรเสีย ครั้งนี้นับว่าเขาโชคดีมาก
เมื่อเห็นว่ามิงค์จันทราสีเงินตายแล้ว เขามีความตั้งใจที่จะตรวจสอบพรสวรรค์ของมิงค์จันทราสีเงิน โดยใช้พรสวรรค์ลอกเลียนแบบของเขา
สายพันธุ์ของอสูร : มิงค์จันทราสีเงิน
ระดับพรสวรรค์ทางสายเลือด : อ่อนแอ
ระดับพรสวรรค์ความเร็ว : ต้น
เย่ เทียนตกใจมากเมื่อเห็นพรสวรรค์นี้เป็นครั้งแรก
อสูรส่วนใหญ่อาศัยสายเลือดของมันในการวิวัฒนาการเป็นหลัก เช่นเดียวกับพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของมนุษย์ ถ้าปราศจากสายเลือดที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถกลายเป็นอสูรที่ทรงพลังได้
มิงค์จันทราสีเงินมีพรสวรรค์ทางสายเลือดระดับอ่อนแอ เมื่อเทียบกับมนุษย์นั้นจะอยู่ในช่วงแรกของระดับนักรบ แต่มันสามารถสร้างความเสียหายให้กับนักรบได้อย่างง่ายดายและยังสู้สูสีกับหัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุอีกด้วย การที่จะเป็นนักรบได้นั้นมันช่างยากเสียเหลือเกิน และมิงค์จันทราสีเงินยังมีพรสวรรค์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ พรสวรรค์ความเร็ว
มิงค์จันทราสีเงินที่มีพรสวรรค์ความเร็วเป็นอสูรที่มีความน่ากลัวมาก ไม่อย่างนั้นอสูรธรรมดาที่อยู่ในระดับเดียวกับนักรบจะสามารถต้านทานการปิดล้อมของนักรบจำนวนมากได้อย่างไร
เมื่อเย่ เทียนคัดลอกพรสวรรค์ความเร็วได้และผสานมันเข้ากับพรสวรรค์ของเขา ความเร็วของเขาจะสูงกว่าคนในระดับเดียวกันอย่างแน่นอน และการเป็นนักรบในเวลาอันสั้นจะไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป
“ได้เวลากลับบ้านแล้ว”
เย่ เทียนวิ่งกลับบ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เย่ เทียนก็ทานอาหารเย็นร่วมกันกับน้องสาวของเขา จากนั้นจึงไปที่ห้องตนเอง เพื่อผสานพรสวรรค์
“ในสถานการณ์ปกติ พรสวรรค์อื่นที่ไม่ใช่พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างช้าๆ ในระดับเดียวกับการเป็นนักรบ แต่พรสวรรค์ลอกเลียนแบบของฉันสามารถแหกกฎนี้ได้และสามารถผสานพรสวรรค์ได้ย่างปลอดภัยโดยไม่มีผลกระทบใดๆสินะ” เย่ เทียนครุ่นคิด
“เอาล่ะนะ ผสานพรสวรรค์”
เย่ เทียนกัดผ้าและเริ่มกระบวนการผสานพรสวรรค์
ตู้ม!!!!
ความเจ็บปวดจากการผสานพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลางที่หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขา และเย่ เทียนที่เตรียมใจไว้แล้วต้องกัดฟันสู้อย่างอดทน
10 นาทีต่อมา ความเจ็บปวดก็หายไปและความรู้สึกโล่งใจก็เข้ามาแทนที่
เย่ เทียนรู้ว่าเขาประสบความสำเร็จในการผสานพรสวรรค์ของเขากับพรสวรรค์ความเร็วแล้ว
เขาตรวจสอบพรสวรรค์ของเขาโดยใช้ความคิด
มนุษย์ : เย่ เทียน
ระดับพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ : กลาง
ระดับพรสวรรค์ความเร็ว : ระดับต้น
เนื่องจากความเหนื่อยล้าจากการผสานพรสวรรค์ ประกอบกับการที่ต้องเผชิญกับการโจมตีของอสูร เย่ เทียนจึงค่อยๆหลับลง
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่ เทียนแทบรอที่จะไปสถาบันการต่อสู้ไม่ไหวแล้ว
ในเวลานี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่
“ขอลองใช้พรสวรรค์ความเร็วหน่อยนะ!”
เย่ เทียนเปิดใช้งานพรสวรรค์ความเร็วทันทีเมื่อเขาขยับ เขาก็วิ่งไปไกลๆพร้อมกับภาพติดตาที่ปรากฏออกมา
“เป็นพรสวรรค์ที่เร็วอะไรอย่างนี้!”
เย่ เทียนแสดงความตกใจออกมา
หลังจากทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดเขาก็แน่ใจว่าความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า เพียงแค่ความสามารถเบื้องต้น เขาก็สามารถมีความเร็วเท่ากับนักรบได้ ยิ่งกว่านั้น เมื่อระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น ความเร็วของเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และมันจะเพิ่มอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
“ว่ากันว่ามนุษย์ที่มีพรสวรรค์ที่หลากหลายจะเป็นที่รักของสวรรค์และโลก อย่างที่คาดเอาไว้ ฉันมีเพียงพรสวรรค์ความเร็วที่สามารถใช้เป็นพรสวรรค์หลักได้ ซึ่งฉันก็คิดว่าฉันคงสามารถต่อสู้กับผู้ใช้วรยุทธ์ส่วนใหญ่ได้ และฉันคาดว่าอีกไม่นาน ฉันก็สามารถต่อสู้กับนักรบได้”
เย่ เทียนตื่นเต้นมาก
แต่เขาก็ระลึกได้ว่าในการที่จะทำอย่างนั้นได้จะต้องมีรากฐานในการบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง หากไม่มีพรสวรรค์จำนวนมากก็เป็นได้แค่เพียงสิ่งไร้ค่า และเป็นการยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้
“ฉันมีเวลา 1 เดือน ก่อนที่จะสามารถคัดลอกพรสวรรค์อีกอันได้ เป้าหมายของเดือนนี้ คือทำให้ร่างกายของฉันแข็งแกร่งและมีพลังกาย 150 กิโล!” เย่ เทียนตั้งเป้าหมายไว้สำหรับตนเอง
เพื่อที่จะให้สำเร็จดังเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ เย่ เทียนจะต้องฝึกฝนให้มากขึ้น
ในตอนนี้นั้นเขาสามารถเปิดเผยให้นักเรียนคนอื่นๆได้ทราบว่าเขานั้นสามารถฝึกวิธีหลอมรวมร่างกายได้ทั้งหมดแล้ว เพราะนักเรียนจำนวนมากในตอนนี้ก็สามารถทำได้แล้วเช่นกัน
นอกจากการฝึกฝนแล้วเย่ เทียนยังตรวจสอบพรสวรรค์ของนักเรียนสถาบันการต่อสู้ที่ห้าทั้งหมดด้วย แต่ก็ไม่มีใครที่มีพรสวรรค์ที่ดีมากนัก ยกเว้นเฉิน ตง เพราะพรสวรรค์ที่ดีที่สุดในนักเรียนเหล่านี้เป็นเพียงพรสวรรค์ระดับต้นเท่านั้น
ไม่นานเวลา 1 เดือนก็ผ่านพ้นไป เย่ เทียนบรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการให้ตนเองมีพลังกาย 150 กิโลกรัม ได้แล้ว
“ความเร็วยังช้าเกินไป มันจะดีกว่านี้ถ้าความเร็วในการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นด้วย”
เย่ เทียนถอนหายใจ
ขณะที่เดินออกจากสถาบันการต่อสู้ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เย่ เทียน รอฉันด้วยสิ”
เย่ เทียนหันกลับไปแล้วพบว่าคนๆนั้นก็คือจางเป่า เขาจึงหยุดรอ
“เย่ เทียนนายกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธ์ุแล้วงั้นเหรอ”
จางเป่าถามเสียงต่ำ
“ใช่แล้วล่ะ!”
เย่ เทียนพยักหน้า ในการที่จะเป็นผู้ใช้วรยุทธุ์นั้นไม่ต้องมีอะไรปิดบัง ยกเว้นการที่เขานั้นมีพลังกาย 150 กิโลกรัม
“เย่ เทียน นายต้องการที่จะพัฒนาการฝึกฝนของนายให้เร็วขึ้นไหม?”
จาง เป่าถามอย่างรวดเร็ว
“นายมีวิธีงั้นเหรอ?”
เย่ เทียนตกใจ
“นายเคยได้ยินเรื่องเลือดของอสูรไหม”
จาง เป่ากล่าว
“แน่นอน ฉันเองก็เคยได้ยินมา!”
เย่ เทียนพยักหน้า พ่อแม่ของเขาเป็นนักรบ ทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายที่คนธรรมดาไม่รู้จักจากพ่อแม่ของเขา
เลือดของอสูรนั้นมีพลังมหาศาล หากกินเลือดของอสูรเข้าไป เมื่อฝึกฝนวิธีหลอมรวมร่างกาย จะสามารถเร่งอุณหภูมิของร่างกายได้
น่าเสียดายที่พ่อแม่ของเขาจากไปแล้ว เขาจึงไม่มีเลือดของอสูรเลย
“เย่ เทียน พรสวรรค์ของพวกเราไม่ค่อยดีนัก หากพวกเราฝึกอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆเราคงเป็นนักรบเมื่ออายุมากแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไป ถ้าเรามีเลือดของอสูร บางทีเมื่อเราอายุได้ 20 ปี เราคงมีโอกาสที่จะเข้าสู่การจัดอันดับของนักรบ แม้ว่านายจะถูกจำกัดด้วยพรสวรรค์ของนาย ที่เป็นตัวฉุดรั้งการพัฒนาของนาย แต่นายก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ด้วยความสามารถของนักรบ”
จาง เป่ากล่าว
“นั่นก็ถูก แต่เราจะไปเอาเลือดของอสูรจากที่ไหนล่ะ!”
เย่ เทียนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
เขาเองนั้นก็ต้องการเลือดของอสูรเช่นกัน แต่เขาในตอนนี้ไม่สามารถทำมันได้
“เย่ เทียน ฉันเห็นแก่ความสัมพันธุ์ที่ดีของเรานะ ฉันจะบอกให้นายได้รู้เอาไว้ว่า สถาบันทั้ง 5 แห่งของฐานลี้ภัยหลินไห่ กำลังจะเริ่มการทดสอบ พวกคนระดับสูงของฐานลี้ภัยหลินไห่ได้เปิดพื้นที่ป่าเล็กๆเอาไว้ เป็นสถานที่อสูรเกือบทั้งหมดถูกฆ่าตาย จนเหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งเป็นอสูรที่เป็นลูกเป็นหลานของอสูรที่ถูกฆ่าตาย และเป็นอสูรที่ไม่สามารถไปถึงระดับของอสูรคลั่งได้ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับผู้ใช้วรยุทธุ์ และอยู่ในระดับที่คนธรรมดาสามารถใช้อาวุธสู้ได้ เมื่ออสูรถูกฆ่าตาย ของมีค่าจากอสูรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนได้ ในเรื่องของเลือดอสูรนั้น ฉันได้ยินมาว่ามีรางวัลที่เป็นโลหิตอสูรระดับกลางสำหรับคนที่ได้อันดับ 1”
จาง เป่ากล่าวและรู้สึกอิจฉาคนที่จะได้ที่ 1
เลือดอสูรระดับกลาง!
เย่ เทียนก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน อสูรระดับกลางเป็นอสูรที่ทรงพลังที่มีแต่นักรบชั้นยอดเท่านั้นที่สามารถฆ่าได้ เมื่อเขาได้รับเลือดของอสูรระดับกลางแล้วเขามีโอกาสที่จะกลายเป็นนักรบภายในครึ่งปี
“ว่าแต่นายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรเหรอ?”
เย่ เทียนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้รับรู้ถึงเรื่องราวในส่วนนี้เลย
จาง เป่ากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันรู้จักกับศิษย์เก่าที่มีพลังกาย 250 กิโล แล้วฉันก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมาน่ะ แต่คราวนี้มันได้รับการประเมินว่ามีอันตรายเล็กน้อย สถาบันจึงไม่แจ้งนักเรียนที่เพิ่งเป็นเป็นผู้ใช้วรยุทธุ์อย่างฉัน และนายให้ทราบ”
“จาง เป่านายไม่ได้พูดอย่างนี้แค่ฉันคนเดียวหรอกใช้ไหม”
เย่ เทียนถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว นายไม่ใช่คนเดียวที่ฉันบอกหรอก พวกเราเพิ่งกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธุ์ หากเราไม่รวมกันเป็นกลุ่ม เราจะต่อสู้กับผู้ใช้วรยุทธุ์คนอื่นได้อย่างไร ฉันบอกเรื่องนี้ให้กับผู้ใช้วรยุทธุ์อีก 8 คนแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ตอบตกลง และกำลังรอนายอยู่น่ะ”
จาง เป่าแสดงท่าทางเชื้อเชิญให้กับฉัน
“ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่อยากตั้งกลุ่มน่ะ”
เย่ เทียนปฏิเสธ
“ก็ได้!”
จาง เป่าหันกลับไปและจากไปด้วยความเศร้าใจ
เขาแค่ถามและเย่ เทียนปฏิเสธ ออกมา แต่เย่ เทียนเพิ่งกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธุ์เข้าจะเข้าร่วมหรือไม่ มันก็คงไม่ตางกันมากนัก
ทว่าสิ่งที่จาง เป่าไม่ได้คาดหวังก็คือ เย่ เทียนนั้นไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธที่จะเข้าร่วม แต่เขาไม่ต้องการรวมกลุ่มกับคนอื่น
“อันดับ 1 มันจะต้องเป็นของฉัน!”
เย่ เทียนพึมพำ