คัดลอกพรสวรรค์ - ตอนที่ 5: คัดลอกพรสวรรค์จากอสูร
“อสูรงั้นเหรอ!!!”
เย่ เทียนก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขาไม่เคยเห็นอสูรตัวจริงมาก่อน แต่มีข่าวลือว่าอสูรนั้นน่ากลัวมาก พวกมันสามารถสังหารคนธรรมดาได้อย่างง่ายดาย และมีเพียงนักรบเท่านั้นที่สามารถจัดการกับอสูรได้
ด้านนอกฐานลี้ภัยหลินไห่มีกำแพงเมืองล้อมเป็นวงกลม แต่กำแพงบางส่วนก็ไม่สามารถหยุดอสูรได้ ทำให้บางครั้งจึงมีอสูรวิ่งเข้ามาในฐานลี้ภัย
คนธรรมดามีผลลัพธ์เดียวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสูร นั่นก็คือความตาย
“ฉันต้องกลับบ้าน!”
เย่ เทียนนึกถึงน้องสาวของเขาเย่ หยู่ สถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านเขามากนัก และกำแพงนั้นไม่สามารถต้านทานอสูรได้สมบูรณ์ เขาเป็นห่วงน้องสาวของเขามาก
ขณะวิ่ง เย่ เทียนมองเห็นเงาสีขาวเงินที่ปลายถนนวับไปวับมา และคนธรรมดาก็ตายจากการโจมตีของเงาสีเงินนั้น
“เร็วอะไรอย่างนี้!”
เย่ เทียนตกใจ
ความเร็วนี้เกินกว่าดวงตาของเย่ เทียนจะมองเห็นได้ ถ้าฉันเข้าไปใกล้ ฉันกลัวว่ามันจะฆ่าฉันโดยที่ไม่เห็นแม้แต่เงา
“ถ้าฉันไปเผชิญหน้ากับมัน ฉันมีแต่ตายสถานเดียว!”
เย่ เทียนคิด
เขาไม่โง่พอที่จะเข้าไปสู้กับมันตรงๆ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเขาจะไม่ตายเด็ดขาด
เมื่อยังสติดีอยู่ในตอนนี้วิธีเดียวที่ทำได้คือวิ่งหนีให้เร็วที่สุด
เย่ เทียนไม่ได้โง่ เขาจึงวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด
น่าเสียดายที่ความเร็วของเขายังช้าเกินไปเมื่อเทียบกับอสูร และดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะพุ่งมาทางเย่ เทียน
เย่ เทียนรู้ว่าอสูรตัวนี้ไม่ได้เล็งมาที่เขา แต่ถ้าเขาเจอกับอสูร อสูรตัวนี้คงจะฆ่าเขาด้วยกรงเล็บของมันแน่ๆ
“เจ้าอสูร แกบังอาจฆ่าคนในฐานลี้ภัยได้นะ”
นักรบหลายคนรีบรุดหน้าเข้ามาภายใต้การนำของชายวัยกลางคนและล้อมสัตว์ร้ายตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
“ทีมล่าหมาป่าวายุมาแล้ว!”
มีคนตะโกน
ทีมล่าหมาป่าวายุอย่างนั้นเหรอ?
เย่ เทียนรู้จักชื่อทีมล่านี้ดี พวกเขาเป็นทีมล่าที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ของเย่ เทียน หัวหน้าของทีมนี้มีชื่อว่าเฟิงหลางเป็นนักรบชั้นสูง
เมื่อเห็นการมาถึงของทีมล่าหมาป่าวายุ หลายคนก็แสดงความโล่งใจและความตื่นเต้นออกมา
“พวกคุณถอยไปซะ เจ้าอสูรตัวนี้มันอันตรายมาก!”
หัวหน้าหมาป่าวายุตะโกนใส่ผู้คนที่เฝ้าดูอย่างสนุกสนาน
หลังจากถูกหัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุตะโกนใส่ หลายคนตระหนักดีว่าการต่อสู้ระหว่างนักรบและอสูรตรงหน้านั้นคงจะอันตรายเป็นแน่เขาที่เป็นถึงหัวหน้าถึงพูดออกมาขนาดนี้ ถ้าไม่ระมัดระวังอาจตายด้วน้ำมือของอสูรได้ เพราะแม้แต่นักรบเหล่านี้ยังแทบหืดขึ้นคอ
ถอย! ถอย! ถอย!
ทุกคนล่าถอยกันไป และเย่ เทียนก็ถอยห่างออกไป แต่เขาไม่ได้จากไปไหนไกล
เขาต้องการรู้ว่าผู้ที่เป็นนักรบจะมีพลังต่อสู้เป็นอย่างไร
ในไม่ช้าการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น!
ฉันเห็นดาบของหัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุเฉือนไปที่อสูรตัวนั้น แสงที่เกิดจากการกระทบของดาบนั้นส่องประกายแพรวพราวในยามค่ำคืน และเห็นได้ชัดว่ามันทรงพลังมาก จนขนาดทำให้พื้นถนนที่อยู่ในระยะถูกดาบตัดเป็นระยะทางยาว 3 เมตร
น่าเสียดายที่ความเร็วของอสูรนั้นเร็วมากจนสามารถลบการโจมตีนั้นได้
“เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมาก แม้แต่พื้นถนนที่แข็งๆก็ยังเละเทะไม่เป็นท่า ถ้ามันฟันใส่คน ฉันเกรงว่ามันคงแบ่งคนออกเป็น 2 ส่วนในทันที นี่น่ะเหรอคือพลังของนักรบ?”
เย่ เทียนปรากฏแววตาที่มีความปรารถนาเล็กน้อย
สมาชิกนักรบของทีมล่าหมาป่าวายุต่างนำอาวุธออกมาและต่อสู้กับอสูร ด้วยท่าทางเคร่งขรึม
อย่างรวดเร็ว
นักรบคนหนึ่งถูกสัตว์ร้ายกัดจนปรากฏคราบเลือดที่ปากของมัน
“เสี่ยวไป๋!”
หัวหน้าเฟิงหลางเหลือบมองอย่างกังวล แทนที่จะตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเสี่ยวไป๋ เขาก็ไปโจมตีอสูร
แม้ว่าอสูรจะสร้างบาดแผลให้กับนักรบคนหนึ่ง แต่ก็มีนักรบจำนวนมากที่ทำการปิดล้อมจนสามารถสร้างบาดแผลให้แก่อสูรได้อย่างรวดเร็ว
“ระวัง อสูรกำลังจะหนีไปแล้ว!”
หัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุตะโกน
อย่างที่คาดไว้
เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี อสูรก็กลายเป็นแสงสีเงินและรีบวิ่งออกจากวงล้อม พยายามหนีไปให้ไกล
ในขณะนั้นก็มีลูกธนูพุ่งมาจากระยะไกลใส่อสูร
จากนั้นร่างของอสูรก็กระแทกกับพื้นถนนอย่างตึงและร่างของมันก็ถูกเปิดเผยออกมา
“มันคือมิงค์จันทราสีเงิน”
เย่ เทียนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มิงค์ตัวนี้ยาว 1 เมตร มีกรงเล็บแหลมคมตาสีแดง
“มิงค์จันทราสีเงินตัวนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการยิงของเสี่ยวเยว่ ทุกคนรีบฆ่ามันซะ เราจะได้นำมันไปขายและไม่ต้องล่าอสูรไปอีก 1 เดือน!”
หัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุพูดอย่างตื่นเต้น
เห็นได้ชัดว่ามิงค์จันทราสีเงินนี้มีค่ามากมายมหาศาล
เห็นได้ชัดว่ามิงค์จันทราสีเงินที่บาดเจ็บสาหัสจะไม่ใช่คู้ต่อสู้ของทีมล่าหมาป่าวายุ แต่ดูเหมือนว่ามิงค์จันทราสีเงินจะยังไม่หมดหวัง
อย่างรวดเร็ว
ประกายสีเงินปะทุมาจากตัวของมัน และร่างกายของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ระวังมันกระตุ้นสายเลือดแล้ว และพร้อมที่จะระเบิดพลังได้ทุกเมื่อ
หัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุเตือนคนที่จะต่อสู้
ตึกๆ ตึกๆ!!!
ผู้ใช้วรยุทธ์คนอื่นต่างรีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ถูกมิงค์จันทราสีเงินฆ่า
แต่ทันใดนั้นมิงค์จันทราสีเงินก็พุ่งเข้าหาฝูงชน
การแสดงออกของนักรบทั้งหมดเปลี่ยนไปอย่างมาก และพวกเขาเข้าใจแผนของมิงค์จันทราสีเงินในทันที
“พวกนายรีบหนีออกไปเร็วเข้า!”
หัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุไปยังฝูงชนที่อยู่ห่างกัน
ผู้คนเหล่านั้นช่างโชคร้ายเสียจริง เนื่องจากมิงค์จันทราสีเงินนั้นรวดเร็วมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วประกอบกับที่มันมีสายเลือดพิเศษด้วยทำให้ความเร็วของมันยิ่งสูงขึ้นไปอีก แล้วคนที่ธรรมดาเหล่านี้จะหนีจากเงื้อมมือของมิงค์จันทราสีเงินตัวนี้ได้อย่างไร
แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็บังเกิดขึ้น
มีลูกศรอีกดอกที่ยิงมาจากเสี่ยวเยว่ สมาชิกของทีมล่าหมาป่าวายุที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
ฟิ้ว!!!
ลูกธนูพุ่งทะลุร่างกายของมิงค์จันทราสีเงิน
ทำให้มิงค์จันทราสีเงินในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนใกล้จะสิ้นลมหายใจ และลมหายใจก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ
ในเวลานั้นเองที่มีคนหลายคนไม่กล้าเข้าไปใกล้มิงค์จันทราสีเงิน
มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไปหามิงค์จันทราสีเงินและสัมผัสผิวของมันเล็กน้อย
“หนุ่มน้อย นายกล้ามากเลยนะที่ไปสัมผัสอสูรแบบนั้นน่ะ”
หัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุเดินเข้ามาขณะที่หัวเราะไปด้วย
“เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นอสูรน่ะครับ ผมเลยอดไม่ได้ที่จะสัมผัสมันด้วยความอยากรู้น่ะครับ!”ชายหนุ่มพูดอย่างเขินอาย
หัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“เมื่อมองดูนายแล้วนายก็ดูเป็นเด็กที่นิสัยดีเลยทีเดียว ฉันคิดว่าตอนนี้นายน่าจะเป็นผู้ใช้วรยุทธ์แล้วสินะ ถ้านายเป็นผู้ใช้วรยุทธ์ในวัยนี้บางทีนายอาจมีโอกาสที่จะเป็นนักรบก็เป็นได้ ถ้านายเป็นนักรบเมื่อไหร่ นายสามารถเข้าร่วมทีมของฉันได้นะ”
“ขอบคุณมากครับ หัวหน้าเฟิง หลาน”
ชายหนุ่มพูดอย่างตื่นเต้น
สมาชิกคนอื่นของทีมล่าหมาป่าวายุไม่ได้อยู่นิ่งแต่อย่างใด พวกเขาทีละคนค่อยๆนำร่างของมิงค์จันทราสีเงินออกไปจากพื้นที่นี้
แต่ทว่าชายหนุ่มที่ยืนคุยกับหัวหน้าทีมล่าหมาป่าวายุบนถนน เขาได้แสยะยิ้มออกมา ถ้ามีคนอื่นมาเห็นเขาในตอนนี้คงคิดว่าเขาบ้าแน่ๆ
นักรบจะเป็นได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ คำพูดของหัวหน้าหมาป่าวายุเป็นเพียงคำพูดตามมารยาทเท่านั้นแหละ
เหตุผลที่ชายหนุ่มหัวเราะไม่ใช่เพราะคำพูดของหัวหน้าหมาป่าวายุแต่อย่างใด
เนื่องจากตัวตนของชายหนุ่มคนนี้คือ เย่ เทียน
“ฮ่าฮ่า ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าพรสวรรค์ที่ฉันคัดลอกมาอันที่สองจะมาจากอสูรเลยนะเนี่ย”
เย่ เทียนกล่าวอย่างตื่นเต้น