ผสานพรสวรรค์งั้นเหรอ?

 

 

เย่ เทียนยังไม่ผสานพรสวรรค์ในเวลานี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่ผสานพรสวรรค์แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเป็นการดีกว่าที่จะผสานพรสวรรค์ในพื้นที่ที่ไม่มีผู้คน

 

 

สถาบันการต่อสู้มีการจัดการอย่างง่ายๆ โดยไม่สนใจว่าจะมีนักเรียนมาเรียนหรือไม่ ถึงแม้จะไม่ได้มาก็ไม่มีบทลงโทษใดๆ

 

 

อันที่จริง เมื่อพวกเขาได้เรียนรู้วิธีฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายแล้ว นักเรียนเหล่านั้นจะเริ่มฝึกฝนด้วยตนเอง เพราะครูในสถาบันการต่อสู้ไม่มีเวลามากพอที่จะสอนนักเรียน

 

 

นี่คือสถานการณ์ในตอนนี้ของสถาบันการต่อสู้ที่ห้า ถ้าอยู่ในสถาบันการต่อสู้ที่หนึ่งจะแตกต่างออกไป

 

 

สถาบันการต่อสู้ที่หนึ่งเป็นสถาบันการต่อสู้ที่แท้จริง โดยสถาบันการต่อสู้แห่งอื่นๆนั้นเป็นเพียงแค่โถงฝึกวรยุทธ์ขนาดใหญ่

 

 

เมื่อกลับบ้านมาแล้ว ฉันเห็นน้องสาวของฉัน เย่ หยู่กำลังอ่านหนังสือเพื่อเรียนรู้วิทยายุทธ์ พ่อแม่ของเธอได้ทิ้งหนังสือเหล่านั้นไว้ เย่ หยู่จะอ่านมันเมื่อเธอมีเวลาว่าง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการฝึกวรยุทธ์ในอีก 2 ปีข้างหน้า

 

 

เย่ เทียนเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วล็อคประตู

 

 

“ผสานพรสวรรค์”

 

 

บึ้ม!!!!

 

 

พลังที่อธิบายไม่ได้กระทำทั้งร่างกายของเย่ เทียน

 

 

ความเจ็บปวด!

 

 

ความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุดกระทำต่อจิตใจของฉัน และร่างกายทั้งหมดดูเหมือนจะระเบิดออกมาเลย

 

 

“บัดซบ ฉันไม่นึกเลยว่าการรวมกันของพรสวรรค์จะเจ็บปวดมากขนาดนี้”

 

 

เย่ เทียนสบถออกมาด้วยเสียงเบา

 

 

แม้เขาจะรู้ว่ามันเจ็บปวดเพียงใด เขาก็ไม่รีรอที่จะผสานมันเข้าด้วยกัน นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของพรสวรรค์ระดับรากหญ้า เหมือนกับเปลี่ยนจากหินเป็นทอง มันช่างเจ็บปวดเหลือจริง!

 

 

“พี่คะ เกิดอะไรขึ้นกับพี่งั้นเหรอคะ”

 

 

เย่ หยู่เหมือนจะสัมผัสได้ถึงเสียงของเย่ เทียนและถามเบาๆขณะยืนอยู่นอกประตู

 

 

“พี่ไม่เป็นไรหรอก!” เย่ เทียนตะโกนขณะกัดฟันกรอด

 

 

เขาไม่กล้ากรีดร้องออกมาดังๆ เพราะเขานั้นไม่รู้ว่าจะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อย่างไรดี

 

 

โชคดีที่ความเจ็บปวดเริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว 10 นาทีต่อมา ความเจ็บปวดของเย่ เทียนค่อยๆหายไป และถูกแทนที่ด้วยความปลอดโปร่ง ซึ่งทำให้รู้สึกกสดชื่นเหมือนกับได้ปลดปล่อยภาระอันยิ่งใหญ่ออกไป

 

 

แน่นอนว่าเย่ เทียนยังไม่ได้ลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

 

เขาตรวจสอบพรสวรคค์ของเขาทันที

 

 

มนุษย์ : เย่ เทียน

 

 

ระดับพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ : กลาง

 

 

เมื่อเห็นข้อมูลบนหน้าต่างโฮโลแกรมนั้น เย่ เทียนก็แสดงความตื่นเต้นออกมา

 

 

ในที่สุด พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของเขาก็ไม่ใช่ระดับรากหญ้าอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าพรสวรรค์ของเขานั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว และหมายความว่าเขานั้นมีอนาคตที่ไม่สิ้นสุดรออยู่

 

 

นักรบ นักรบชั้นยอด สุดยอดนักรบ ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป ตราบใดที่เขายังคงรวบรวมพรสวรรค์ใหม่ๆ เขาก็จะแข็งแกร่งกว่าสุดยอดนักรบอย่างแน่นอน

 

 

“1 เดือน จะต้องใช้เวลา 1 เดือน ถึงจะสามารถคัดลอกพรสวรรค์อีกอันได้”

 

 

นี่คือสิ่งที่เย่ เทียนได้รู้หลังจากการคัดลอกพรสวรรค์สำเร็จ

 

 

กล่าวคือ หลังจากผ่านไป 1 เดือน เขาก็จะสามารถคัดลอกพรสวรรค์อันอื่นได้

 

 

“งั้นขอลองใช้ความเร็วในการฝึกฝนของพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลางก่อนแล้วกันนะ!”

 

 

เย่ เทียนทนที่จะลองใช้งานไม่ไหวแล้ว

 

 

อันที่จริง หลังจากที่เริ่มฝึกฝนกระบวนท่าผสานร่างกายทั้ง 18 กระบวนท่าเมื่อวานนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะลอง โชคไม่ดีที่ผลลัพธ์นั้นเล็กน้อยมาก และเขารู้สึกชาเล็กน้อยไปทั่วทั้งตัว เว้นแต่จะทำให้วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาถึงจะไม่รู้สึกถึงมันเลย

 

 

เพราะเขายังรู้ไม่ลึกซึ้งดีพอเลยจะไปฝึกอึกครั้งในวันนี้ และอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาฝึกมีส่วนไหนที่ผิดพลาดบ้าง

 

 

แต่เขานั้นไม่ได้ฝึกผิดพลาดเลยแม้แต่จุดเดียว นั้นคือเขามาเสียเที่ยวและทำให้ไม่มีผลในการฝึกเพื่อที่จะกลายเป็นนักรบระยะยาว

 

 

“ท่าที่หนึ่ง!”

 

 

“ท่าที่สอง!”

 

 

…

 

 

เย่ เทียนดำเนินการฝึกผสานร่างทีละท่าในห้อง การเคลื่อนไหวเหล่านี้ดูแปลกประหลาดมาก แต่เป็นการฝึกขั้นพื้นฐานในการผสานร่างกายที่ดีที่สุดที่มนุษย์พยามยามมานับคร้งไม่ถ้วน

 

 

กระบวนท่าทั้ง 18 ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการฝึกฝนทั้งหมด 18 กระบวนท่าแล้วเท่านั้นที่ร่างกายจะสามารถสร้างความสามารถในการปลอมแปลงได้

 

 

ไม่นาน ครึ่งชั่วโมงก็ได้ผ่านไป และเย่อเทียนก็ดคลื่นไหสมนาได้ฝึกฝนหระบวนท่าทั้ง 18 คนจบครบสมบูรณ์

 

 

เมื่อฝึกครบ 18 กระบวนท่า กระแสความร้อนก็ปรากฏขึ้นจากร่างกายของเย่ เทียนในทันที และความร้อนนั้นก็ไหลผ่านไปยังทุกส่วนของร่างกายอย่างช้าๆ จนร่างกายของเขาเย็นลง

 

 

การไหลของความร้อนนี้เป็นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ และการผสานร่างกายคือการพัฒนาศักยถาพของร่างกายมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพ

 

 

แต่การใช้ศักยภาพของมนุษย์มากเกินไปจะทำร้ายร่างกายของมนุษย์ได้ ดังนั้นวิธีการบ่มเพาะจึงทำได้มากที่สุดเพียง 10 ครั้งต่อวันเท่านั้น และฝึกฝนร่างกายได้ครั้งละ 3 ครั้งต่อวันเท่านั้น นี่คือประสบการณ์ที่ได้จากคนจำนวนนับไม่ถ้วน

 

 

“ตามที่คาดไว้สำหรับพรสวรรค์ระดับกลางนั้นแข็งแกร่งกว่าการฝึกฝนพรสวรรค์ระดับอ่อนแอแบบเมื่อวานร้อยเท่า ไม่น่าแปลกใจเลยที่เฉิน ตงจะกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธ์ และมีพละกำลัง 100 กิโกกรัม ใน 1 เดือน

 

 

เย่ เทียนตอนนี้พึงพอใจกับพรสวรรค์ระดับกลางเป็นอย่างมาก แต่เขานั้นรู้ว่ามีพรสวรรค์ที่สูงกว่าพรสวรรค์ระดับกลาง และอัตราความก้าวหน้าของพรสวรรค์เหล่านั้นอยู่เหนือจินตนาการของเขาในขณะนี้

 

 

เขาจึงต้องฝึกฝนอย่างหนัก

 

 

เมื่อกระแสครวามร้อนที่เกิดจากวิธีการหลอมรวมร่างกายครั้งแรกใกล้หมดลง เย่ เทียนจึงเริ่มฝึกการผสานร่างกายครั้งที่สอง 

 

 

หลังจากที่ใช้วิธีหลอมรวมร่างกายสามครั้งติดต่อกัน ร่างกายของเย่ เทียนจึงเต็มไปด้วยเหงื่อและขี้ไคล

 

 

เย่ เทียนจึงไปอาบน้ำแล้วจึงกินซาลาเปาไป 1 โหล

 

 

การบ่มเพาะและการฝึกฝนต้องใช้พลังงานมาก จึงต้องกินให้มากๆเพื่อชดเชยพลังงานที่เสียไป

 

 

1 เดือนต่อมา

 

 

ณ ป่าแห่งหนึ่งในสถาบันการต่อสู้ที่ห้า ในเวลาที่ท้องฟ้านั้นใกล้ดับแสงลง และไร้ซึ่งผู้คน

 

 

เย่ เทียนกำลังฝึกอยู่ที่นี่ และนี่คือสถานที่ที่เขามาฝึกบ่อย

 

 

“ฮ๊ะ ฮ๊ะ ฮ๊ะวั้นนี้ฉันสามารถฝึกได้ 10 ท่าแล้ว”

 

 

เย่ เทียนหยุดการเคลื่อนไหวของเขาและเดินไปที่สนามฝึกหมายเลข 3

 

 

มีหินมากมายบนลานฝึก หินเหล่านี้มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม, 100 กิโลกรัม และ 150 กิโลกรัม

 

 

ตราบใดที่ถือหินน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ไว้เหนือหัวเป็นเวลา 3 วินาที แสดงว่ามีพลัง 50 กิโลกรัม หากยกหินที่มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ไว้เหนือหัวเป็นเวลา 3 วินาที แสดงว่ามีพลัง 100 กิโลกรัม นี่เป็นการทดสอบอย่างง่าย

 

 

ในการฝึกวิธีการบ่มเพาะ 8 วันแรก เย่ เทียนมีความแข็งแกร่ง 50 กิโลกรัมและกลายเป็นนักรบฝึกหัด

 

 

“วันนี้ฉันน่าจะยกหินหนัก 100 กิโลกรัมได้ เฉิน ตงถูกสอนโดยคณบดีและความเร็วในการฝึกของเขานั้นเร็วมาก แต่ฉันก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน ฉันมีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลาง ที่เกิดจากการผสานระหว่างพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลางและพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับรากหญ้า ในทางทฤษฎีฉันน่าจะแข็งแกร่งกว่าเฉินตงนิดหน่อย ใน 1 เดือนที่ผ่านมานี้ฉันไม่ได้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ฉันได้ฝึกฝนวันละ 10 ครั้ง ทุกวัน คนอย่างเฉินตงน่าจะเหนื่อยหอบหลังจากทำติดต่อกัน 7-8 ครั้ง ดั้งนั้นความก้าวหน้าของฉันไม่น่าจะช้ากว่าเฉินตง เผลอๆอาจเร็วกว่าด้วยซ้ำ”

 

 

เย่ เทียนพูดพึมพำ

 

 

หลังจากพักสักครู่และเกือบจะฟื้นฟูเต็มที่ เขาก็เดินไปยังหินที่มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม

 

 

“ฮึบ!”

 

 

เขายกหินขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้าง

 

 

เมื่อหินน้ำหนัก 100 กิโลกรัม อยู่เหนือศรีษะของเขาเป็นเวลา 3 วินาที เย่ เทียนก็โยนหินออกไปและนอนราบลงกับพื้นจากการหมดสิ้นเรี่ยวแรง

 

 

เขารู้ว่าเขามีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว 100 กิโลกรัม

 

 

“นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ด้วยพรสวรคค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลางของฉัน ฉันน่าจะเป็นนักรบได้ภายใน 1 ปี!”

 

 

เย่ เทียนกำหมัดของเขา และตั้งตารอจนกว่าวันนั้นจะมาถึง

 

 

หลังจากพักสัก 10 นาที ยามค่ำคืนก็เข้ามาเยือน เย่ เทียนออกจากสถาบันการต่อสู้แล้วกลับบ้าน

 

 

ขณะเดินบนถนน ร้านค้าต่างๆนั้นยังเปิดให้บริการอยู่ และแสงไฟที่ฐานลี้ภัยก็ส่องแสงสลัวๆ

 

 

ยุคนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ ว่ากันว่าฐานที่ทรงพลังบางฐานสามารถใช้พลังธรรมชาติแทนไฟฟ้า เพื่อสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์มากมาย เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองก่อนยุคโลกาวินาศ

 

 

แต่นั่นคือสำหรับฐานลี้ภัยขนาดใหญ่  ส่วนฐานลี้ภัยภัยขนาดเล็ก อย่างหลินไห่นั้นไม่สามารถทำได้

 

 

โดยแต่ละครอบครัวจะใช้ตะเกียงหรือเทียนไขเป็นแสงสว่างในการนำทางยามค่ำคืนแทน ในถนนสายนี้พลันทำให้เย่ เทียนนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต

 

 

แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

 

 

“อ๊ะ อ๊าาา อสูรมาที่นี่!”

 

 

“วิ่งหนีเร็ว อสูรมาที่นี่แล้ว!”

 

 

มีความหวาดกลัว และความตื่นตระหนกเต็มท้องถนน