คัดลอกพรสวรรค์ - ตอนที่ 2: พรสวรรค์ลอกเลียนแบบ
“สิ่งนี้มันคืออะไรกันน่ะ?”
เย่ เทียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อมองแวบแรก เขาคิดว่ามันเป็นภาพลวงตา แต่ในท้ายที่สุด เขาก็แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน
ข้อมูลที่แสดงอยู่ตรงหน้าเป็นของจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา
“สูตรโกงงั้นเหรอ? ไม่ นี่อาจจะเป็นพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นของฉัน!”
เย่ เทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ตอนนี้เย่ หยู่ อายุเพียง 13 ปี จึงยังไม่เหมาะสมที่จะเริ่มบ่มเพาะ แต่พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะนั้นมีมาตั้งแต่แรกเกิด เป็นเรื่องปกติที่เย่ หยู่จะมีพรสวรรค์นี้ ส่วนพรสวรรค์ด้านน้ำแข็งนั้นไม่ใช่พรสวรรค์ธรรมดา มันไม่ใช่พรสวรรค์แบบเดียวกับพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ มันจึงหายากมาก เป็นพรสวรรค์ที่มีโอกาสพบหนึ่งในหมื่น ถ้าถูกปลุกให้ตื่นขึ้น มันจะบดขยี้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันได้อย่างแน่นอน และมีโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้อีก
“ว่ากันว่าหลังจากที่กลายเป็นนักรบแล้ว จะสามารถดูดซับพลังลมปราณ เพื่อให้พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ตื่นขึ้น แต่มีเพียงไม่กี่คนที่มีพรสวรรค์ที่นอกเหนือจากพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ ฉันไม่ได้คาดหวังว่าน้องสาวของฉันจะมีพรสวรรค์ที่หายากอย่างพรสรรค์ด้านน้ำแข็ง”
“พรสวรรค์ของฉันสามารถมองเห็นพรสวรรค์ของคนอื่นได้อย่างเดียวงั้นเหรอ?”
เย่ เทียนรู้สึกว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในไม่ช้าเขาก็ทดลองอะไรบางอย่าง
เมื่อเขาได้พบกับน้องสาวของเขา เขาพบว่าด้านการบ่มเพาะในหน้าจอโฮโลแกรมนั้นแสดงให้เห็นถึงปุ่มคัดลอกอยู่ด้านหลังข้อความนั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาสามารถคัดลอกพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับอ่อนแอของน้องสาวของเขาได้
แต่พรสวรรค์ด้านน้ำแข็งที่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นนั้น เย่ เทียนไม่สามารถคัดลอกได้
“ท่านจะทำการคัดลอกพรสวรรค์นี้หรือไม่”
เมื่อเผชิญหน้ากับตัวเลือกนี้ เย่ เทียนเลือกปฏิเสธไปในทันที
แม้ว่าพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับอ่อนแอนั้นจะดีกว่าพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับรากหญ้าของเขา แต่ก็เป็นได้แค่ขยะ และถึงแม้จะทำการคัดลอกมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
หลังจากให้น้องสาวของเขาออกจากห้องไป เย่ เทียนก็พักอยู่ในห้องคนเดียว เพื่อตรวจสอบพรสวรรค์ของเขา
“ฉันสามารถเห็นพรสวรรค์ของน้องสาวของฉันได้ แสดงว่าฉันก็น่าจะเห็นพรสวรรค์ของตนเองด้วยสินะ?”เย่ เทียนพูดพึมพำ
ดังนั้นเย่ เทียนจึงจ้องมองที่ตนเอง
ในไม่ช้าก็ปรากฏหน้าจอโฮโลแกรมที่แสดงถึงพรสวรรค์ของเขาเอง
มนุษย์ : เย่ เทียน
ระดับพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ : รากหญ้า
ในหน้าจอ แสดงแค่พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับรากหญ้า ซึ่งหมายความว่า เย่ เทียนไม่มีพรสวรรค์อื่นซ่อนอยู่คนส่วนใหญ่จะมีพรสวรรค์ด้านอื่นซ่อนอยู่
“สถานการณ์ของฉันในตอนนี้ชัดเจนแล้ว พรสวรรค์ของฉันเป็นพรสวรรค์ที่ไม่สามารถอธิบายได้นี้ ทำให้ตัวฉันระเบิดจนตายและพาฉันข้ามเวลามายังยุคนี้ พรสวรรค์นี้ควรเรียกมันว่า พรสวรรค์ลอกเลียนแบบ เป็นพรสวรรค์ที่สามารถคัดลอกพรสวรรค์ของคนอื่นได้ โดยพรสวรรค์ที่คัดลอกมานั้นจะสามารถผสานกับพรสวรรค์ของฉันได้หรือไม่นั้นต้องทดลองต่อไป นอกจากนี้การที่จะคัดลอกพรสวรรค์ของใครคนหนึ่งจะต้องสัมผัสกับบุคคลนั้น ซึ่งค่อนข้างลำบากเลยทีเดียว แต่ในอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงในอนาคตก็ได้”
หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว เย่ เทียนมีแผนที่จะคัดลอกพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของเหล่าอัจฉริยะ การพึ่งพาแค่พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับรากหญ้าของเขาเพียงอย่างเดียว คงไม่มีวันฝึกฝนไปถึงระดับนักรบในตลอดชีวิตของเขาแน่
เพราะถ้าไม่กลายเป็นนักรบ จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในอนาคต
พ่อแม่ของเย่ เทียนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของอสูรเมื่อปีก่อน ตอนนี้จึงเหลือเพียงเเค่เขากับน้องสาวเท่านั้น นี่ยังเป็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันของหลายๆครอบครัวอีกด้วย แต่มนุษย์ยังต้องดิ้นรนอยู่ในยุคนี้ทีมีคนตายเพิ่มขึ้นทุกขณะ และไม่รู้ว่ามีกี่ครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป
สถานที่ที่เย่เทียนอยุ่ในตอนนี้คือฐานลี้ภัยขนาดเล้กที่มีชื่อว่า หลินไห่ มีคนทั้งหมด 300,000 คน ในฐานมีนักรบเพียง 1,000 คน และนักรบมีสิทธิพิเศษที่คนธรรมดาไม่มี
พ่อแม่ที่ตายไปของเย่ เทียนเป็นนักรบ แต่พวกเขาเสียชีวิตในระหว่างทำภารกิจ แต่ถึงแม้พวกเขาจะตาย ฐานลี้ภัยก็จะให้ค่าชดเชยแก่ครอบครัว เช่น ก่อนอายุ 15 ปี สามารถนำเงินขดเชยจากฐานลี้ภัยเป้นค่าใช้จ่ายในชีวิตได้
แต่เมื่อมีอายุครบ 15 ปี จะไม่ได้รับเงินชดเชยนั้นแล้ว
เย่ เทียนมีอายุครบ 15 ปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เงินชดเชย มีเพียงเย่ หยู่น้องสาวของเขาเท่านั้นที่ได้รับเงินชดเชยอยู่ แต่เงินที่เธอได้รับนั้นใช้จ่ายสำหรับคนเพียงคนเดียวก็เต็มกลืนแล้ว
ทั้งสองคนอายุยังน้อยและยังไม่มีงานทำ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเขาและเย่ หยุ่ถึงกับต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคัน
ในฐานผู้ลี้ภัยหลินไห่ ตราบใดที่มีอายุ 9 ขวบก็สามารถไปโรงเรียนได้ จนถึงอายุ 15 ปี ส่วนโรงเรียนประถม และมัธยมที่มีก่อนวันโลกาวินาศ ไม่มีแล้วในตอนนี้
โดยวิชาที่ห้องเรียนจะสอน ได้แก่ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ แบะความรู้เกี่ยวกับอสูร และเขากับเย่ หยู่ได้เรียนในโรงเรียนเดียวกัน การออกจากโรงเรียนจึงไม่ส่งผลอะไรมากนัก
“พ่อแม่จองฉันได้ทิ้งมรดกไว้ให้ แม้จะไม่มาก แต่ก็เพียงพอสำหรับฉันที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่ปี แต่ในอนาคตหากฉันไม่ได้เป็นนักรบ การที่จะหาเงินจะต้องทำงานเท่านั้น”
ทำงานงั้นเหรอ?
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำงานในตอนนี้
การเป็นนักรบคือทางออกเดียวในยุคนี้!
“พี่จะออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ”
หลังจากที่เย่ เทียนตัดสินใจได้แบ้ว เขาก็บอกน้องสาวของเขา แล้วออกไป
บนถนน
ผู้คนเดินสัญจรไปมาอย่างมีชีวิตชีวา ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นนักรบ
นักรบเหล่านี้จะปล่อยออร่าอันทรงพลังออกมา และยังทำให้คนธรรมดาที่อยู่ใกล้ๆหายใจไม่ออก
พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับอ่อนแอ!
พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับอ่อนแอ!
พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับรากหญ้า!
พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับอ่อนแอ
…
เย่ เทียนเดินไปรอบๆและพบว่าคนส่วนใหญ่มีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับรากหญ้าหรือไม่ก็พรสวรรค์ระดับอ่อนแอ ไม่ใช่แม้แต่พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับต้น ซึ่งมีเพียงนักรบไม่กี่คนเท่านั้นที่มี
“ดูเหมือนว่าในฐานผู้ลี้ภัยหลินไห่นั้น ไม่มีพรสวรรค์ที่ดีมากนัก!”
เย่ เทียนขมวดคิ้ว
แต่เมื่อบองคิดดูดีๆแล้ว ฐานลี้ภัยหลินไห่เป็นเพียงฐานเล็กๆ และคนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงนักรบผู้ยิ่งใหญ่ การฝึกฝนพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับอ่อนแอจนถึงขีดจำกัดจะกลายเป็นพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับต้น และมีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะได้กลายเป็นนักรบชั้นยอด และผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลางจะกลายเป็นนักรบชั้นยอดอย่างแน่นอน และมีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะกลายเป็นสุดยอดนักรบ
สุดยอดนักรบของฐานลี้ภัยหลินไห่นั้นแก่มากแล้ว และคาดกันว่าเขามีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลาง
“พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลาง อย่างน้อยต้องคัดลอกพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลาง ฉันไม่สามารถเข้าใกล้นักรบพวกนั้นได้ ถ้าฉันสัมผัสพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะฆ่าคนธรรมดาอย่างฉัน แม้ว่าพวกเขาจะถูกลงโทษ กฎของฐานลี้ภัยจะลงโทษพวกเขาโดยการปรับด้วยเงินจำนวนหนึ่ง และโดยเฉพาะกับคนอย่างฉันที่ไม่มีภูมิหลังอะไรเลย ฉันจึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะคัดลอกพรสวรรค์ของนักรบ!”
“ในฐานมี 300,000 คน และพรสวรรค์ลอกเลียนแบบของฉันสามารถแสดงผลได้ในระยะ 3 เมตรเท่านั้นน ในการตรวจสอบพรสวรรค์ของคนอื่น ระยะนี้ยังน้อยเกินไป ถ้าตรวจสอบพรสวรรค์ทีละคนจะช้าเกินไป วิธีที่ดีที่สุดคือหาคนมาหนึ่งคน แล้วถามว่าความเร็วในการบ่มเพาะของใครเร็วที่สุด แล้วไปดูพรสวรรค์ของคนๆนั้น ตราบใดที่มีพรสวรรค์ระดับปานกลางหรือสูงกว่า ฉันจะคัดลอกมัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฐานบี้ภัยอย่างหลินไห่จะไม่มีพรสวรรค์ระดับปานกลางหรอก?”
โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้จะกระจุกตัวอยู่ในวิทยาลัยใหญ่ๆและมี 5 วิทยาลัยในฐานลี้ภัยหลินไห่ ตราบใดที่มีอายุ 15 ปี สามารถเข้าวิทยาลัยเหล่านี้ได้ ยกเว้น โรงเรียนหนึ่ง ที่ต้องการความรู้ระดับประถมและเส้นสายบางอย่าง วิทยาลัยอื่นๆไม่มีข้อกำหนดและสามารถเข้าได้ด้วยเงิน
“แต่เดิมทีฉันต้องการพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะแล้วจึงเข้าวิทยาลัยหนึ่ง แต่ตอนนี้ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ ฉันก็ยังไม่ไปวิทยาลัยหนึ่ง เพราะวิทยาลัยหนึ่งต้องทดสอบพรสวรรค์ ถ้าฉันให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับพรสวรรค์ของฉัน ผู้คนคงอยากได้พรสวรรค์ของฉัน และคงหนีไม่พ้นการถูกหั่นเป็นชิ้นๆเพื่อการวิจัยอย่างแน่นอน”
เย่ เทียนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้เขาต้องไปเรียนที่วิทยาลัยอื่น
อันที่จริง เขาต้องไปเรียนที่สถานฝึกวิทยายุทธ์ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถเรียนรู้วิธีฝึกฝนร่างกาย และนักสู้ไม่สามารถดูดซับพลังลมปราณได้