คัดลอกพรสวรรค์ - ตอนที่ 13: ของเหลวจากศูนย์กลางโลก
“เลือดอสูรระดับกลาง 3 ขวด น่าจะทำให้ฉันฝึกฝนได้ 5 วัน และพอที่จะทำให้ฉันมีพลังกาย 300 กิโลกรัม ขึ้นไป”
เย่ เทียนประมาณการณ์อย่างคร่าวๆ
พลังกาย 300 กิโลกรัม รวมกับพรสวรรค์ความเร็วระดับต้นและพรสวรรค์ดาบระดับกลางก็พอที่จะทำให้เย่ เทียนสามารถสู้กับผู้ใช้วรยุทธ์ส่วนใหญ่ได้ และมันก็พอสู้กับคนที่ได้รับการเลื่อนระดับเป็นนักรบได้
“แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าผลของของเหลวศูนย์กลางโลกมันจะเป็นอย่างไร ฉันต้องทดสอบมันให้เร็วที่สุด!”
เย่ เทียนยังหวังว่าของเหลวศูนย์กลางโลกจะช่วยพัฒนาการบ่มเพาะของเขาอย่างมาก บางทีเขาอาจจะเป็นนักรบได้อย่างรวดเร็ว
100 ปีแห่งวันสิ้นโลก ไม่มีใครรู้ว่ามีสมบัติปรากฏขึ้นมากี่ชิ้น จึงมีคนจัดทำสารานุกรมสมบัติขึ้น เพื่อไม่ให้นักรบเข้าไปในป่าและพลาดสมบัติ
และสารานุกรมสมบัติก็ไม่แพง ซึ่งสามารถซื้อได้ในราคา 1,000 หยวน (5,276.11788 บาท)
ค่าเงิน ณ วันที่ 9/4/65 อ้างอิงจาก matteo converter
ในอดีตเย่ เทียนไม่สามารถที่จะซื้อมันได้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ขาดเงิน
รางวัลที่หนึ่ง นอกจากจะมีเลือดอสูรระดับกลางทั้ง 3 ขวดแล้ว ยังมีเงิน 100,000 หยวน (527,611.78787 บาท) อีกด้วย
ค่าเงิน ณ วันที่ 9/4/65 อ้างอิงจาก matteo converter
เย่ เทียนจึงไปที่ร้านค้าและซื้อสารานุกรมสมบัติที่ค่อนข้างสมบูรณ์มา
กลับมาถึงที่บ้าน เย่ เทียนเปิดดูสารานุกรมสมบัติทีละหน้า หลังจากหาอยู่นานเขาก็พบบันทึกเกี่ยวกับของเหลวศูนย์กลางโลก
“ของเหลวศูนย์กลางโลกเกิดจากหินสายธารโลกที่ถูกสร้างขึ้นจากการดูดซับพลังของสวรรค์และโลกเป็นเวลาร้อยปี มีผลช่วยในการพัฒนาพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะตั้งแต่ระดับกลางลงไป มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่แหล่งกำเนิดของของเหลวศูนย์กลางโลกจะเป็นศิลาดึกดำบรรพ์ ซึ่งจะช่วยพัฒนาพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะตั้งแต่ระดับสูงลงไป!”
เมื่อดูข้อมูลในบันทึก เย่ เทียนก็หายใจเข้าอย่างรวดเร็ว
“สุดยอดไปเลย สิ่งนี้มันเป็นสมบัติที่สามารถพัฒนาพรสววรต์ด้านการบ่มเพาะได้ เมื่อนำไปขาย นับประสาอะไรกับหนึ่งแสนหยวน (527,611.78787 บาท) แม้แต่สองล้าน สามล้าน หรือแม้แต่สิบล้าน (10,552,235.75733, 15,828,353.63599 และ 52,761,178.78663 บาท) จะมีคนจ่ายหรือเปล่าเหอะ?”
ค่าเงิน ณ วันที่ 9/4/65 อ้างอิงจาก matteo converter
เย่ เทียนพึมพำ
แต่ในชั่วพริบตา เขาก็ทิ้งความคิดเหล่านั้นไป
ถ้าเขาขายของเหลวศูนย์กลางโลกไปจริงๆ เขาจะยอมตายเลย
ในเวลานี้ เขายังเข้าใจด้วยว่าทำไมอสูรงูดำถึงสามารถฝ่าฟันข้อจำกัดทางสายเลือดและเลื่อนขั้นเป็นอสูรยักษ์ได้
ในขณะนั้น เขาได้ดูพรสวรรค์สายเลือดของงูดำ พรสวรรคืสายเลือดของมันเป็นพรสวรรค์ระดับกลางแล้ว และดูเหมือนจะเป็นสายพันธุ์ที่ต่างจากสายพันธุ์ที่พบเห็นทั่วไป ตอนนี้ดูเหมือนว่าของเหลวศูนย์กลางโลกจะพัฒนาสายเลือดของมัน พรสวรรค์ของงูดำนั้นไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นอสูรยักษ์ได้
“แต่ผลของของเหลวศูนย์กลางโลกนั้นมีประสิทธิภาพที่ต่ำ และฉันนั้นไม่ได้กังวลเรื่องพรสวรรค์ แม้ว่ามันจะสามารถใช้กับฉันได้ ฉันก็ไม่ต้องการมัน และมันก็ไร้ประโยชน์สำหรับฉันที่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนระดับกลาง และมันก็ขายไม่ได้ควรใช้ทำอะไรดีล่ะ”
เย่ เทียนกล่าวอย่างผิดหวังเล็กน้อย
ทันใดนั้น เขาก็คิดถึงน้องสาวของเขาเย่ หยู่
“แต่น้องสาวของฉันดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ระดับอ่อนแอ ถ้าให้ของเหลวศูนย์กลางโลกกับเธอ เป็นไปได้ไหมว่ามันจะทำให้พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของเธอเลื่อนเป็นระดับต้น หรือกลาง?”
เย่ เทียนคิด
ขณะกินข้าวเที่ยง
เย่ เทียนมองไปที่น้องสาวของเขา และกล่าวว่า
“น้องพี่นี่เป็นสิ่งที่ดีมาเลยนะ ลองดื่มสิ”
เขากล่างขณะที่หยิบของเหลวศูนย์กลางโลกออกมาวางตรงหน้าเย่ หยู่
“นี่คืออะไรเหรอคะ?”
เย่ หยู่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
เธอไม่ได้กังวลว่าพี่ชายของเธอจะทำร้ายเธอ แต่กังวลว่าสิ่งนี้จะดีกับเธอหรือเปล่า
“มันเป็นสิ่งที่ดีกับตัวน้องในตอนนี้ที่สุดเลยล่ะ!”
เย่ เทียนพูดอย่างจริงจัง
เขาไม่ได้พูดถึงผลกระทบของของเหลวศูนย์กลางโลก แต่พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของน้องสาวเขายังไม่ตื่นขึ้น และเธอก็ไม่รู้ว่าพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของเธออยู่ระดับไหน การพูดมันในตอนนี้ไร้ประโยชน์เปล่าๆ
“พี่ชายไม่ดื่มมันเหรอคะ?”
เย่ หยู่มองพี่ชายของเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“พี่ดื่มแล้วล่ะ อันนี้คือส่วนของน้อง”
เย่ เทียนลูบศรีษะของเย่ หยู่อย่างอ่อนโยน
“งั้นหนูจะดื่มมันค่ะ!”
เย่ หยู่ดื่มของเหลวศูนย์กลางโลกทีละอึก
ปริมาณของของเหลวศูนย์กลางโลกนั้นมีไม่มากนัก เย่ หยู่จึงสามารถดื่มหมดได้อย่างรวดเร็ว
แต่เขานั้นไม่ได้ดื่มของเหลวศูนย์กลางโลก เขาจึงไม่รู้ถึงผลกระทบของมัน แต่สารานุกรมสมบัติบอกว่าคนที่ดื่มมันจะไม่เป็นไรมากนัก เพราะผลของมันนั้นอ่อนมาก
“หนูรู้สึกอบอุ่นและสบายใจจังค่ะ!”
เย่ หยู่แสดงความรู้สึกของเธอ
“น้องสิ่งนี้มันมีค่ามากเลยนะ อย่าเอาไปบอกคนอื่นล่ะ เก็บมันเป็นความลับของเรากับพี่ก็พอ”
เย่ เทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เขากลัวว่าเย่ หยู่จะเผลอพูดเรื่องนี้ออกมาตอนอยู่กับฝูงเพื่อน ถ้ามีคนรู้ว่ามันคืออะไร พวกเขาได้ตกอยู่ในอันตรายแน่
“พี่คะ หนูจะไม่พูดถึงมันเด็ดขาดค่ะ!”
เย่ หยู่พยักหน้ารับ
ทั้งสองก็กลับมากินข้างเที่ยงต่อไป
ขณะกินอาหาร เย่ เทียนตรวจสอบพรสวรรค์ของเย่ หยู่ด้วยพรสวรรค์ลอกเลียนแบบของเขา
ประมาณ 3 นาทีต่อมา พรสวรรค์ของเย่ หยู่เปลี่ยนไปจริงๆด้วย
มนุษย์ : เย่ หยู่
ระดับพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ : ต้น
พรสวรรค์น้ำแข็ง : ธาตุ(ยังไม่ตื่น)
หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาเย่ เทียนก็พบว่าพรสวรรค์ของเย่ หยู่มีการเปลี่ยนไปอีกครั้ง
มนุษย์ : เย่ หยู่
ระดับพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ : ปานกลาง
ระดับพรสวรรค์น้ำแข็ง : ต้น (ยังไม่ตื่น)
จนถึงวันรุ่งขึ้น พรสวรรค์ของเย่ หยู่ก็หยุดเปลี่ยนแปลง เห็นได้ชัดว่าระดับกลางคือขีดจำกัดของมันแล้ เพราะของเหลวศูนย์กลางหัวใจมีผลกับพรสวรรค์ตั้งแต่ระดับปานกลางลงไปเท่านั้น และเย่ หยู่ในตอนนี้ระดับพรสวรรค์เลื่อนเป็นระดับกลางแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาต่อ
“น้องสาวของฉันมีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับปานกลางแล้ว และด้วยพรสวรรค์น้ำแข็งการที่จะเป็นนักรบในอนาคตของฐานทัพหลินไห่จะไม่ใช่เรื่องยากเลย!”
เย่ เทียนกล่างอย่างโล่งอก
หลังจากที่เขามีเงินแล้ว เย่ เทียนก็ส่งน้องสาวไปโรงเรียน อย่างไรน้องสาวของเขาก็มีอายุเพียง 13 ปี เท่านั้นเอง ถ้าเธออยู่บ้านทั้งวัน เธอคงรู้เบื่อแย่ ที่โรงเรียนไม่เพียงเธอจะได้รับความรู้ เธอยังมีเพื่อนอีกด้วย
ตอนแรกน้องสาวเขาเธอไม่เห็นด้วย เพราะเธอรู้สถานการณ์ในครอบครัวดี แต่เมื่อเย่ เทียนแสดงเงิน 100,000 หยวน (527,611.78787 บาท) ให้เธอดู เธอก็เห็นด้วยทันที
เกี่ยวกับเงินที่ได้มา เย่ เทียนกล่าวว่าเขาได้ข้าร่วมการแข่งขันในสถาบันการต่อสู้และได้รับรางวัลของอันดับหนึ่งที่เป็นเงิน 100,000 หยวน (527,611.78787 บาท)
ค่าเงิน ณ วันที่ 9/4/65 อ้างอิงจาก matteo converter
อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องโกหกซะทีเดียว เพราะการทดสอบก็ถือเป็นการแข่งขันอย่างหนึ่ง
เมื่อน้องสาวของเขาไปโรงเรียน เย่ เทียนก็รู้สึกโล่งใจและไปฝึกฝนต่อ
พริบตาเดียวหนึ่งเดือนก็ผ่านไป
ในเวลานี้ เลือดของอสูรระดับกลางได้หมดลงแล้ว
และภายในหนึ่งเดือนนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของเย่ เทียนเพิ่มขึ้นจนเขามีพลังกาย 400 กิโลกรัม
พลังกาย 400 กิโลกรัม ถือเป็นผู้ใช้วรยุทธ์ระดับสูงแล้ว และอยู่ไม่ไกลจากการเป็นนักรบมากนัก
ในแง่พลังต่อสู้ทั้งหมดของเขาตอนนี้เทียบได้กับนักรบแล้ว
ถ้าหากเขาไม่มีเลือดของอสูร ความก้าวหน้าของเขาคงช้าลงกว่านี้มาก และความแข็งแกร่งของเขาคงไม่เพียงพอที่จะไปในป่าเพื่อตามล่าและฆ่าอสูร แล้วเขาจึงทำได้เพียงค่อยๆพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น
ตระกูลโม่
โม่ เฉาเป่ยได้ออกไปแล้ว
นับตั้งแต่การทดสอบสิ้นสุดลง เขาได้ฝึกเพื่อที่จะเป็นนักรบ และตอนนี้เขาได้เป็นนักรบตามที่เขาต้องการแล้ว
ตระกูลโม่ทั้งหมดกำลังฉลองงานที่ยิ่งฝหญ่นี้อยู่
เมื่อผู้คนกำลังพูดถึงโม่ เสาเป่ยอยู่นั้น โม่ เสาเป่ยก็กำลังพูดอะไรบางอย่างกับอดีตคนรับใช้ของเขา
“ผู้เฒ่าหลี่ การสืบสวนเป็นอย่างไรบ้าง”
โม่ เสาเป่ยถาม ขณะจ้องไปทางอดีตคนรับใช้หลี่ไห่