คัดลอกพรสวรรค์ - ตอนที่ 11: ทักษะการผสานร่างกายด้วยเลือดของอสูร
สิ่งที่มีค่าที่สุดในตัวของอสูรงูดำยักษ์คือเลือดของมัน สำหรับหนังงูถึงแม้จะมีมูลค่าหลายพันหยวน แต่เย่ เทียนก็ไม่อยากที่จะแบกมัน และการตัดหนังของมันก็ลำบากมาก
อีกเดี๋ยวโม่ เฉาเป่ยและคนอื่นๆคงจะมาถึงที่นี่ ถ้ามัวแต่ชักช้าจะยุ่งยากเสียเปล่า
“อสูรงูดำยักษ์มันคลานไปที่นั่นก่อนที่มันจะตาย เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของมันที่นั่น”
เย่ เทียนมองออกไปไกล
“นั่นมัน…”
การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป
ไม่ไกลนัก มีหินย้อยที่งอกมาจากผนังถ้ำ และมีของเหลวไหลตามหินย้อยลงมาทีละหยดๆ
ของเหลวนี้ส่องแสงสีขาวจางๆ เมื่อมองแวบแรกก็รู้ได้ทันทีเลยว่าไม่ใช่สิ่งธรรมดาๆแน่นอน
“หินย้อยที่มีอายุเป็นร้อยเป็นพันปีจะมีอยู่จริงงั้นเหรอ นึกว่าจะมีแค่ในเรื่องเล่าซะอีก”
เย่ เทียนครุ่นคิด
แต่เขาไม่รู้เรื่องราวสิ่งนี้มากนัก เขาแค่คาดเดาจากเนื้อหาของเรื่องเล่าในชาติก่อนของเขา
แต่มันต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน
และแล้ว เย่ เทียนก็หยิบขวดน้ำขวดสุดท้ายออกมา เขาเทน้ำที่เหลือทิ้ง แล้วนำมันไปวางใต้หินย้อยนั้น และของเหลวนั้นก็ไหลลงขวดน้ำทีละหยด
ของเหลวที่วางใต้หินย้อยได้ไม่เยอะนัก อาจจะเป็นเพราะว่าอสูรงูดำยักษ์ดื่มไม่ไปบางส่วนแล้ว จึงได้แค่ครึ่งขวดเท่านั้น
เมื่อมองไปที่หินย้อยที่มีของเหลวไหลลงมา เย่ เทียนก็มีแผนบางอย่างในใจ
“ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปกว่าที่จะเต็มคงใช้ประมาณหนึ่งวัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงฉันคงรอไม่ไหวหรอก แต่ฉันไม่สามารถให้สิ่งนี้ตกไปอยู่ในมือคนอื่นได้ ฉันมีทางเดียวคือต้องทำลายมันเท่านั้น”
เย่ เทียนกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
เขาเล็งดาบไปที่หินย้อยแล้วฟันมัน ไม่นานหินย้อยนั้นก็ถูกตัดออก จากนั้นเขาจึงหาทางซ่อนมัน
“หินย้อยนี้อยู่ในถ้ำแสดงว่าชั้นหินเหล่านี้อาจมีสมบัติซ่อนอยู่ก็เป็นได้ แต่ชั้นหินนั้นแข็งเกินไป ไว้ฉันค่อยสำรวจมันทีหลังแล้วกัน”
เย่ เทียนกล่าวอย่างเศร้าใจ
หลังจากที่เขาลบร่องรอยหมดแล้ว เขาก็ผ่าเอาดวงตาของอสูรงูดำยักษ์ออกมา แล้วออกจากถ้ำ
ไม่ถึงสิบนาทีหลังจากที่เย่ เทียนออกไป มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งไล่ตามรอยเลือดของอสูรงูดำยักษ์ จนมาถึงถ้ำแห่งนี้
เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาก็ตกตะลึง
“อสูรมันตายแล้วงั้นเหรอ”
ผู้ใช้วิทยายุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“บัดซบ มีคนเอาตาของอสูรยักษ์ที่มีค่า 1,000 แต้มไปแล้ว”
โม่ เฉาเป่ยกล่าวอย่างโกรธเคือง
นักเรียนคนอื่นๆก็โกรธมากเช่นกัน พวกเขาอุส่าห์จัดการมัน จนมันได้รับบาดเจ็บสาหัส และมันักเรียนจำนวนมากเสียชีวิตจากการพยายามฆ่ามัน แต่ตอนนี้สิ่งของที่พวกเขาต้องการกลับถูกคนอื่นแย่งมันไป
“ไม่ใช่แค่นั้น เลือดในหัวใจของอสูรยักษ์ก็ยังถูกเอาไปด้วย เหลือเพียงเลือดของอสูรธรรมดาเท่านั้น!”
ผู้ใช้วิทยายุทธ์อีกคนกล่าว
เลือดของอสูรยักษ์กับดวงตาของงูดำ
สิ่งสำคัญที่สุดทั้ง 2 อย่าง ถูกแย่งไปจนหมด แม้ว่าศพของอสูรยักษ์ยังมีค่าอยู่บ้าง แต่โม่ เฉาเป่ยและคนอื่นๆไม่สนศพของอสูรยักษ์เลยแม้แต่น้อย พวกเขาจึงเดินออกจากถ้ำไป
แต่ศพของอสูรยักษ์นี้มีค่ามากสำหรับนักรบธรรมดา พวกเขาจึงแบ่งมันออกเป็นชิ้นๆ
ในเขตเสี่ยวเย่นั้นมีถ้ำหลายแห่ง ไม่นานเย่ เทียนก็พบถ้ำอีกแห่งอย่างรวดเร็ว เขาฆ่าอสูรในถ้ำนั้นจนหมดและยึดถ้ำนั้น
ตอนนี้เขาได้รับดวงตาของอสูรงูยักษ์ซึ่งมีค่า 1,000 แต้มในอีกครึ่งวันที่เหลือเขานั้นไม่จำเป็นต้องล่าอสูรเลยเพราะอย่างไรเขาก็ได้ที่หนึ่งอยู่แล้ว
แต่เขาไม่อยากจะเสียเวลาฝึกที่นี่
“ฉันไม่รู้ว่าเลือดของอสูรจำนวนมากจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของฉันได้มากแค่ไหน”
เย่ เทียนกล่าวพลางตั้งตารอสิ่งที่จะเกิดขึ้น
เขาดื่มเลือดของอสูรจนหมดขวด และฝึกฝนวิธีผสานร่างกายในทันที
ตู้ม!!!
เลือดของอสูรกลายเป็นกระแสพลังงาน และเย่ เทียนเริ่มทำให้ร่างกายของเขาสงบลงด้วยการควบคุมกระแสพลังงานด้วยทักษะผสานร่างกาย
ในไม่ช้ากระบวนท่าทั้ง 18 ก็เสร็จสิ้น และพลังงานจากเลือดของอสูรก็หมดลง
เย่ เทียนตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาอย่างละเอียด จนปรากฏความยินดีอยู่เต็มใบหน้า
“ความเร็วในการบ่มเพาะเกือบ 4 เท่า นี่เป็นเพียงเลือดของอสูรระดับต่ำเท่านั้น หากดื่มเลือดของอสูรระดับกลาง ผลของมันจะไม่สุดยอดกว่านี้เหรอ ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายคนไม่มีพรสววรค์ แต่พวกเขาสามารถกลายเป็นนักรบแม้จะมีอายุ 20-30 ปี แม้แต่นักรบชั้นยอดคงพึ่งพาเลือดของอสูรแน่นอน”
เย่ เทียนคาดเดา
หลังจากดื่มเลือดอสูรอีกขวด เย่ เทียนยังคงบ่มเพาะต่อไป
เขามีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับกลาง การดูดซึมเลือดของอสูรจึงสูงกว่าคนทั่วไปมาก หากเขามีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะระดับต้น จะสามารถเพื่มความเร็วในการบ่มเพาะได้ 2 เท่า
ด้วยเลือดของอสูร อัตราการเติบโตของเย่ เทียนจึงเร็วกว่าคนอื่นมาก
ในพริบตาไม่กี่ชั่วโมงก็ผ่านไป
ในเวลานี้ เย่ เทียนใช้ทักษะการผสานร่างกายไปแล้ว 10 ครั้ง และพบว่า…
“ร่างกายของฉันไม่ได้เหนื่อยมากนัก”
เย่ เทียนครุ่นคิด
เย่ เทียนฝึกทักษะผสานร่างกายอีกครั้ง และพบว่าเขายังฝึกฝนต่อไปได้อีก และมันไม่มีความเสียหายต่อร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฉันเข้าใจแล้ว ที่คนธรรมดาสามารถฝึกฝนทักษะผสานร่างกายได้ 10 ครั้งเพราะว่าพลังงานของร่างกายของพวกเขาถึงขีดจำกัดแล้ว และการฝึกในช่วงเปลี่ยนผ่านของพลังงาน มันต้องดึงศักยภาพของร่างกายออกมา แต่เลือดของอสูรนั้นเข้ามาแทนที่พลังงานที่เสียไป ฉันจึงสามารถฝึกทักษะผสานร่างกายได้หลายครั้ง 10 ครั้งยังห่างไกลจากขีดจำกัดของฉันในตอนนี้อีกมาก ฉันสามารถฝึกได้ยี่สิบสามสิบครั้งด้วยซ้ำ”
เย่ เทียนกล่าวอย่างตื่นเต้น
บางทีสิ่งนี้อาจจะไม่ใช่ความลับสำหรับผู้ใช้วิทยายุทธ์ แต่ก็ไม่มีใครเปิดเผยให้เหล่าผู้ใช้วิทยายุทธ์ได้รู้ เหตุผลหลักก็คือ เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้วิทยายุทธ์ที่จะได้เลือดของอสูร และเลือดของอสูรยังเป็นที่ต้องการสำหรับนักรบ การฝึกฝนด้วยตนเองนั้นไม่พอ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเผยเรื่องนี้สู่สาธารณะ เพราะอาจจะทำให้ผู้ใช้วิทยยายุทธ์คลั่งได้
แม่แต่ในตระกูลใหญ่ การให้เลือดอสูรกับเหล่านักรบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ฮ่าฮ่าฮ่า เลือดของอสูรมากเพียงพอสำหรับฉันที่จะบ่มเพาะอีก 2 วัน บางทีเมื่อการทดสอบสิ้นสุดลง ฉันสามารถเพิ่มพละกายเป็น 200 กิโลกรัมได้”
เย่ เทียนพึมพำพลางกำหมัด
บ่มเพาะต่อไป!!!
ขณะที่เย่ เทียนกำลังบ่มเพาะอยู่นั้น โลกภายนอกก็เกิดเรื่องวุ่นวาย
เพื่อให้ได้คะแนนที่มากขึ้น ผู้ใช้วรยุทธ์จำนวนมากจึงแย่งชิงชิ้นส่วนของอสูรกันเพื่อที่จะได้อันดับดีๆ แต่ผู้ใช้วิทยายุทธ์เหล่านี้สามารถที่จะฆ่าคน ไม่อย่างนั้นจะโดนบทลงโทษที่รุนแรงมาก และไม่มีใครรู้ว่ามีผู้ใช้วิทยายุทธ์ที่มีความแข็งแกร่งกี่คน
ถึงกระนั้นผู้ใช้วิทยายุทธ์ที่อ่อนแอก็เป็นเป้าสำหรับการแย่งชิงชิ้นส่วนอสูร
ในพริบตาการทดสอบก็ใกล้จะสิ้นสุดลง
ในเวลานี้ผู้ใช้วิทยายุทธ์ชั้นนำก็ทยอยออกจากเขตเสี่ยวเย่กันแล้ว