คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 283 หยวนอิงเป็นรูปร่าง
“เพ้ย หรือนึกว่าเจ้าปากใหญ่ก็จะกินข้าได้? ฮึ ดูถูกข้ามากไปแล้ว” จินเฟยเหยายืนอยู่ในกระท่อม ด่าทออย่างดุร้าย
หลังจากด่าเสร็จ นางก็ยื่นมือมาดู ในที่สุดอุ้งเท้าก็กลับคืนเป็นมือมนุษย์
ในใจจินเฟยเหยามีความรู้สึกหลากหลายผสมปนเป หลายสิบปีแล้ว พูดตามตรง ตอนอากาศร้อน มีขนทั้งตัวก็ร้อนมากจริงๆ ถึงฤดูหนาวจะอบอุ่น ทว่าพออาบน้ำขึ้นมาก็ยุ่งยาก
นางแสดงอานุภาพแห่งการกินในห้วงการรับรู้ กลืนกินเทาเที่ยลงไปอย่างยากลำบาก จินเฟยเหยาเข้าใจ นี่ไม่ใช่พละกำลังของตนเอง เมื่อนางกับเทาเที่ยพัวพันกัน ตอนเจ้ากัดข้าคำหนึ่ง ข้าก็กัดเจ้าคำหนึ่ง ในท้องนภาของห้วงการรับรู้พลันมีวงเวทลวดลายซับซ้อนอันหนึ่งปรากฏขึ้น
จินเฟยเหยาไม่รู้ว่าวงเวทนี้มาจากที่ใด แต่กลับปกคลุมเทาเที่ยไว้ภายใน และนางก็เริ่มท่องคาถาท่อนหนึ่งขึ้นมาเอง คาถาที่ไม่คุ้นเคยแต่กลับคุ้นเคย คุ้นเคยแต่กลับไม่เคยเรียนรู้มาก่อน
ท่องคาถาจบ เทาเที่ยร้องคำรามร่างหดเล็กลงทุกที ค่อยๆ กลายเป็นเทาเที่ยที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ สุดท้ายก็บินเข้าไปในปากของจินเฟยเหยาเอง
จินเฟยเหยากลืนเทาเที่ยลงไป รู้สึกได้ว่าห้วงการรับรู้ขยายกว้างขึ้นสิบเท่า น้ำทะเลสีดำแห้งขอด ท้องนภาสว่างเจิดจ้าล่าถอยไป ในห้วงการรับรู้ทั้งหมดมีฟ้าพร่างดาวปรากฏขึ้น
ท้องฟ้ายามราตรีอันมืดมิดเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ ส่วนการรับรู้ของนางกำลังลอยอยู่ท่ามกลางฟ้าพร่างดาว จากนั้นดวงดาวบนท้องฟ้าก็มารวมกันที่เบื้องหน้าการรับรู้ของนาง ปรากฏเป็นหยวนอิงที่สร้างขึ้นจากดวงดาว
ขนาดของหยวนอิงอายุเต็มขวบ มีลักษณะคล้ายกับจินเฟยเหยา เพียงแต่บนศีรษะมีเขาโค้งงอคู่หนึ่ง ข้างกายมีทงเทียนหรูอี้โปร่งใสซึ่งแฝงไว้ด้วยริ้วสีทองและสีแดงกำลังเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆ ไม่หยุด จินเฟยเหยามองหยวนอิงที่หลับตาคนนี้อย่างละเอียด พบว่าเขาคู่นั้นเหมือนกับเขาที่จอมมารหลงตัดไปเป็นพิเศษ น่าจะเป็นเขาของเทาเที่ย
นึกถึงเขาที่ถูกตัดไปคู่นั้น เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนก็งอกออกมาแล้ว ตอนนี้หยวนอิงอันนี้ก็มีเขา ทว่าลักษณะกลับเป็นรูปร่างมนุษย์ คาดว่านี่คือหยวนอิงหลังจากกลืนกินเทาเที่ย
จินเฟยเหยารู้สึกดีอย่างยิ่ง ผลักประตูกระท่อมเดินออกมา พอย่างเท้าออกนอกกระท่อม บนกระท่อมก็มีสิ่งของร่วงลงมาดังตุ๊บ ขั้นกำเนิดใหม่ ข้าเพิ่งเข้าสู่ขั้นกำเนิดใหม่ก็มีสิ่งของร่วงกระแทกใส่ศีรษะ ไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว! เพลิงโทสะของจินเฟยเหยาพุ่งสูงสามจั้ง ยื่นมือไปคว้าสิ่งของบนศีรษะลงมา พอเอามาดูก็ตะลึงงันไปทันที
ในมือของจินเฟยเหยาถือกบสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือ เป็นสีขาวจริงๆ อีกทั้งบนหัวยังมีมุกเรืองแสงกำลังมองนางด้วยตาโตเป็นประกาย
“อ๊บ อ๊บๆ” ตามเสียงกบที่ยิ่งมายิ่งมากขึ้น ไท่จื่อโซ่วตัวเล็กๆ กระโดดออกมาทีละตัว ผ่านไปครู่หนึ่ง บนศีรษะของจินเฟยเหยา ใต้ร่าง ข้างเท้าก็เต็มไปด้วยกบตัวเล็กๆ สีขาว
จินเฟยเหยาทอดสายตามองไปก็เห็นบนเกาะลอยได้เล็กๆ ทั้งเกาะเต็มไปด้วยไท่จื่อโซ่วตัวเล็กๆ สีขาว อีกทั้งพอกวาดมองแบบนี้ นางจึงพบว่าปริมาณไม่ถูกต้อง ไม่ใช่หกสิบสองตัวเลยสักนิด อย่างน้อยต้องมีนับร้อยๆ ตัว
“พั่งจื่อ! ต้านิว! พวกเจ้าสองตัวไสหัวออกมานะ!” จินเฟยเหยาคำรามอย่างมีโทสะ ไท่จื่อโซ่วตัวเล็กๆ เหล่านี้หวาดกลัวจนกระโดดออกจากร่างนางเข้าไปในแปลงสมุนไพรและสระน้ำอย่างรวดเร็ว
พั่งจื่อวิ่งออกมาจากใต้ต้นไม้หลังกระท่อมด้วยสีหน้าง่วงงุน พอเห็นก็รู้ว่ากำลังแอบนอนเกียจคร้าน ส่วนต้านิวกลับแบกไท่จื่อโซ่วเล็กๆ เต็มตัวปรากฏกายขึ้น มันกระพริบตามองจินเฟยเหยาด้วยสีหน้าผู้บริสุทธิ์ ไม่เข้าใจว่าจินเฟยเหยาออกจากการปิดด่านกักตนแล้วร้องคำรามทำไม
จินเฟยเหยาจ้องมองท้องอันใหญ่โตของต้านิวก็สงสัย หรือว่าท้องอีกแล้ว? หรือให้กำเนิดลูกมากเกินไปดังนั้นจึงอ้วน…นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ใช้การรับรู้กวาดบนท้องต้านิว แล้วเดือดดาลทันที
“พั่งจื่อ!” จินเฟยเหยาหันหน้าไปทุบตีพั่งจื่ออย่างหนักหนึ่งยก อัดไปด่าไป “เจ้าคิดจะทำร้ายข้าให้ตายหรือ! ให้กำเนิดลูกมากมายขนาดนี้จะให้ข้าเลี้ยงอย่างไรไหว ถึงอย่างไรพวกเจ้าสองตัวก็ยังไม่ได้ทำสัญญาโลหิต รีบพาลูกๆ ของพวกเจ้าทั้งหมดออกไปเลยนะ!”
ครั้งนี้จินเฟยเหยามีโทสะแล้วจริงๆ ในท้องของต้านิวเต็มไปด้วยไข่อีกแล้ว ตอนนี้เกาะเล็กๆ ก็กลายเป็นเกาะกบ ถ้าทั้งหมดโตเต็มวัย ไม่กินจนนางกลายเป็นขอทานก็แปลกแล้ว
ต้านิวตะลึงงัน จากนั้นรีบพุ่งเข้ามา น้ำตาไหลพราก รับหมัดจินเฟยเหยาทั้งๆ ที่ท้องโตแล้วร้องอ๊บๆ ไม่หยุดตลอด
ในเวลานี้เองมียันต์ถ่ายทอดเสียงใบหนึ่งบินเข้ามากระพริบแสงในเกาะเล็กๆ
“หืม?” จินเฟยเหยาตะลึงงัน ไม่มีใครรู้ว่าตนเองอยู่ที่นี่ ใครเป็นคนส่งยันต์ถ่ายทอดเสียงมานะ?
จินเฟยเหยายกขาออกจากพุงของพั่งจื่อและยื่นมือไปรับยันต์ถ่ายทอดเสียง หลังฉีกขาดก็ได้ยินเสียงชายชราดังมาจากด้านใน
“สหายเซียน ข้าคืออู๋ปอ ผู้อาวุโสของสำนักเทียนตี้ ได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนักคิดจะมาหารือเรื่องเล็กน้อยกับสหายเซียน ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีที่สหายเซียนบรรลุขั้นกำเนิดใหม่ ปรากฏการณ์ประหลาดของสหายเซียนสะท้านฟ้าสะเทือนดินจริงๆ เป็นโฉมหน้าของราชันโดยแท้ ไม่เคยพบหน้าสหายเซียนมาก่อนก็สามารถจินตนาการถึงท่าทางอันห้าวหาญของสหายเซียนได้ ไม่ทราบว่าจะขอพบสหายเซียนสักคราได้หรือไม่ พูดคุยเรื่องผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย…”
อู๋ปอพูดเพ้อเจ้ออยู่นานในยันต์ถ่ายทอดเสียง จินเฟยเหยารู้สึกว่าประโยคโฉมหน้าของราชันในนั้นเป็นคำพูดที่นำมาประจบประแจงจริงๆ ไม่ว่าใครก็ใช้บรรยายได้
“หรือว่าความเคลื่อนไหวที่ข้าบรรลุขั้นกำเนิดใหม่ใหญ่โตเกินไปจึงทำให้คนของสำนักเทียนตี้รู้ตัว? ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้จะมาพูดคุยอะไร บางทีนึกว่าข้าเป็นผู้บำเพ็ญเซียนอิสระธรรมดาจึงอยากจะให้ข้าเข้าสู่สำนักเทียนตี้?” จินเฟยเหยาพกพาความงุนงงเต็มศีรษะ คิดจะเปิดการป้องกันให้ชายชราที่ชื่ออู๋ปอเข้ามา
“อ๊บ อ๊บๆ” ต้านิวพยุงพั่งจื่อที่ถูกต่อยจนใบหน้าฟกช้ำ ตะโกนใส่จินเฟยเหยาสองครั้งอย่างขลาดกลัว
จินเฟยเหยาก้มหน้าลงมองจึงพบว่าตนเองไม่ได้สวมอะไรเลย กำลังยืนเปลือยกายอยู่บนเกาะเล็กๆ ถ้าเปิดการป้องกันออกและให้อู๋ปอเข้ามาแบบนี้ เกรงว่าคงถูกเห็นเป็นคนวิปริตที่ใช้พลังหยางเสริมพลังหยินทันที
“ข้าเกือบลืมไป เป็นเทาเที่ยไม่ต้องสวมเสื้อผ้า” จินเฟยเหยาตบศีรษะ นึกขึ้นได้ว่าหลังจากตนเองบรรลุขั้นกำเนิดใหม่ยังไม่ทันได้สวมใส่เสื้อผ้า นางเปลือยกายแบบนี้มาหลายสิบปีถึงไม่สวมเสื้อผ้าก็ไม่รู้สึกอะไร
จินเฟยเหยารีบกลับเข้าไปในกระท่อมนำเสื้อผ้าจากในถุงเฉียนคุนมาสวมแล้วพินิจขึ้นลง พบว่าไม่มีก้นหรือแผ่นหลังเผยออกมา นางจึงเปิดการป้องกันของวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจอย่างวางใจ
อู๋ปอกำลังรออย่างร้อนใจอยู่ข้างนอก เห็นหมอกขาวพลันพลิกตลบเผยเส้นทางสายหนึ่งออกมา ส่วนสระพิษที่ดูเหมือนกว้างขวาง เวลานี้ก็เผยช่วงครึ่งหลังออกมาให้เห็นในหมอกขาว คิดไม่ถึงว่าจะกว้างเพียงยี่สิบกว่าจั้ง ไม่เหมือนในคำเล่าลือว่าเต็มไปทั่วทั้งหุบเขา
เขาไม่ได้ใช้สัตว์ภูติและของวิเศษ เหยียบลงไปบนแสงสีขาวผืนนั้นโดยตรงแล้วบินเข้าไป พอเข้าไปก็เห็นพื้นที่มิติวางอยู่ในหุบเขา รอบด้านเป็นหมอกขาว และบนเกาะเล็กๆ ในพื้นที่มิติ มีผู้บำเพ็ญเซียนสตรีสวมชุดเรียบง่ายคนหนึ่ง มีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่จริงๆ
ระดับชั้นของชุดที่นางสวมย่ำแย่ยิ่ง เป็นเพียงของวิเศษชั้นล่าง เส้นผมแผ่กระจายลงมาไม่ได้เกล้าเป็นมวย พอเห็นภาพนี้ ใจของอู๋ปอก็แขวนค้างทันที ปกติคนที่แต่งกายเช่นนี้ล้วนมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย คบหาด้วยยาก
ถ้าผู้บำเพ็ญเซียนธรรมดาแต่งกายแบบนี้ จะเป็นคนปกติ การพูดคุยก็จะง่ายหน่อย ถึงอย่างไรวิธีการคิดก็ใกล้เคียงกัน
จินเฟยเหยาคิดไม่ถึงว่าเนื่องจากตนเองไม่ได้หวีผมมานาน ยามนี้กลายเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้ตระหนักว่าต้องหวีผมเกล้ามวยจึงถูกจัดเป็นผู้บำเพ็ญเซียนแต่งกายประหลาดทันที เสื้อผ้าก็ยิ่งใส่ความนาง ถึงสิ่งที่นางสวมจะเป็นเพียงชุดอาคมชั้นล่าง แต่ต้องไม่ใช่รูปแบบที่แปลกประหลาดแน่นอน เสื้อผ้าดีๆ ของนางเสียหายหมด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นางหลอมเล่นๆ เมื่อครั้งอยู่เมืองวั่นเซียนสุ่ย
จินเฟยเหยามองชายชราที่ปรากฏตัวขึ้นนอกเกาะลอยได้ ใช้การรับรู้กวาดดูเขาอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เลวจริงๆ มิน่าเล่าผู้บำเพ็ญเซียนระดับสูงล้วนชอบใช้การรับรู้กวาดมองคนตลอด
“ข้าน้อยอู๋ปอ” อู๋ปอประสานมือคารวะจินเฟยเหยา
จินเฟยเหยาก็ประสานมือให้เช่นเดียวกัน “จินเฟยเหยา”
นางบอกชื่อออกไปอย่างไม่เกรงกลัว ขอเพียงบรรลุขั้นกำเนิดใหม่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกเทาเที่ยออกมาอีก นอกจากกลืนกินหยวนอิงของผู้ฝึกวิชาชั่วร้าย ตอนนี้ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ไม่มีประโยชน์กับนางแล้ว แต่ถ้านับเรื่องกลืนกินหยวนอิง ผู้ใดจะเทียบนางได้
ข้อนี้นางมั่นใจอย่างยิ่ง ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ช่วงต้นเช่นเดียวกันไม่มีทางเอาชนะตนเองได้ ขั้นกำเนิดใหม่ช่วงกลางก็พอสูสี ขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลายก็ไม่แน่ว่าจะกำจัดตนเองได้ ขอเพียงไม่เจอกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นว่างเปล่า ตนเองก็มีพลังอำนาจจะทำอะไรก็ได้ ไม่เช่นนั้นเผ่ามารทุกคนคงไม่อยากได้เทาเที่ยหรอก
“ที่แท้เป็นสหายเซียนจิน ยินดีที่ได้พบ” อู๋ปอรู้สึกตกใจในความกล้าของนาง บอกชื่อจริงออกมาจริงๆ พอคิดอีกที คนที่นางกินมีมากมายเกินไป ย่อมมีความกล้ามากกว่าผู้อื่น ถ้าแม้แต่ชื่อจริงยังไม่กล้าพูดออกมา คงกลายเป็นร่างของเทาเที่ยไม่ได้
จินเฟยเหยาให้อู๋ปอเข้าเกาะลอยได้เล็กๆ แล้วมองไปรอบด้าน ไม่มีแม้แต่สถานที่จะเชิญให้คนนั่งลงสนทนากัน ได้แต่เอ่ยอย่างขัดเขินว่า “ที่นี่ของข้าเรียบง่ายและหยาบเกินไป ได้แต่เชิญสหายเซียนอู๋นั่งลงบนพื้น ทำให้ท่านหัวเราะเยาะแล้ว”
“สหายเซียนจินถ่อมตัวเกินไป ผู้บำเพ็ญเซียนสมควรไม่ใส่ใจเรื่องนอกกายอยู่แล้ว นั่งบนพื้นสามารถใกล้ชิดกับฟ้าดินได้มากขึ้น” อู๋ปอมาเชิญให้ผู้อื่นจากไป ย่อมต้องทำตามความเคยชินของผู้อื่น จึงนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นหญ้าหน้ากระท่อมภายใต้การให้เกียรติของจินเฟยเหยา
เขามองในกระท่อมแวบหนึ่ง ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย ส่วนในอีกห้องหนึ่งวางตะกร้าที่มีฟูกนุ่มๆ เต็มไปหมด พอเห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนอยู่ นั่งอยู่ข้างนอกดีกว่า อย่างน้อยก็มีอากาศสดชื่น
“ท่านไม่รังเกียจก็ดีแล้ว เสี่ยวหงยกน้ำชา” จินเฟยเหยาก็นั่งลงตรงข้ามเขาแล้วเรียกเสี่ยวหง
อู๋ปอจึงเห็นเด็กผู้หญิงที่เหมือนมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์เดินมาด้านข้างโดยไม่ส่งเสียง จุดไฟต้มน้ำในกาที่แขวนบนเตานอกกระท่อมทันที อยู่แบบดั้งเดิมจริงๆ แม้แต่ไฟก็ใช้จุดเอา ท่าทางหากตนเองไม่มา เกรงว่าคนผู้นี้คงไม่ดื่มแม้แต่ชา
“ไม่ทราบว่าสหายเซียนอู๋มาเพื่อตนเองหรือเพื่อสำนักเทียนตี้?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม
“ข้ามาเพื่อ…” อู๋ปอยังเอ่ยไม่จบ กบสีขาวตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนร่างของเขา จากนั้นกบสีขาวตัวแล้วตัวเล่าก็วิ่งมา ครู่หนึ่งก็นั่งล้อมวงบนร่างเขา