คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 275 ยิ้มไม่ได้
ในวงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้าด้านล่างไหล่เขา ปรากฏผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่งที่เหนือศีรษะมีบงกชผลึกน้ำแข็งร่ายรำต้านทานอัสนีสวรรค์ พอดีเป็นติงจั๋วขั้นผสานร่างคนนั้น
ข้างกายเขามีสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ ใบหน้าเหลียวมามองหลงที่อยู่บนไหล่เขา “หลง! เจ้ามีความกล้าไม่เบา เจ้านึกว่าวงเวทชักนำสายฟ้าอันหนึ่งจะสามารถเอาชนะข้าได้หรือ เจ้าอย่าประเมินตนเองสูงไป ตอนนี้ข้าเป็นขั้นผสานร่างนะ!”
เนื่องจากใช้พลังวิญญาณ เสียงของติงจั๋วจึงดังสะท้อนไปรอบด้าน สั่นสะเทือนจนแก้วหูของจินเฟยเหยาดังวิ้งๆ นางเกรงว่าอีกฝ่ายจะจำตนเองได้จึงหดตัวอยู่ด้านหลังหลง
“เจ้าเป็นเต่าหดหัวอยู่ที่นี่ อาศัยลวดลายอาคมป้องกันสายฟ้าก็คิดจะหลบจนถึงวันที่สามารถขึ้นโลกตู้เทียนได้ วันนี้ข้าช่วยชักนำสายฟ้ามาให้เจ้า ให้เจ้าได้รื่นรมย์กับรสชาติของโลกตู้เทียนล่วงหน้า” หลงมองติงจั๋ว ในดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหารอันไร้ที่สิ้นสุด
“วันนั้นข้าน่าจะสังหารเดรัจฉานอย่างเจ้าเสีย ข้ายังมีจิตเมตตานิดหน่อยจึงปล่อยพวกเจ้าสองคนไป พวกเจ้ากลับตอบแทนข้าแบบนี้ เดิมทีเห็นว่าพวกเจ้าเป็นเผ่ามนุษย์ คิดไม่ถึงว่าจะไปเข้ากับเผ่ามาร” ติงจั๋วมองเห็นจินเฟยเหยานานแล้ว ก่อนหน้านี้เนื่องจากนางไม่มีเขาบนศีรษะดังนั้นจึงจำนางไม่ได้ แต่ตอนนี้ถึงนางกลายเป็นเถ้าธุลีเขาก็จำได้ไม่พลาด
จินเฟยเหยาทนฟังไม่ไหว รีบโผล่ศีรษะมาเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้พูดออกไปเสียหน่อย ทำไมต้องด่าว่าข้าเป็นเดรัจฉานด้วย”
ปากไม่กล้าพูด ในใจนางกลับคิดเช่นนี้ หากมิใช่ตอนนั้นท่านไร้ความสามารถ ได้แต่กักขังแต่สังหารจอมมารหลงไม่ได้ วันนี้พวกเราสองคนจะได้รับความทรมานได้อย่างไร พูดไปพูดมาก็เพราะท่านแข็งแกร่งไม่พอ
“ติงจั๋ว รับความตายเถอะ” หลงเอ่ยพลางหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นยื่นมือขวามาด้านข้าง หอกวิญญาณมารดำที่มีแสงดารากระพริบก็ปรากฏในมือเขา
จากนั้นจินเฟยเหยารู้สึกดวงตาพร่าพราย ด้านหน้าหลงกระพริบวาบ มีหลงสองคนปรากฏตัวขึ้น คนหนึ่งถือร่มสีดำ อีกคนถือหอกวิญญาณมารดำด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
หลงที่ถือหอกวิญญาณมารดำหายวับไปจากที่เดิม ตอนปรากฏตัวขึ้นในอึดใจถัดมาก็อยู่ในวงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้าแล้ว เขากระโดดขึ้นสูงกลางอากาศแทงหอกวิญญาณมารดำลงใส่ติงจั๋ว
ติงจั๋วไถลมือผนึกมนุษย์วารีขึ้นคนหนึ่ง มนุษย์วารียกดาบวารีปะทะกับหอกวิญญาณมารดำ
“ใต้เท้าหลง ท่าทางร่างแยกของท่านยิ่งเหมือนท่านเข้าไปทุกทีราวกับพิมพ์เดียวกัน” จินเฟยเหยายกศีรษะขึ้นมองการต่อสู้อันร้อนแรงด้านล่างพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ข้าเป็นร่างแยก” หลงเอียงศีรษะมองนางพลางเอ่ยวาจา
“เอ๋!” จินเฟยเหยามองเขาอย่างตกตะลึง ร่างแยกอย่างท่านกางร่มอยู่ที่นี่ทำไม ร่างจริงก็ไปเสี่ยงอันตรายในวงเวทสายฟ้าแล้ว
“ถ้าในสนามเป็นร่างแยก เขาย่อมรู้สึกพะว้าพะวังร่างจริงของข้าอยู่บ้าง” หลงอธิบายคร่าวๆ
จินเฟยเหยาอดทนอดกลั้น สุดท้ายทนไม่ไหวเอ่ยว่า “ใต้เท้าหลง เมื่อครู่ร่างเดิมของท่านทำให้ฟ้าผ่า ท่านไม่กลัวร่างจริงจะดับสูญหรือ?”
สายฟ้าผ่าลงมาในวงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้าตลอดเวลา กระทบถึงการต่อสู้ของพวกเขาอย่างรุนแรง ร่างมนุษย์วารีมีขนาดใหญ่จึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของอัสนีสวรรค์ ไม่มีอะไรก็ถูกอัสนีสวรรค์ผ่า ถึงแม้จะผนึกตัวขึ้นได้ใหม่ทันที แต่ครู่ถัดมาก็ถูกสายฟ้าผ่ากระจายอีก
หลงก็ถูกอัสนีสวรรค์ผ่า แต่ละครั้งที่อัสนีสวรรค์ผ่าโดนร่างเขา ชุดอาคมชั้นยอดบนร่างเขาจะเปล่งแสงสีขาวสว่างเจิดจ้า มังกรทะยานสีขาวก็จะเหาะออกมาจากชุดทันทีและอ้าปากสะอึกเข้ารับอัสนีสวรรค์ ดูเหมือนถูกสายฟ้าผ่า แต่พอมองดูอย่างละเอียดก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไร
อัสนีสวรรค์ราวกับสายฝน ติงจั๋วแค้นหลงสุดขีด ต่อให้ครั้งนี้ไม่เกิดเรื่องก็สิ้นเปลืองของวิเศษต้านทานสายฟ้าไปไม่น้อย เช่นนี้จะลากถ่วงเวลาที่ตนเองไปยังโลกตู้เทียน ไม่แน่ว่าจอมมารหลงมีแผนการเช่นนี้ คิดจะกักข้าไว้ที่โลกระดับเทพ
เห็นเขาพลิกมือคราหนึ่ง ในมือพลันปรากฏมุกกลมเม็ดหนึ่ง มุกกลมขาวเนียนนุ่มประดุจหยก พอมุกนี้ปรากฏ อัสนีสวรรค์ที่โจมตีไปรอบด้านโดยไร้จุดหมายต่างโจมตีมาที่นี่ทั้งหมด ติงจั๋วโยนมุกกลมขึ้นฟ้า อัสนีสวรรค์รอบด้านล้วนโจมตีไป เกิดเป็นสถานที่ว่างอันปลอดภัยแห่งหนึ่ง
จากนั้นติงจั๋วยกมือขึ้นในความว่างเปล่า พลันปรากฏผลึกน้ำใสกระจ่างผนึกเป็นกระบี่วารียาวห้าจั้งเล่มหนึ่ง พอกระบี่ยาวปรากฏก็ส่งเสียงมังกรคำรามออกมา บนตัวกระบี่มีหมอกขาวลอยอยู่จางๆ ปราณวิญญาณแห่งฟ้าดินโอบล้อมรอบตัวกระบี่ อานุภาพของมันมิอาจดูเบา
“ฮึ” ร่างแยกของหลงส่งเสียงขึ้นจมูก กางร่มสีดำปรากฏขึ้นในวงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้า ส่วนร่างจริงของหลงสะบัดหอกวิญญาณมารดำกลางอากาศ ความร้อนสีดำทะลักออกมา การยกระดับพลังทำให้พื้นที่ว่างด้านหลังเขาบิดเบี้ยว ส่วนร่างแยกเพิ่งร่อนลงในวงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้า เท้าเพิ่งแตะพื้น สถานที่แห่งนี้ก็มืดลงเหลือเพียงเสาแสงแปดสิบเอ็ดสายที่ยังพุ่งสู่กลางอากาศในความมืดมิด
“ฟ้าดินดับสูญ” ร่างแยกยื่นมือออกมาและเอ่ยอย่างเย็นชา
สายตาของติงจั๋วเคร่งเครียด กระบี่วารีโจมตีไปที่ร่างแยก เขาแน่ใจว่าคนผู้นี้ต้องเป็นหลงตัวจริง อานุภาพของฟ้าดินดับสูญไม่อาจดูเบา ดับชีพร่างจริงของเขาร่างแยกย่อมหายไปเอง กระบี่วารีลากไอหมอกเป็นทางยาวร้องคำรามมา ร่างแยกใช้ร่มสีดำสกัดไว้เบื้องหน้า พื้นดินสั่นสะเทือน ปราณวิญญาณและไอปิศาจพวยพุ่งสู่ฟ้า วัตถุสองชิ้นปะทะกัน
ร่างแยกขมวดคิ้วแน่น กัดฟันยิ้มจางๆ ความมืดมิดใต้เท้าของเขากำลังหดเล็กลง ใบหน้าของติงจั๋วกำลังยิ้มแย้ม
“ฟ้าดินดับสูญ!” ขณะที่ติงจั๋วมองฟ้าดินดับสูญที่กำลังหดเล็กลง หอกวิญญาณมารดำของหลงร่างจริงพุ่งเข้ามาแล้ว เดิมทีติงจั๋วคิดจะใช้บงกชผลึกสวรรค์ต้านทานหอกวิญญาณมารดำของหลงไว้ ถึงอย่างไรตนเองก็เป็นขั้นผสานร่าง พลังการบำเพ็ญเพียรของหลงกับเขาแตกต่างกันอยู่ช่วงใหญ่
ทว่าได้ยินคำพูดประโยคนี้ ติงจั๋วสีหน้าแปรเปลี่ยน เห็นบงกชผลึกซึ่งเป็นของวิเศษชั้นยอดและหอกวิญญาณมารดำปะทะกัน จากนั้นหอกวิญญาณมารดำพลันอ่อนยวบกลายเป็นก้อนสีดำและกลืนกินบงกชผลึกสวรรค์เข้าไป ในเวลาชั่วพริบตา หอกวิญญาณมารดำกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้งกระพริบแสงเย็นเยียบทิ่มแทงมา
“เจ้าจึงเป็นร่างจริง!” ติงจั๋วได้สติคืนมา เสี่ยงอันตรายมาเช่นนี้จึงเป็นร่างจริงของหลง ส่วนคนที่กางร่มคือร่างแยกของหลง
หอกวิญญาณมารดำพุ่งเข้ามาแล้ว ด้านหลังติงจั๋วกระพริบวาบ ปีกที่ซ่อนไว้ปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังส่งเสียงหึ่งๆ แล้วหลบออกไปได้ ทว่าหอกวิญญาณมารดำราวกับกินมากเกินไป หัวหอกเปลี่ยนเป็นอ่อนยวบแล้วคายกะโหลกยักษ์ตาเดียวออกมาใส่เขา
พอหัวกะโหลกปรากฏ อัสนีสวรรค์ที่ถูกมุกกลมกักขังไว้บนท้องนภาทั้งหมดก็เปลี่ยนเป้าหมาย ผ่าลงบนกะโหลกชิ้นนั้นทันที เหนือกะโหลกเกิดบอลสายฟ้ากว้างหนึ่งจั้งและกะโหลกพาบอลสายฟ้าอัดกระแทกใส่ติงจั๋ว
“อ๊า!” ติงจั๋วส่งเสียงร้องโหยหวน อัสนีสวรรค์บนท้องนภาผ่าลงมาตามกะโหลกชิ้นนี้
“ยอดเยี่ยมยิ่ง คิดไม่ถึงว่าหอกจะเปลี่ยนรูปร่างได้” จินเฟยเหยาจุปากเอ่ยชม
“ฟู่ว…ฟู่ว…” จินเฟยเหยารู้สึกว่าด้านหลังคอมีไอร้อนส่งมา นางสงบสติพลิกตัวไปอีกด้านแล้วหมุนตัวใช้อุ้งเท้าตบ
บางอย่างด้านหลังก็หายตัวหลบหลีกอย่างรวดเร็ว สะบัดขนอ้าปากพ่นแสงสีขาวดวงหนึ่งออกมา
จินเฟยเหยาวิ่งตะบึง หลบหลีกแสงสีขาวและโจมตีแสงสีขาวกระเด็นไปทำให้ไหล่เขาฝั่งตรงข้ามถูกตัดราบทันที นางเห็นสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณสูงสิบจั้งตัวนี้ ก็อดด่าทอไม่ได้ “เจ้านี่คิดไม่ถึงว่าจะลงมือกับข้า เสียทีที่ก่อนหน้านี้ข้าดีต่อเจ้า”
สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณคำรามใส่นาง ไม่มีความคิดจะพูดคุยตีสนิทกับคนรู้จักเลยสักนิด
จินเฟยเหยามีโทสะแล้ว สะบัดร่างคำรามลั่นและขยายร่างสูงสิบจั้งกว่า จากนั้นอ้าปากกัดสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ นางเข้ามากัดแบบนี้และไม่มีความคิดจะใช้เวทมนตร์เลยสักนิด ทำให้สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณไม่มีหนทางใช้เวทมนตร์ออกมา ได้แต่ยกกรงเล็บและกัดกับจินเฟยเหยา
แต่ปกติสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณใช้เวทมนตร์ ถึงตัวมันจะมีเรี่ยวแรงมากทว่านั่นคือเผชิญกับสัตว์ปิศาจอื่นๆ เมื่อต่อกรกับเทาเที่ยที่ดำรงชีพด้วยการกิน การต่อสู้ประชิดตัวแบบนี้มันเสียเปรียบมาก จินเฟยเหยาใช้กรงเล็บกดมันไว้แล้วกัดคอของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ ฟันอันแหลมคมกรีดลำคอของมันออกอย่างง่ายดาย
สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณคำรามอย่างเดือดดาล พ่นแสงสีขาวดวงหนึ่งออกจากปาก ลอยเฉียดแขนซ้ายของจินเฟยเหยาไป เลือดเนื้อกระเซ็นทันที จินเฟยเหยารู้สึกว่าแขนซ้ายเจ็บปวดอย่างรุนแรง เมื่อครู่ด้านซ้ายก็ถูกดาบของมนุษย์วารีฟัน ตอนนี้ถูกแสงสีขาวของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณโจมตีอีก นางเจ็บจนเพลิงโทสะสูงเทียมฟ้า
จินเฟยเหยาผลักอย่างแรงและกดสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณลงบนพื้น ใช้กรงเล็บขวากดขากรรไกรล่างของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณไว้แน่น แล้วผลักปากมันขึ้นไป ลำคอของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณก็เผยออกมา
ปากของเทาเที่ยสามารถเปลี่ยนตามขนาดของเหยื่อได้ ดังนั้นนางจึงสามารถกลืนทุกสิ่งได้ ไม่ว่าเจ้าจะมีขนาดใหญ่และล่ำสันเพียงใดก็หนีไม่พ้นปากขนาดใหญ่ของนาง นี่คือสาเหตุที่หลังจากจินเฟยเหยากลายเป็นเทาเที่ยแล้วไม่มีเวทมนตร์เลย แค่ใช้พละกำลังอันดุร้ายและความอยากอาหารก็พอ
กร้วม จินเฟยเหยากัดคอสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณคำใหญ่ โลหิตสดทะลักราวกับบ่อน้ำล้น สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณดิ้นรนอย่างสุดกำลัง การโจมตีของจินเฟยเหยายังไม่สิ้นสุด นางกัดคอของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณแน่น ทงเทียนหรูอี้สองชิ้นรวมเป็นหนึ่งและกลายเป็นกระบองเขี้ยวสุนัขป่ายาวห้าหกจั้ง
กระบองเขี้ยวสุนัขป่าปักเข้าไปในก้นสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณอย่างแรง จากนั้นกรงเล็บซ้ายที่บาดเจ็บสาหัสของจินเฟยเหยาขยับเบาๆ กระบองเขี้ยวสุนัขป่าก็หมุนวนอย่างรวดเร็วในร่างของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ
ทั่วทั้งเกาะลอยได้มีเพียงเสียงโหยหวนของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณร้องดังไปถึงขอบฟ้า ทำให้ผู้ได้ยินหลั่งเหงื่อเย็นโซมกาย
ภายใต้การโจมตีอย่างดุร้ายของจินเฟยเหยา สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว ในลำคอส่งเสียงอู้อี้และค่อยๆ ขาดใจตาย อย่าสิ้นเปลืองอาหารใดๆ จินเฟยเหยาใช้กรงเล็บแหลมคมฟาดทีหนึ่งก็ดึงตานสัตว์ปิศาจของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณออกมา ตานสัตว์ปิศาจที่ราวกับหยวนอิงของคนทำให้นางตะลึงงันเล็กน้อย จากนั้นได้ยินภายในวงเวทดวงตาสวรรค์ชักนำสายฟ้าเกิดเสียงดังสนั่นทันที
นางเงยหน้าขึ้นมอง เบื้องหน้าเป็นแสงสีขาวแถบหนึ่ง อัสนีสวรรค์ระเบิดแล้ว! คลื่นการโจมตีอันแข็งแกร่งกวาดพัดมา ซากของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณถูกทำลายทันที จินเฟยเหยารีบโยนตานสัตว์ปิศาจเข้าปากแล้วใช้กรงเล็บจิกพื้นแน่น
หลังคลื่นการโจมตีผ่านพ้น รอบด้านเละเทะระเกะระกะ น้ำพุความฝันไม่เหลือแม้เงา ป่าทึบรอบด้านก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย กะโหลกที่เปล่งแสงขึ้นสู่ท้องฟ้าเหล่านั้นกลายเป็นธุลี เมฆดำบนท้องฟ้าหายไปจนเกลี้ยง ไม่มีติงจั๋ว และไม่มีหลง ร่างแยกยิ่งหาไม่พบเลยสักนิด
จินเฟยเหยานิ่งอึ้ง ขณะกำลังจะหัวเราะอย่างยินดีก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง “เมื่อครู่เจ้านึกว่าข้าตายแล้วและกำลังเตรียมจะหัวเราะใช่หรือไม่?”