คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - ตอนที่ 99 ฉากในถ้ำ
“สหายเซียนท่านนี้ ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ โลกเซียวไท่แหกกฎ มาล้อมโจมตีพวกเราโดยเฉพาะ?” ด้านหลังจินเฟยเหยามีผู้บำเพ็ญเซียนติดตามเจ็ดคน เป็นสตรีสองคน บุรุษห้าคน ผู้บำเพ็ญเซียนสตรีหางตาชี้พูดไม่หยุดปากมาตลอดทาง พัวพันถามนั่นถามนี่จินเฟยเหยา น่ารำคาญแทบตาย
“สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง ระหว่างทางพวกเจ้าก็พบผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่แล้ว อีกฝ่ายก็รวมกันเป็นกลุ่ม ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็โจมตีมามิใช่หรือ?” จินเฟยเหยาขมวดคิ้วอธิบายอีกรอบหนึ่ง
นางรู้สึกว่าตนเองโชคร้ายมาแปดชาติจริงๆ ไม่เจอผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ ตลอดทางยังทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานในภาพมายาออกมาเจ็ดคน โชคดีที่นางรีบซ่อนมุกทลายเขตแดนในเสื้อผ้า คนเหล่านี้จึงไม่พบว่าจินเฟยเหยาเป็นคนลากพวกเขาออกมา ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะอาละวาดจนเป็นเช่นไร
ถึงแม้จะไม่อาจฉุดลากผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ออกมาจากภาพมายา ทว่าจินเฟยเหยายังสบายใจว่า ตนเองเข้าไปในภาพมายาไม่ได้ ก็ไม่อาจให้คนเหล่านี้เข้าไป ทุกคนจะได้ไม่เสียเปรียบกัน นางแอบคิดอย่างใจร้าย
อีกทั้งผ่านไปนานเข้า หลังจากผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานออกมาทีละคน นางเพิ่งตระหนักถึงเรื่องหนึ่ง ผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ล้วนพกพามุกทลายเขตแดน จะเข้าไปในภาพมายาได้อย่างไร สุดท้ายตนเองก็ได้แต่ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานออกมา นางครุ่นคิดดูว่าจะแอบโยนมุกทลายเขตแดนทิ้งแล้วกลับไปในภาพมายาค้นหาของวิเศษอีกดีหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าต่อมาจะพบผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่จำนวนมากภายในทางเดินศิลา ฆ่าคนปล้นของยังร่ำรวยขึ้นนิดหน่อย
เพิ่งผ่านมุมหนึ่ง ด้านหน้ามีผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ ถือมุกทลายเขตแดนจำนวนสี่คนปรากฏตัวขึ้น เห็นด้านนี้มีผู้บำเพ็ญเซียนโลกหนานซานจำนวนแปดคนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ ตลอดทางล้วนเป็นพวกเขารุมสังหารคนเพียงฝ่ายเดียว ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรวบรวมคนได้มากกว่าพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกเหนือความคาดหมาย
ส่วนทางโลกหนานซานฝึกฝนจนเชี่ยวชาญแล้ว เพิ่งพบหน้าผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ พวกเขาก็ใช้เวทมนตร์โจมตีไปโดยที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึงทันที จินเฟยเหยาที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดพบว่า คนมากไปก็มิใช่เรื่องดี ภายในทางเดินศิลาที่แคบเล็ก คนสิบกว่าคนต่อสู้พัวพันกัน ไม่มีแม้แต่สถานที่จะหลบหลีก อีกทั้งตนเองยังยืนอยู่ด้านหน้าสุด หากโจมตีมาคนที่โดนโจมตีก่อนก็คือนาง
ในยามนี้เอง นางรู้สึกว่าก้นถูกกดอย่างแรง จินเฟยเหยาจึงหันหน้าไปดู เห็นยายคนที่ถามไม่หยุดปากมือขวาถือดาบผีเสื้อเล่มหนึ่งกำลังมองนางอย่างตกตะลึง
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเจ้ายืนอยู่ใกล้เกินไปจึงไม่ทันระวังจิ้มโดนเข้า แต่คิดไม่ถึงว่าก้นเจ้าจะมีเกราะป้องกัน…” เห็นท่าทางของนางเหมือนแทงจินเฟยเหยาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับไม่ได้ปักเข้าเนื้อ กับคนที่ขนาดก้นยังสวมเกราะป้องกัน สหายเซียนเหอรู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง
จินเฟยเหยากำหมัดแน่น คิดจะต่อยหน้านางสักหลายครั้ง ถ้ายามนี้ไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย และยังต้องต่อกรกับผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ นางคงต่อยไปนานแล้ว
นางเบี่ยงตัวออก ยื่นมือมาฉุดดึงและผลักสหายเซียนเหอไปข้างหน้าทันที “เช่นนั้นข้าจะหลีกทางให้พื้นที่จะได้กว้างขึ้นหน่อย เจ้าจะได้ใช้ท่าร่างและเวทมนตร์ได้ดี”
“เจ้าทำอะไรน่ะ!” นางร้องอุทาน คิดจะเบียดกลับไปด้านหลัง ทว่าจินเฟยเหยายกข้อศอกขึ้นโจมตีกระดูกข้อศอกของนางอย่างแรง ทำให้ร่างของนางหยุดชะงัก ในขณะนี้เอง การโจมตีของผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ก็มาถึง ม่านแสงของสหายเซียนเหอถูกทำลาย แขนข้างหนึ่งถูกฟันลงมา
จินเฟยเหยามองแขนที่ร่วงพื้น รีบประณมสองมือ เอ่ยขออภัยอย่างแรง “ขอโทษด้วย เมื่อครู่ศอกข้าไปกระแทกเจ้า ไม่ได้ตั้งใจนะ”
“เจ้า…” สหายเซียนเหอประคองบาดแผลแขนข้างที่ขาด เจ็บปวดจนสีหน้าซีดขาว ศีรษะหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ พูดอะไรไม่ออก
“นี่เป็นเวลาใดแล้ว ยังทะเลาะกันอีก รีบถอยมา” ด้านหลังมีผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่งเบียดมาด้านหน้า หน้าร่างมีของวิเศษซึ่งเป็นเจดีย์องค์หนึ่งกำลังหมุน แสงอันอ่อนโยนสาดส่องภายในทางเดินศิลา กระดิ่งเล็กๆ บนเจดีย์ส่งเสียงหวานหูอย่างต่อเนื่อง
ได้ยินคำพูดของเขา จินเฟยเหยาก็ฉวยโอกาสถอยไปด้านหลัง มอบสนามรบให้พวกเขา
ผู้บำเพ็ญเซียนเจดีย์วิเศษชื่อว่าเฉียนซู เป็นคนของสำนักใดสักแห่งในโลกหนานซาน ตอนนั้นเขาเคยบอกไว้ ทว่าจืนเฟยเหยาลืมไปนานแล้ว หลังจากพบพวกนาง เฉียนซูก็กรีดมือวาดเท้า คิดจะแสดงพรสวรรค์ความเป็นผู้นำของตนเองออกมา ก่อนหน้านี้ จินเฟยเหยาคิดจะสังหารผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่เพิ่มอีกหลายคน เพื่อเก็บกระเป๋าเก็บของเพิ่มอีกหลายใบ ดังนั้นจึงไม่ได้มอบตำแหน่งผู้นำให้ใครมาตลอด ตอนนี้รู้สึกว่ายึดครองพื้นที่ด้านหน้าไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร นางจึงอาศัยโอกาสนี้ล่าถอยไปด้านหลัง อย่างไรเสียก็มีคนชอบยืนอยู่ด้านหน้ามากกว่านาง
อีกฝ่ายมีเพียงสี่คน ทางนี้กลับมีแปดคน ต่อให้ทางเดินศิลาเล็กและแคบกว่านี้ ก็เพียงพอให้ทุกคนโจมตีได้ อย่างไรเสียทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีพื้นที่ให้ใช้กระบวนท่าวรยุทธ จำนวนคนมากกว่าย่อมได้เปรียบเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้นคนของโลกเซียวไท่คงไม่รวมกลุ่มปฏิบัติการ
เจดีย์อยู่ข้างหน้าทั้งทำให้จิตใจสับสนทั้งบดขยี้คน ร้ายกาจอยู่หลายส่วน ผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่สี่คน หนีไปได้หนึ่งคน คนอื่นๆ ถูกเจดีย์ทับตายหมด จากนั้นก็เห็นเฉียนซูเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจ ใช้มือค้นหาบนตัวพวกเขาอย่างชำนาญ ท่าทางจะฝึกปรือจนช่ำชองกว่าจินเฟยเหยาหลายส่วน
เห็นเขาเก็บสิ่งของที่ค้นได้ไปทั้งหมด ไม่แบ่งให้คนอื่นสักนิด จินเฟยเหยาก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เหี้ยมกว่าข้าอีก ทุกแห่งหนล้วนมีผู้มากความสามารถจริงๆ การต่อสู้หลายรอบก่อนหน้านี้ ถึงตนเองจะเบิกทางอยู่ด้านหน้า แต่อย่างน้อยก็โยนกระเป๋าเก็บของที่ไม่ค่อยมีของดีอะไรแบ่งให้ทุกคนใบสองใบ เจ้าหมอนี่ดียิ่งนัก ไม่ให้แม้แต่น้อย
“เจ้าจำไว้เลย ออกไปแล้วข้าจะทวงความยุติธรรมจากสำนักเฉวียนเซียนให้ได้” ส่วนทางด้านนี้เหอฮว่าเล่าหยุดโลหิตตรงปากแผลแล้ว เก็บแขนที่ขาดบนพื้นขึ้นมา เตรียมนำออกไปหาหมอให้ต่อให้ นางมองจินเฟยเหยาที่เหมือนไม่มีเรื่องราวใด แล้วเอ่ยอย่างเคียดแค้นสุดเปรียบปาน
จินเฟยเหยาลูบใบหน้าไม่มองนาง เด็กน้อยจริงๆ ยังคิดจะไปทวงถามความยุติธรรม เป็นตายแล้วแต่ฟ้าลิขิต เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย นอกจากพูดมากแล้ว เจ้ายังใช้อาวุธแทงข้า หากมิใช่ร่างกายของข้าแข็งแกร่ง ต้องได้รับบาดเจ็บในจุดสำคัญแน่ ถ้าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งบาดเจ็บที่ก้น แม้แต่พันแผลก็ยังไม่สะดวก คนชั่วร้ายเช่นนี้ ยังมีหน้ามาเอ่ยถึงความยุติธรรม
“ทุกคนระวังหน่อย ด้านหน้าอาจจะมีผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่ รู้สึกว่าจำนวนครั้งที่พบพวกเขาเพิ่มมากขึ้น วงเวทส่งตัวของศิลารองรับฟ้าอาจจะอยู่ด้านหน้า” เฉียนซูเก็บสินสงครามทั้งหมดไป จากนั้นก็วางมาดหัวหน้าผู้ห่วงใย เรียกทุกคนอย่างหน้าไม่อาย
ถึงในใจผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ จะไม่พอใจ แต่พอนึกถึงว่าเบื้องหน้ายังมีอันตรายมากมาย ก็กล้ำกลืนโทสะ ให้เจ้าคนร่ำรวยนี่เดินเบิกทางอยู่ข้างหน้า ต่อให้มีศิลาวิญญาณมากมาย ก็ต้องมีชีวิตอยู่ใช้มันด้วย ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงสิ่งของเล็กน้อยเหล่านี้
เส้นทางถัดมากลับเกินความคาดหมายของทุกคน ตลอดทางไม่ได้พบผู้บำเพ็ญเซียนโลกเซียวไท่อีก อดทำให้คนสงสัยไม่ได้ว่าเฉียนซูไม่มีวาสนาทางโชคลาภหรือไม่ ตอนจินเฟยเหยาเดินนำหน้า ไม่กี่ชั่วยามก็พบผู้บำเพ็ญเซียนกลุ่มหนึ่ง ตอนนี้เฉียนซูเป็นผู้นำ เงาคนสักครึ่งคนก็ยังไม่มี ทำให้เฉียนซูที่คิดจะหาเงินก้อนใหญ่มีโทสะจนเลอะเลือน มักจะใช้หางตามองจินเฟยเหยาราวกับคิดจะให้นางขึ้นหน้ามานำทาง กวักเรียกผู้บำเพ็ญเซียนหลายคนออกมาให้ปล้น
จินเฟยเหยาไม่สนใจเขา ตนเองไม่ใช่สัตว์เรียกทรัพย์เสียหน่อย ถ้าโยนไว้ข้างหน้าแล้วสามารถเรียกทรัพย์มาได้ ตนเองยังต้องออกจากบ้านมาปล้นชิงกระเป๋าเก็บของหรือ?
เดินไปเรื่อยๆ คนกลุ่มนี้พลันได้ยินเบื้องหน้ามีเสียงซู่ซ่าอย่างต่อเนื่อง เดินเข้าไปใกล้ก็รู้สึกเหมือนเบื้องหน้ามีน้ำตกขนาดยักษ์ เสียงประหลาดเกินไป บวกกับมีเส้นทางเพียงสายเดียว ทุกคนรีบเร่งฝีเท้ารุดไปยังทิศทางที่เสียงดังมา
เสียงซู่ซ่ายิ่งดังขึ้นทุกที ภายในทางเดินศิลาเบื้องหน้ามีแสงธรรมชาติปรากฏขึ้น แน่ใจได้ว่าเบื้องหน้าต้องนำไปสู่ทางออกภายนอกแน่ พอวิ่งไปข้างหน้าก็เห็นทางออกที่สว่างไสวจริงๆ คนทั้งแปดที่พุ่งไปยังทางออกต่างตกตะลึงกันหมด
ด้านนอกทางออกมีเพียงแท่นราบขนาดสามจั้ง ส่วนภายนอกแท่นราบคือหลุมลึกขนาดใหญ่มองไม่เห็นก้นบึ้ง บนหน้าผารอบด้านมองเห็นแท่นราบหลายสิบแท่น ด้านหลังแท่นราบทั้งหมดมีทางเดินศิลาที่มืดมิด ส่วนน้ำตกเสียงดังซู่ซ่าอย่างต่อเนื่องสายนั้นอยู่ด้านล่างของแท่นราบ อีกทั้งตามริมหน้าผาทั้งหมดก็มีสายน้ำที่พุ่งทะยานสู่ด้านล่างอย่างดุร้าย
เห็นเพียงน้ำตกปรากฏตรงหน้าผาอย่างกะทันหัน กลับมองไม่เห็นว่าหน้าผามีร่องหรือรอยแยก ไอน้ำในหลุมลึกพร่ามัว มองไม่เห็นก้นเลยสักนิด ทว่าตรงกลางหลุมลึกมีก้อนศิลาขนาดยักษ์ลอยอยู่ ด้านบนศิลามีวงเวทส่งตัวขนาดใหญ่ รูปแบบแปลกประหลาด น่าจะอยู่ในยุคสมัยเมื่อนานมาแล้ว
วงเวทส่งตัววงนี้เปล่งประกายสว่างเจิดจ้ารัศมีแสงพุ่งทะยานสู่ฟ้าตั้งแต่แรก เห็นได้ชัดว่าอยู่ในสภาพกำลังทำงานตลอด รอบด้านวงเวทส่งตัว มีวงเวทเล็กๆ หกอัน วงเวทแต่ละอันล้วนฝังศิลาวิญญาณชั้นบนอันล้ำค่าหนึ่งก้อน ตัววงเวทแผ่กระจายปราณวิญญาณอันเข้มข้น วงเวททั้งหกลอยอยู่กลางวงเวทส่งตัว ส่วนตรงกลางอากาศเหนือศิลาลอยได้ มีผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนมากกำลังต่อสู้กันสับสนวุ่นวาย ส่วนบนแท่นราบเล็กๆ เหล่านั้นก็มีผู้บำเพ็ญเซียนกำลังต่อสู้กัน คนที่รักสงบและไม่มีอะไรทำเหมือนพวกเขามีไม่มากนัก
“อา ศิษย์พี่!”
“นั่นศิษย์น้องของข้ามิใช่หรือ? พวกเขาก็มาถึงที่นี่ พวกเรารีบไปช่วยเหลือเร็ว”
“ถูกต้อง แย่งชิงวงเวทส่งตัวอันนั้น คนที่ออกไปยิ่งมาก โลกหนานซานก็ยิ่งชนะอย่างง่ายดาย”
นอกจากจินเฟยเหยาและเฉียนซู คนที่เหลือต่างอารมณ์เดือดพล่าน รุดไปช่วยเหลือศิษย์ร่วมสำนักของตนเอง
ทุกคนต่างพบกันโดยบังเอิญ ไม่จำเป็นต้องอธิบายกับใคร พวกเขาต่างหยิบของวิเศษออกมา แล้วเหยียบของวิเศษเหาะไปตรงที่ศิษย์สำนักเดียวกันกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดพลางร้องตะโกน
“ทุกคนอดทนไว้ ข้ามาช่วยแล้ว”
“ศิษย์พี่ ดียิ่งนัก”
“ศิษย์น้อง ระวังด้วย คนเหล่านี้มีวิธีการอันต่ำช้ามากมาย”
มองศิษย์สำนักเดียวกันเหล่านั้นรักเคารพและปกป้องกันด้วยสายตาเย็นชา ความผูกพันอันลึกซึ้งของศิษย์ทำให้คนซาบซึ้ง จินเฟยเหยาหันหน้าไปถามเฉียนซูทางด้านข้างที่มีสายตาเย็นชาเช่นเดียวกันอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าว่านะสหายเซียนเฉียน เมื่อครู่ดูเหมือนมีคนกวักมือเรียกเจ้า น่าจะเป็นศิษย์ร่วมสำนักของเจ้าสินะ หรือว่าเจ้าไม่สมควรเข้าไปสละตนเองเพื่อช่วยเหลือ?”
เฉียนซูเหล่มองจินเฟยเหยา เอ่ยถามเช่นเดียวกัน “สหายเซียนจินเป็นคนของสำนักเฉวียนเซียนมิใช่หรือ? คนที่ถูกฟันกลิ้งตกน้ำตกเมื่อครู่น่าจะเป็นคนของสำนักเฉวียนเซียน เหตุใดเจ้าจึงไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”
จินเฟยเหยาหรี่ตาค้นหาในกลุ่มคน เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ว่า “สหายเซียนเฉียน ข้าแค่ปิดด่านกักตนอยู่ในสำนักเฉวียนเซียน ออกนอกประตูใหญ่น้อยครั้ง ไม่รู้จักว่าใครเป็นใครเลยสักนิด เสื้อผ้าของทุกคนก็สวมผสมปนเปกัน ใครจะยืนอยู่ที่เดิมให้โอกาสไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบและแลกเปลี่ยนความเป็นมาอย่างมีมารยาท ถ้าข้าไปอย่างกะทันหันแล้วช่วยผิดคน ข้าจะรับความผิดฐานศิษย์ทรยศไม่ไหว”