ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 959 ไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวัน / ตอนที่ 960 เทพเซียนที่ยอดเยี่ยม / บทที่ 961 ให้กำเนิดบุตรชายในเร็ววัน (ตอนจบ)
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 959 ไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวัน / ตอนที่ 960 เทพเซียนที่ยอดเยี่ยม / บทที่ 961 ให้กำเนิดบุตรชายในเร็ววัน (ตอนจบ)
ตอนที่ 959 ไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวัน
“ตอนแรกที่ดื่มกินเพลิดเพลินชมทิวทัศน์ไปกับเจ้า ข้าคิดเพียงว่าเด็กรุ่นหลังอย่างเจ้าเป็นคนที่สนุกดีก็เท่านั้น! พูดถึงความแตกต่าง เจ้าก็แค่เทพเซียนผู้หนึ่งที่ข้าตีสนิทด้วย มิหนำซ้ำยังถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่ยังหนุ่มและหน้าตาดีเท่านั้นเอง”
“แต่ตอนนี้ใบหน้าก็ไม่ได้หล่อเหลาเช่นเดิมแล้ว พลังก็ไม่เหลือแล้ว แม้แต่นิสัยของเจ้าก็ทำให้ข้าขยะแขยง หากมองเจ้านานกว่านี้ก็จะรู้สึกเหมือนเลือดในกายปั่นป่วน อยากอาเจียนจริงๆ” ซ่งอิงกล่าวจบก็เช็ดปาก “ข้าเป็นจักรพรรดิปีศาจมาหลายปีเพียงนี้ บัดนี้เจ้ากลับบอกว่าข้ากลับกลายเป็นคนทรยศเจ้าเพื่อตำแหน่งจักรพรรดิปีศาจ ฟ่านโยว เจ้าคิดให้ถี่ถ้วน ข้าเคยเผยความรักใคร่กับเจ้าแม้เพียงน้อยนิดเมื่อใดกัน”
ช่วงนั้นที่นางเป็นจักรพรรดิปีศาจ เป็นอะไรที่น่าเบื่อจริงๆ
ในแง่อายุ นางเองก็อายุมากแล้วจริงๆ อย่างไรเสียก่อนที่จะเปลี่ยนร่างเป็นจักรพรรดิปีศาจ ก็เป็นเพียงพลังวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในโลกและสวรรค์อยู่หลายปี นานเสียจนนางนับไม่ถ้วน
เพื่อไม่ให้ตนเองกลายเป็นของเก่าแก่ก็ไม่ปาน ตอนนั้นนางจึงกำจัดความทรงจำของตนเองบ่อยครั้งเช่นกัน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการใช้วิธีอย่างการไปเกิดใหม่
หลังจากเกิดใหม่แล้ว แม้ว่าพลังของนางจะแข็งแกร่งจนนึกถึงความทรงจำก่อนหน้าได้ แต่บางเรื่องที่ไม่สำคัญก็จะถูกลบออกไป
เกี่ยวกับฟ่านโยว นางในตอนนั้นก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนสหายธรรมดาทั่วไปจริงๆ
นางรู้สึกว่าเขามีฝีมือไม่เลว นิสัยก็ง่ายๆ และน่ารัก จึงเกิดความนึกคิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่หากพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กลับไม่มีแต่อย่างใด
หลังจากผนึกโลกภูตผีปีศาจร้าย นางใช้พลังไปไม่น้อย ตอนนั้นฟ่านโยวเคยเผยความในใจกับนางจริงๆ แต่นางก็ปฏิเสธอย่างเข้าใจได้เช่นกัน กระทั่งตัวฟ่านโยวเองก็ยังแสดงออกว่าไม่เป็นไร
ตอนนั้นนางยังนึกว่าเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนที่จิตใจกว้างขวาง
ตอนนี้มาคิดๆ ดู ไม่ใช่ว่าเขาใจกว้าง แต่เป็นเพราะเขาซ่อนความรู้สึกได้ดี
นางเกิดมาพร้อมความสามารถในการอ่านใจผู้คน แต่ในตอนนั้นกลับมองไม่ออกเลยว่าฟ่านโยวมีเจตนาทำร้ายนางแล้ว
“เจ้าไม่เคยมีใจให้ข้าเลยสักนิดจริงๆ…”
ก่อนที่ฟ่านโยวจะกล่าวจบ ซ่งอิงก็พูดขึ้นมาทันที “แน่นอน เจ้าไม่เคยเห็นหรือว่าข้าเป็นคนอย่างไร เจ้าน่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้าก็ไม่มีวันใจหวั่นไหวเช่นกัน”
ฟ่านโยวกำหมัดแน่น
อับอาย โกรธแค้น ขุ่นเคือง ไม่เข้าใจ
สุดท้ายเปลี่ยนเป็นความลังเลและสับสนลนลานเล็กน้อย
ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว หากจู๋อิ๋งไม่สนใจความรักในตอนนั้นเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นเขาก็…
ทันใดนั้นจู่ๆ ฟ่านโยวก็เปลี่ยนท่าที รีบร้อนกล่าว “จู๋อิ๋ง...ตอนนั้น เรื่องในตอนนั้นเป็นความประสงค์ของจักรพรรดิสวรรค์…”
“จักรพรรดิสวรรค์หรือ หากเจ้าไม่เคยเผยท่าทีไม่พอใจในตัวข้า จักรพรรดิสวรรค์จะกล้าไปหาเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าอย่าลืมสิ ชางเวยเป็นศิษย์พี่ของเจ้า ในแง่ของความสามารถ เขาเก่งกว่าเจ้า พูดถึงความน่าไว้วางใจ ตอนแรกข้าก็เคยพูดไว้หลายครั้งว่าชางเวยพึ่งพาได้ โลกเทพและโลกปีศาจต่างก็รู้ หากจักรพรรดิสวรรค์อยากหาใครมาทรยศข้า ชางเวยคงมีประโยชน์มากกว่าเจ้ากระมัง”
ฟ่านโยวหน้าซีดเผือด
จริงอยู่ที่ว่าตอนนั้นเขาทำใจยอมรับไม่ได้ ดังนั้นจึงได้เป็นฝ่ายจำนนอย่างจริงใจต่อจักรพรรดิสวรรค์ เอ่ยว่าหากโลกปีศาจล่มสลาย เช่นนั้นต่อจากนี้ไป โลกเทพก็จะไม่มีเรื่องใดรบกวนใจให้ต้องกังวล
เขาหลอมเหล็กหมาดทะลวงฟ้าได้ อีกทั้งเข้าใกล้จู๋อิ๋งได้ จักรพรรดิสวรรค์ย่อมเต็มใจลองเสี่ยงสักตั้ง
ตอนนั้นถึงแม้เขาใช้เหล็กหมาดทะลวงฟ้า แต่ก็ไม่ได้ทำสุดความสามารถ ขอเพียงนางไม่ปิดผนึกโลกเทพต่อไป ก็จะไว้ชีวิตนางไว้อย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าในช่วงวิกฤต นางยังคงใช้พลังปีศาจต่อไปไม่หยุด เป็นผลให้สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงเปิดบันไดสวรรค์ไว้หนึ่งเส้นทาง
“เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่” ซ่งอิงถาม
ฟ่านโยวอยากขอความเมตตา
แต่เขายังไม่ทันอ้าปาก ซ่งอิงก็กล่าวอีกครั้งอย่างหมดความอดทน “ช่างเถิด พูดไปข้าก็ไม่อยากฟัง ต่อไปเจ้าก็…”
ซ่งอิงครุ่นคิด จากนั้นก็กล่าวกับสืออิ๋ง “ขุดคุกใต้ดินให้เขาสักแห่งแล้วเอาเขาขังไว้ ข้าจะให้เขาไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก”
ตอนที่ 960 เทพเซียนที่ยอดเยี่ยม
ครั้นซ่งอิงกล่าวเช่นนั้น ฟ่านโยวถึงกับตะลึงงัน จากนั้นแววตาของเขาก็เผยความคลุ้มคลั่งเล็กน้อยออกมา “จู๋อิ๋ง! เจ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้!
ซ่งอิงแสยะยิ้มเย็นชา
เผ่าพันธุ์ปีศาจของนางลำบากกันมาตั้งเท่าไร ให้เขาไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเท่านั้นเอง แค่นี้ก็สติกระเจิงแล้วหรือ
“หากเจ้ารับไม่ได้ก็ไปตายเสีย ข้าไม่รั้งเจ้าอยู่แล้ว” ซ่งอิงสงบนิ่งมาก
ปรากฎว่าเมื่อพูดถ้อยคำนี้ออกไป ฟ่านโยวก็ไม่พูดอะไรอีก
ตายหรือ
เหอะ
ร่างแยกก็เป็นส่วนหนึ่งของเขา ตอนนั้นที่ร่างแยกของเขาตายไปพร้อมกับลั่วเจิน เขาเคยสัมผัสความรู้สึกประเภทนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ความรู้สึกประเภทความกลัวอันว่างเปล่า ความเจ็บปวดและความสิ้นหวังเมื่อเผชิญกับความตาย ล้วนเป็นของจริง บัดนี้ก็ยัง…สลักอยู่ในสมองของเขาทั้งหมด
เขาไม่อยากตาย แล้วจะกล้าไปตายได้อย่างไร
ไม่นานนัก ฟ่านโยวก็ถูกลากออกไป
สืออิ๋งจัดการให้คนไปสร้างคุกทันที
คุกแห่งนี้จะต้องมั่นคงแข็งแรง อีกทั้งต้องจัดเตรียมอาวุธเวทอย่างดีที่สุดเอาไว้ด้านในสักสองสามชิ้น จำเป็นต้องทำให้ชีวิตของฟ่านโยวเลวร้ายชนิดที่ตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่!
ของที่ซับซ้อนเกินไป ตอนนี้สืออิ๋งเองหลอมออกมาไม่ได้ แต่การทำของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ยังพอได้อยู่ อีกทั้งนางออกคำสั่งเดียว ปีศาจรุ่นเล็กจำนวนมากพวกนี้ได้ยินคำสั่งของนางก็พากันลงมือในทันที
คุกใต้ดินใช้แร่สีดำชนิดหนึ่งที่ไม่ถือว่าหายากนัก แต่จะใช้แรงมหาศาลทะลวงเปิดไม่ได้เด็ดขาด ทำเลก็ค่อนข้างแปลกเป็นพิเศษเช่นกัน อยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งในโลกปีศาจ อีกทั้งเกาะเล็กๆ แห่งนี้ก็ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ปลาในแม่น้ำโยกย้ายมาจากป่าสัตว์แห่งนั้น ดุร้ายถึงที่สุด
อยากจะหนีหรือ ต่อให้ใช้ร่างแยกของเขาอีกสิบร่างก็เป็นไปไม่ได้!
เมื่อฟ่านโยวถูกจับ ปีศาจรุ่นเล็กในโลกปีศาจจำนวนไม่น้อยต่างก็มีความสุขเป็นพิเศษ
ทั้งยังจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตเป็นการเฉพาะ ทั้งโลกปีศาจราวกับฉลองปีใหม่เช่นโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน ครึกครื้นเป็นพิเศษ แม้แต่ทางฝั่งเหมืองแร่ก็ยังพบของดีๆ จำนวนไม่น้อย
“เหตุใดวันนี้จึงได้ค่าแรงสองเท่า” เทพเซียนหลิงเฟิงสีหน้าสับสน
“อ้อ พอดีมีเรื่องดีๆ ในโลกปีศาจพวกเรา! ไอ้ชั่วฟ่านโยวผู้นั้นตอนนี้โดนจับแล้ว จักรพรรดิปีศาจของพวกเรากล่าวว่าจะให้เขาไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก หลังจากนี้เขาต้องอนาถแน่!”
“…” เทพอี๋เยว่ตะลึงงันไป “เขาตายไปแล้วไม่ใช่หรือ”
“ที่ตายไปก่อนหน้านี้เป็นร่างแยก คนที่ถูกจับตอนนี้น่ะเป็นเขาตัวจริง เทพเซียนผู้นี้ชั่วร้ายจริงๆ ยังคิดจะใช้เหล็กหมาดทะลวงฟ้าฆ่าจักรพรรดิปีศาจของพวกเราอีกด้วย ฝันไปเถอะ!”
“…” อี๋เยว่เสินจวินตกใจกับเรื่องนี้
ขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกดีใจด้วยอยู่บ้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ถึงแม้ไม่รู้ว่าถูกจับไว้ที่ใด แต่ได้ฟังแล้วก็น่าสลดอย่างยิ่ง ไม่เหมือนเขาในตอนนี้ แม้ว่าต้องทำงาน ไม่เหมาะกับฐานะของตนเอง แต่ก็ยังมีกินมีดื่ม มิหนำซ้ำยังได้ค่าแรง ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เขาโชคดี พบแร่วิญญาณสีชาดก้อนหนึ่ง เงินค่าแรงที่ได้ไม่น้อยเลยจริงๆ เขาจึงจ้างปีศาจรุ่นเล็กสองตนมาคอยยกน้ำชาส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกวัน
แม้ว่าแต่ละวันจะไม่เลิศหรูเท่าตอนอยู่โลกเทพ แต่ก็ดีกว่าตอนเพิ่งมาเยือนไม่น้อยแล้ว
อย่างไรเสียเซียนรุ่นเล็กสองสามตนอย่างพวกหลิงเฟิงก็อยู่กันมานานแล้ว ทว่าโชคเขาก็ดีมากพอตัวเช่นกัน แร่วิญญาณสีชาดในโลกปีศาจนี้เหมือนกับจดจำเจ้าของได้อย่างไรอย่างนั้น นอกจากเขาที่ขุดได้ ผู้อื่นที่ขุดได้ล้วนเป็นพวกปีศาจทั้งนั้น
เขามาไม่นานก็ขุดได้แล้วก้อนหนึ่ง ทำเอาเซียนรุ่นเล็กน้อยเหล่านั้นอิจฉาเสียจนน้ำลายแทบไหล
เทพเซียนที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้กำลังขุดเหมืองแร่ ก็จะได้ของที่ยอดเยี่ยมที่สุดแน่นอน
โดยสรุปก็ดีกว่า…กลายเป็นเหมือนฟ่านโยวเช่นนั้นกระมัง
เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจเทพอี๋เยว่ก็รู้สึกดีขึ้นมาก
ในโลกปีศาจล้วนมีแต่ความดีอกดีใจ อย่างไรเสียนอกจากจะจับฟ่านโยวได้แล้ว โลกปีศาจยังชนะศึกครั้งใหญ่และกู้ศักดิ์ศรีคืนมาได้อีกด้วย
ส่วนบรรดาปีศาจที่ร่วมศึก ซ่งอิงก็เริ่มให้รางวัลคุณงามความดีแล้วเช่นกัน
ไม่ทันไรก็มีปีศาจผู้นำด้านการสู้รบเพิ่มขึ้นไม่น้อย ทว่าตำแหน่งราชันปีศาจในปัจจุบันก็ยังคงมีแค่ไม่กี่ตนนั้น
ราชันปีศาจในตอนนั้นทุ่มเทเสียสละไปมากมายเหลือเกิน ดังนั้นจำเป็นต้องสงวนตำแหน่งนี้ไว้ก่อน รอภายภาคหน้าตอนที่เผ่าพันธุ์ปีศาจรุ่งเรืองและปรากฏผู้เปี่ยมความสามารถแล้วค่อยว่ากันอีกที
บทที่ 961 ให้กำเนิดบุตรชายในเร็ววัน (ตอนจบ)
หลังจากศึกใหญ่ ซ่งอิงก็ครุ่นคิดอยู่เช่นกันว่าเผ่าพันธุ์เทพและปีศาจคงจะสงบไปได้อีกยาวนาน
จึงเป็นแกนนำเหล่าปีศาจพัฒนาตนเอง
กำลังและความสามารถสำคัญที่สุด ดังนั้นซ่งอิงจึงตั้งกฎขึ้นมาว่า ทุกๆ ปีในโลกปีศาจต้องมีการแข่งขันครั้งใหญ่จากทุกเผ่าพันธุ์และทุกถิ่น ทั้งยังแบ่งการแข่งขันเป็นหลายประเภท
อย่างเช่นปีแรกแข่งขันวรรณกรรม ปีที่สองแข่งขันการต่อสู้ ปีที่สามแข่งขันเล่นแร่แปรธาตุ ปีที่สี่แข่งขันหลอมอาวุธ
ทุกครั้งหลังจากการแข่งขัน จะเลือกปีศาจสิบอันดับแรกมาเพื่อมอบรางวัลและตำแหน่งให้
ซ่งอิงไม่เคยจริงจังเช่นนี้มาก่อน เพราะนางรู้ว่าหากเหล่าปีศาจไม่แข็งแกร่งพอ เช่นนั้นการชนะเพียงสงครามเดียวก็จะไม่เพียงพอโดยเด็ดขาด ภายภาคหน้าเมื่อพบเห็นเทพเซียนจากโลกเทพ เหล่าปีศาจก็จะยังเกิดความหวาดกลัวอยู่
เรื่องอย่างการฝึกทหาร ชางเวยค่อนข้างเหมาะสมกว่า อีกทั้งเขาไม่ได้มีภาระงานอะไรมากมายนักในโลกปีศาจ ซ่งอิงจึงมอบหมายให้เป็นหน้าที่เขาชั่วคราว
การฝึกทหารในโลกปีศาจแตกต่างจากโลกมนุษย์
ในโลกเทพมีค่ายกลที่ทรงพลังมากมาย ซึ่งชางเวยล้วนทำได้ทั้งหมด
ส่วนทางด้านจักรพรรดิสวรรค์ ซ่งอิงไม่ได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์ต่อไป กระทั่งของขวัญที่จักรพรรดิสวรรค์ให้คนส่งมา ซ่งอิงก็ยังรับไว้ทั้งหมด และปฏิบัติกับเทพเซียนที่มาจากโลกเทพอย่างมีมารยาทขึ้นมาก
ถึงอย่างไรการเป็นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียวก็ย่อมไม่ส่งผลดีเสมอไป
ซ่งอิงไม่ได้ตั้งใจทำลายโลกเทพ ยิ่งไปกว่านั้นก็ทำลายไม่ได้อีกด้วย ก็เหมือนกับโลกปีศาจที่ถูกทำลายได้และกลับมาฟื้นฟูใหม่ได้ โลกเทพเองก็มีเหตุผลและความสามารถให้ดำรงอยู่เช่นกัน
อีกทั้งกฎธรรมชาติก็จัดการโลกเทพอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น เดิมทีจักรพรรดิสวรรค์คนก่อนก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างไม่มีเหตุผลมากพอตัว เหตุใดเขาจึงตายจากไปไวนักเล่า แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาทำเรื่องที่ไม่ควรทำ จึงต้องชดใช้
จักรพรรดิสวรรค์องค์ปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน เขาได้รับการ ‘ควบคุม’ โดยกฎสวรรค์
แน่นอนว่านางเองก็เช่นกัน
บัดนี้ซ่งอิงเข้าใจดีอย่างยิ่ง ตอนนั้นนางสละชีวิตและเผ่าพันธุ์ปีศาจก็เพื่อความสงบของโลกมนุษย์ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้รับคุณงามความดีเลย แล้วมันไปอยู่ที่ไหนเล่า แน่นอนว่าเป็นเพราะใช้ไปหมดแล้ว
ปัจจุบันเผ่าพันธุ์ปีศาจฟื้นฟูในระดับที่รวดเร็วเหลือเกิน เร็วเสียจนทำให้โลกเทพโต้ตอบไม่ทัน ช่วงเวลาที่นางบำเพ็ญเพียร นางก็นำพาผลประโยชน์ให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งน่าจะเป็นผลตอบแทนความดีของนางในอดีต
ดังนั้นตอนนี้ นางรู้แน่ชัดแล้วว่าตนต้องทำอะไร
……
หลังจากศึกใหญ่กับโลกเทพ โลกปีศาจก็ปิดตายเป็นเวลาพันปี
ในช่วงเวลาพันปี เผ่าพันธุ์ปีศาจพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่กลัวเผ่าพันธุ์เทพอีกต่อไป อีกทั้งเทพและปีศาจมีการไปมาหาสู่กันมากขึ้น
จักรพรรดิปีศาจมีบุตรบุญธรรมคนหนึ่ง แม้ว่าตัวบุตรผู้นั้นที่ดำรงอยู่ไม่มีอำนาจมากมาย ทว่าฉลาดหลักแหลมมาแต่กำเนิด ดังนั้นเมื่อโลกเทพและโลกปีศาจมีสถานะเท่าเทียมกันแล้ว จักรพรรดิปีศาจก็ยกเผ่าพันธุ์ปีศาจให้บุตรบุญธรรมจัดการเป็นการชั่วคราว และมีราชันปีศาจสองสามตนตลอดจนแม่ทัพปีศาจสิบตนคอยช่วยเหลือ
ส่วนจักรพรรดิปีศาจและเทพชางเวยกลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาเดียวกัน
เพราะโลกเทพควบคุมชะตากรรมของโลกมนุษย์ไม่ได้อีกต่อไป จึงไม่รู้เช่นกันว่าทั้งสองคนไปทิศทางไหนแล้ว
สิบแปดปีให้หลัง โลกมนุษย์
หญิงสาวผู้หนึ่งออกเรือน แต่งงานกับคู่หมั้นที่หมั้นหมายมาตั้งแต่เด็ก งานแต่งใหญ่โตหรูหรา ขบวนรับตัวเจ้าสาวประดับผ้าแดงยาวเหยียด
ชายหนุ่มที่ส่งตัวเจ้าสาวตาแดงเรื่อ มองน้องสาวกลายเป็นภรรยาของสหายคนสนิท รู้สึกซาบซึ้งใจในความรักของพวกเขาอย่างยิ่ง
“ท่านร้องไห้หรือ โตเป็นหนุ่มใหญ่แล้วแท้ๆ ยังจะร้องไห้อยู่อีกได้อย่างไรเจ้าคะ” ประเดี๋ยวเดียวก็มีหญิงสาวท่าทางดุดันผู้หนึ่งเอ่ยกับเขา
“ข้ารู้จักเจ้าหรือ”
“น่าจะไม่รู้จักเจ้าค่ะ” สืออิ๋งยิ้มเล็กน้อย “เพียงแต่ว่า…ไม่ต้องรีบร้อนไป คุณชาย ข้าคิดว่าท่าน…มีพรสวรรค์และเฉลียวฉลาด กระดูกของท่านไม่เหมือนคนธรรมดา ท่านอยากจะ…ฝึกตนเป็นเซียนหรือไม่”
“…” น้องพี่ ตรงนี้มีคนบ้า!
เขาสาวเดินหนีไป
“ท่านอย่าเพิ่งไปสิ! ข้าพาท่านกลายเป็นเซียนและพาท่านเหาะเหินได้จริงๆ นะ!” สืออิ๋งหัวเราะฮ่าๆ ไล่ตามไม่หยุด
ตามไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ สืออิ๋งก็หยุดกะทันหัน
นางมองเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง หญิงผู้นั้นสวมผ้าเนื้อหยาบ นั่งอยู่หน้าร้านขายยา กำลังจะเข้าไปรักษา สามีที่อยู่ข้างๆ มองนางอย่างรักใคร่
ท่าทางเช่นนั้น บุคลิกเช่นนั้น แม้ว่าดูธรรมดาเรียบง่าย แต่กลับคุ้นเคยและมีเสน่ห์ยิ่งนัก นางแทบจะจดจำได้ทันทีว่าทั้งคู่คือไท่ฉินและจ้าวหยาง!
สืออิ๋งดีใจจนแทบเสียสติ วิ่งตรงไปดึงซ่งอิงที่กำลังคับนับฟ้าดินมาหา “หัวหน้า ท่านดูสิ นั่นคือไท่ฉินและจ้าวหยางนี่! พวกเขาดูอ่อนแอเกินไปแล้ว แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่!”
ซ่งอิงที่อยู่ในพิธีแต่งงานมสีหน้ามึนงง รีบหันไปมองสามีของนางแวบหนึ่ง
“เจ้าเป็นใคร! เหตุใดจึงมาฉุดภรรยาของข้า!” ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเข้ามาทันที แล้วคว้าตัวนางมาหลบด้านหลังราวกับกำลังปกป้องลูกเจี๊ยบก็ไม่ปาน
“…” สืออิ๋งเบิกตาโตชั่ววูบ “ก็ได้…ขอให้พวกท่าน…อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า และ…ให้กำเนิดบุตรชายในเร็ววัน”
ไม่สิ ตามจริงสิ่งที่นางอยากกล่าวคือ รีบๆ แก่ตายเสีย
อย่างไรเสียหากตายไวก็จะได้กลับบ้านไวๆ นี่!