ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 913 อายุมั่นขวัญยืนหลายยุคหลายสมัย / ตอนที่ 914 เทพกลับชาติมาเกิด
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 913 อายุมั่นขวัญยืนหลายยุคหลายสมัย / ตอนที่ 914 เทพกลับชาติมาเกิด
ตอนที่ 913 อายุมั่นขวัญยืนหลายยุคหลายสมัย
ในเวลานี้ ฮ่องเต้เผยสีหน้าเย็นชา ขณะมองบุตรชายที่อยู่เบื้องล่างก็นึกถึงนักบวชสมณศักดิ์สูงที่บุตรชายพากลับมา
“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกว่านักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้จับปีศาจจิ้งจอกได้ จึงเปิดโปงแผนการนี้ได้หรือ” ฮ่องเต้เอ่ยถาม
“ใช่พะย่ะค่ะ” อ๋องอวีรีบกล่าวทันควัน
ไคเต๋อฮ่องเต้รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคำพูดของปีศาจจิ้งจอกขึ้นมา ในเวลานี้เองก็ได้ยินอ๋องอวีกล่าวอีกครั้ง “เสด็จพ่อ นักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้ฝึกฝนทำตำรับยาลับไม่น้อย ท่านเห็นเขาดูลักษณะอย่างคนอายุห้าสิบกว่าปี ในความเป็นจริงอายุแปดสิบกว่าแล้ว เขามีรูปลักษณ์ที่ดี หากช่วยดูแลปรับสมดุลร่างกายให้เสด็จพ่อ ท่านจะต้องอายุมั่นขวัญยืนหลายยุคหลายสมัยเป็นแน่พะย่ะค่ะ!”
“อายุมั่นขวัญยืนหลายยุคหลายสมัยหรือ” ไคเต๋อฮ่องเต้หัวเราะเยาะ
หากเป็นก่อนที่ปีศาจจิ้งจอกตนนั้นเอ่ยปาก เขาได้ยินถ้อยคำนี้บางทีอาจคล้อยตาม แต่บัดนี้เขาได้ฟังคำพูดของปีศาจจิ้งจอกแล้ว ถึงแม้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่กล้าเอาชีวิตตนเองฝากไว้ในมือนักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้แล้ว!
“วันๆ คิดแต่เรื่องเหล่านี้ที่เปล่าประโยชน์! ตอนที่เจ้ายังเยาว์วัยก็ไม่รู้จักขวนขวายพัฒนา บัดนี้อายุปูนนี้แล้วไม่นึกเลยว่ายังไม่รู้ความเช่นนี้อีก ไสหัวกลับไปคิดทบทวนตัวเองเสีย!” ฮ่องเต้โยนหนังสือพับในมือออกไป
อ๋องอวีได้ยินคำพูดนี้ คนทั้งคนถึงกับงงงวยเล็กน้อย
ไม่น่าเป็นเช่นนี้นี่!
สาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่เขาปล่อยตัวปีศาจจิ้งจอกนี้ไป หลักๆ เพราะคิดว่าสำหรับฮ่องเต้ ยาที่นักบวชสมณศักดิ์สูงมีอยู่ในครอบครองน่าจะมีแรงดึงดูดมากกว่า ส่วนเขา กุมจุดอ่อนบางอย่างของนักบวชสมณศักดิ์สูงไว้ในมือ จึงมีความสามารถในการควบคุมคนผู้นั้นไว้ได้อย่างสิ้นเชิง!
แต่ตอนนี้เสด็จพ่อเขากำลังพูดอะไร
ของที่เปล่าประโยชน์เช่นนั้นหรือ!
เสด็จพ่อไม่อยากมีชีวิตยาวนานหน่อยหรือ!
อ๋องอวีถึงกับตะลึงงันและทำอะไรไม่ถูก อยู่ดีๆ ก็ถูกไล่ตะเพิดออกไป นึกถึงว่าวันนี้ตนเองรีบมาประจบประแจง ไม่นึกเลยว่าจะถูกด่าทอเสียนี่ กลางดึกดื่น เรียกเขามาหาเพื่อด่าว่าแล้วก็ไล่ให้เขาไปน่ะหรือ!
อ๋องอวีรู้สึกว่าในใจตนเองได้รับความกระทบกระเทือนค่อนข้างใหญ่หลวง
แต่เขาไม่รู้ว่าเสด็จพ่อของเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่าเสียอีก
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซ่งอิงก็ถูกเรียกเข้าวังเช่นกัน
เป็นครั้งแรกที่นางแต่งกายด้วยชุดชาววังอย่างจริงจัง ดูเป็นทางการอย่างยิ่ง
ในมุมมองคนภายนอก ซ่งอิงเข้าวังครานี้เป็นการไปรับความทุกข์ยากลำบาก หากขอร้องความเห็นใจแทนฮั่วเจ้ายวน นางจะต้องถูกประณามอย่างหนักแน่นอน
เหยียนผิงโหวผู้นั้นอยู่ในบ้านถึงกับอดกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจยกใหญ่ไม่ได้ เขาคิดว่าหากซ่งอิงถูกลงโทษ ครอบครัวเขาก็จะไม่ตกอยู่ในบรรยากาศสังคมที่เต็มไปด้วยเหตุร้ายเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว
เพียงแต่แม้ว่าคิดเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่กล้ากระทำการใดซ้ำเติม
ประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายปีบอกเขาว่า ตราบใดที่ศัตรูไม่ตายก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป เพื่อที่ถึงเวลาจะได้ไม่เป็นการตบหน้าตนเอง บัดนี้เขาเป็นท่านโหวที่หวาดระแวงไปหมด ชื่อเสียงตระกูลก็ตกต่ำลงมาก ฉะนั้นไม่ทำตัวให้เป็นจุดสนใจไปสักระยะหนึ่งจะดีกว่า
คนจำนวนไม่น้อยล้วนสืบถามสถานการณ์ในวังหลวงด้วยความประหลาดใจ ซึ่งในเวลานี้ ซ่งอิงเผยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน
เมื่อเห็นฮ่องเต้ ครั้งนี้ซ่งอิงไม่ได้คุกเข่า
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ซ่งซื่อ นี่เจ้าหมายความอันใด ใครให้เจ้าใจกล้าถึงขั้นมองเราอย่างดูถูกเช่นนี้!”
“ท่านเป็นฮ่องเต้ ข้าก็เป็นฮ่องเต้เช่นกัน เหตุใดต้องเคารพท่านด้วย” ซ่งอิงยิ้มตาหยีเอ่ยพูด
“บังอาจ! เจ้าคิดก่อกบฏหรือ” ฮ่องเต้โกรธจัด
“ฮ่องเต้โกรธไปไย ข้าบอกว่าข้าเป็นฮ่องเต้ ที่พูดมิได้หมายความว่าเป็นฮ่องเต้ของพวกมนุษย์ หากแต่เป็นฮ่องเต้ของเผ่าพันธุ์ปีศาจต่างหาก” ซ่งอิงเชิดหน้าเล็กน้อย นางรู้สึกว่าตนเองแสร้งตีมึนได้สมบูรณ์แบบจริงๆ
ฮ่องเต้เผยสีหน้าทำอะไรไม่ถูกในชั่วพริบตา “เจ้าหมายความว่า เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจหรือ”
“เพคะ” ซ่งอิงพยักหน้า
“จะพิสูจน์อย่างไร” ฮ่องเต้เกิดความประหม่าในใจ
เผ่าพันธุ์ปีศาจ…ตั้งแต่โบราณกาลเรื่อยมา ปีศาจชั่วร้ายหลอกล่อให้คนจิตใจลุ่มหลงได้ ราชวงศ์ก่อนก็สูญสิ้นเพราะปีศาจชั่วร้าย หรือว่าราชวงศ์ของเขาทำอะไรให้ฟ้าดินโกรธเคืองแล้ว จึงได้นำมาซึ่งหายนะเช่นนี้!
ตอนที่ 914 เทพกลับชาติมาเกิด
ซ่งอิงจงใจเผยสีหน้าสงบเยือกเย็นขณะมองฮ่องเต้ผู้นี้ จากการคาดเดานางก็พอเดาออกว่าในขณะนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
ในฐานะฮ่องเต้ โดยเฉพาะเป็นฮ่องเต้ในโลกมนุษย์ เมื่อปรากฏภัยที่เกินกว่าความสามารถมนุษย์จะขัดขวางได้ จึงสงสัยว่าตนเองมีส่วนใดที่ขาดคุณธรรมไปแล้วหรือไม่ จากนั้นค่อยคิดหาเวลาไปเซ่นไหว้บูชา แลกกับความผิดพลาดของตนเอง
“ฮ่องเต้ เผ่าพันธุ์ปีศาจของข้าอยู่อย่างสงบมาเป็นเวลาหลายปี ในตอนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับพวกมนุษย์ ตราบใดที่พวกท่านไม่เป็นฝ่ายหาเรื่อง เผ่าพันธุ์ข้าก็ยินดีอยู่ร่วมกับท่านอย่างสงบสุข…” หลังจากพูดมาถึงตรงนี้ ซ่งอิงก็คลี่ยิ้มขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะกล่าว “ไม่สิ พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ควรจะเอ่ยว่า ภายภาคหน้าเผ่าพันธุ์ปีศาจข้าและเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกท่านไม่รุกรานกันและกัน โลกนี้ก็ยังคงเป็นถิ่นของพวกท่าน เผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างข้าย่อมกลับสู่สถานที่ที่เผ่าพันธุ์ปีศาจควรกลับไปอย่างแน่นอน”
เมื่อนางเอ่ยถ้อยคำนี้ ฮ่องเต้ก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็ไม่ค่อยกล้าเชื่อสักเท่าไร
“เจ้า…เป็นปีศาจจริงหรือ แต่ทั้งที่เจ้าเป็นบุตรสาวของเหยียนผิงโหว…” ฮ่องเต้ไม่ค่อยเข้าใจ
อาศัยการที่นางพูดปากเปล่า เขาจะเชื่อได้อย่างไร
ซ่งอิงครุ่นคิด วันนี้นางมาก็เพื่อพูดคุยกับฮ่องเต้
แต่ก็ต้องแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ใช่ผู้ที่จะรังแกกันได้โดยง่ายจึงจะได้เรื่อง มิเช่นนั้นหากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ถิ่นนี้โดยถูกควบคุมพลังเอาไว้ ฮ่องเต้เกิดราวีไม่เลิก กำจัดนางทิ้งจะทำอย่างไร
แน่นอนว่าฮ่องเต้ผู้นี้ก็ทำไม่ได้เช่นกัน
แต่เพื่อเลี่ยงความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น ในขณะนี้ซ่งอิงทำได้เพียงแสดงฝีมือให้ดีๆ
ซ่งอิงขับเคลื่อนพลังปีศาจในกาย จากนั้นพลันปะทุแสงเพลิงขึ้นในมือ แสงสว่างของเพลิงนั้นพุ่งไปยังม่านผืนบางในตำหนัก เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ตวัดม่านดังกล่าวให้พันกันเอง จากนั้นควบแน่นกลายเป็นมังกรไฟสีทองสว่างวาบท่ามกลางเพลิงแดงฉาน หลังจากโฉบเฉี่ยวอยู่ในตำหนักครู่หนึ่งก็ระเบิดตัวหายไป
ฮ่องเต้ตระหนกตกใจ สีหน้าซีดเผือด
เขามีทหารและม้านับพันนับหมื่น แต่หากเผชิญหน้ากับปีศาจก็คงไร้ความสามารถ!
“ข้าคือจักรพรรดิปีศาจกลับชาติมาเกิด ปัจจุบันเพียงแค่อยากอยู่ในโลกมนุษย์แห่งนี้ดำรงชีวิตสงบๆ สักหนึ่งชั่วชีวิต ตอนแรกปีศาจที่ปรากฏตัวทางด้านเมืองยงก็ถูกจัดการไปตั้งนานแล้ว บัดนี้ตัวที่ร่วมทางกับนักบวชสมณศักดิ์สูง…เป็นปีศาจที่ทำเรื่องชั่วช้า ข้าย่อมจัดการด้วยตนเองแน่ เพียงแต่รบกวนฮ่องเต้ปล่อยตัวสามีข้าออกมา เขาผู้นี้คงตื่นตกใจกลัวแย่แล้ว ถูกกังขังอยู่ในคุกเกิดเป็นอะไรไป ข้ากลัวว่าบุญบารมีของฮ่องเต้จะเสียหายเอาได้” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
ถ้อยคำนี้ไร้ความเกรงใจอย่างสิ้นเชิง ไคเต๋อฮ่องเต้ปรับอารมณ์ที่อึดอัดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม “อ๋องฮั่ว อย่าบอกนะว่าเขาก็เป็นปีศาจเช่นกัน”
หากเป็นปีศาจ ก็อธิบายได้ว่าเหตุใดเขาจึงชะตาชีวิตแข็งขนาดนี้ อีกทั้งเหตุใดอยู่ในสนามรบ อายุเยาว์วัย แต่กลับโรมรันเข่นฆ่าเอาชีวิตรอดออกมาจากเส้นทางโลหิตได้
“ไม่เพคะ ท่านแต่งตั้งเขาเป็นท่านอ๋องด้วยตนเอง เขาเป็นเทพกลับชาติมาเกิดในโลกมนุษย์แห่งนี้ ซึ่งก็เพื่อขจัดปีศาจ ทว่าเขาจิตใจไม่แน่วแน่เด็ดขาด บัดนี้กลายเป็นสหายที่ดีกับข้าแล้ว เราสองต่างฉลาดเฉียบแหลมทั้งคู่ การขจัดอีกฝ่ายเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้” ซ่งอิงถอนหายใจ
“…” ฮ่องเต้เบิกตาโตชั่ววูบ
เป็นเทพกลับชาติมาเกิด…
เขาในฐานะฮ่องเต้ ได้ยินว่าขุนนางเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด นี่ไม่ใช่ข่าวดีแต่อย่างใด
“อ๋องอู่เฉินปรารถนาก่อกบฏ เราเกรงว่า…จะทำตามใจปรารถนาเจ้ามิได้” ไคเต๋อฮ่องเต้มองดูแน่วแน่ไม่น้อย
“เช่นนั้นก็ได้เพคะ เช่นนั้นก็รบกวนฮ่องเต้มีพระราชโองการลงไปให้ประหารชีวิตเขาเสีย เพียงแต่ก่อนหน้าจะประหารชีวิต ข้าแนะนำท่านว่าไปวัดประจำราชวงศ์พบเจอนักบวชสมณศักดิ์สูงสักหน่อย และทางที่ดีที่สุดก็ถามไถ่ดูว่า หากท่านสังหารฮั่วเจ้ายวนด้วนตนเองแล้ว บุญบารมีที่ติดตัวท่านนี้จะถูกหักลบไปมากน้อยเท่าไร ภพชาติหน้าจะได้เกิดในตระกูลราชวงศ์อีกหรือไม่”
ซ่งอิงไม่สะทกสะท้านเช่นกัน “นอกจากนั้น ตามจริงเขาตายหรือไม่ตายก็ไม่สำคัญ เพราะยามที่เขามีชีวิตอยู่เป็นคน ตายไปแล้วก็เป็นเทพเซียน หากสนใจในบังลังก์ฮ่องเต้ท่านจริง ข้าคิดว่าด้วยความสามารถของราชวงศ์ต้าติ้งในปัจจุบัน เกรงว่าจะหยุดยั้งมิได้หรอกเพคะ”