ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 899 ช่างมันแล้วกัน / ตอนที่ 900 หัวเดียวกระเทียมลีบ
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 899 ช่างมันแล้วกัน / ตอนที่ 900 หัวเดียวกระเทียมลีบ
ตอนที่ 899 ช่างมันแล้วกัน
อันที่จริงซ่งอิงอยากจะปิดบังซ่งสวินเอาไว้ตลอดไป ไม่นานก่อนหน้านี้นางก็ยังมีความคิดนี้
แต่สองสามวันมานี้เห็นรูปแบบที่ซ่งสวินคบหาสมาคมกับปีศาจเหล่านี้ นางรู้สึกว่าบางทีตนอาจไม่ต้องปิดบังด้วยความยากลำบากเพียงนี้แล้ว
แน่นอนว่านางเพียงแค่บอกว่าตนเองรู้จักปีศาจ แต่ไม่ได้บอกว่าตนเป็นปีศาจรุ่นใหญ่
ในเวลานี้ ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง “ข้าเพียงแค่มีเหตุบังเอิญเล็กน้อย จึงค่อนข้างสนิทสนมกับปีศาจได้โดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงได้ดึงดูดพวกปีศาจเข้ามาหา เดิมทีข้าเองก็ตระหนกตกใจและหวาดกลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก แต่นานวันไปก็ชินแล้ว อีกทั้งปีศาจเหล่านี้ไม่เคยทำร้ายข้ามาก่อน ค่อยๆ ทำความรู้จักกันไปก็เกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาบ้างเช่นกัน”
“ท่านยังจำหนิวต้าลี่ได้หรือไม่ บัดนี้นางยังอยู่ช่วยงานไร่นาที่หมู่บ้านชนบท ท่านพี่ลองคิดดูสิเจ้าคะ ลำพังข้าหญิงสาวตัวน้อยๆ ที่ไร้เรี่ยวแรง จะไถ่พรวนทุ่งนาจำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างไรเล่า ทว่าหนิวต้าลี่เป็นปีศาจวัวตัวหนึ่ง ดังนั้นจึงเก่งกาจกว่ามาก ข้าจ่ายเงินให้นาง นางช่วยข้าทำงานได้ดีกว่าจ้างมนุษย์ทั่วไปเสียอีก” ซ่งอิงกล่าว
“…” ซ่งสวินนิ่งอึ้งไป
ดูเหมือนแบบนี้ก็ไม่เลว
นับแต่มีหนิวต้าลี่ ทุ่งนาเหล่านั้นของน้องสาวเขาก็มีคนไถพรวนให้ จึงไม่ต้องคอยกังวลใจแล้วเช่นกัน
“เพียงแต่เรื่องนี้สำหรับคนอื่นก็ฟังดูเขย่าขวัญเกินไป ปีศาจที่อยู่ในระดับธรรมดาๆ ยังค่อยดีหน่อย แต่อย่างสืออิ๋งนั่น…” ซ่งสวินนึกขึ้นมาได้ก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน “นางกินคน อีกทั้งรูปลักษณ์ก็แตกต่างกับปีศาจที่ธรรมดาอีกด้วย…”
“ท่านพี่ไม่ต้องกลัว สืออิ๋งเพียงแค่ถูกกักขังมานาน ดังนั้นไม่เคยพบเจอโลกภายนอก ไม่รู้ว่ากินคนไม่ได้ หลังจากนางทำเรื่องผิดพลาดในวันนั้นข้าก็สั่งสอนนางไปแล้ว นางก็รับปากข้าแล้วว่าหลังจากนี้จะเรียนรู้กฎระเบียบของมนุษย์ให้ดีๆ จะไม่กระทำการหยาบคายโดยเด็ดขาด” ซ่งอิงเผยสีหน้าท่าทีจริงจัง “ท่านกลับไปอย่างวางใจก็พอ หากสืออิ๋งมา ข้าจะอธิบายกับนางด้วยตนเอง”
“หากนางโมโห เจ้าจะถูกนาง…” ซ่งสวินขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“เป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ สืออิ๋งต่อให้ต้องฆ่าตัวนางเอง ก็ไม่มีทางทำร้ายข้าได้ อีกทั้งนางไม่ได้เลวร้ายขนาดที่ท่านจินตนาการจริงๆ เจ้าค่ะ หากนางเป็นพวกดุร้ายโหดเหี้ยมจริง ท่านยังจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้หรือ นางก็แค่ติดเล่น ชอบแกล้งท่านเท่านั้นเอง” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
ครั้นพูดเช่นนี้ ซ่งสวินจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อเขาได้ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ดูเหมือนเป็นเช่นนางว่าจริงๆ
อีกทั้งสืออิ๋งพูดหลายต่อหลายครั้งว่าต้องการให้เก็บเป็นความลับจากซ่งอิง ดูท่าน่าจะให้ความยำเกรงและเคารพซ่งอิงอยู่บ้าง
เพียงแต่เมื่อนึกถึงว่าน้องสาวตนเองเลี้ยงปีศาจ เขาก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างใหญ่หลวง
“ปีศาจควบคุมยาก หากเลี้ยงไว้มากหน่อย…เกิดถูกรวมตัวกันก่อกบฏ…” ซ่งสวินกล่าวเสียงเบาอย่างลังเล
“ทั่วหล้าไม่ได้มีปีศาจมากขนาดนั้นเจ้าค่ะ ก็แค่พวกที่อยู่หมู่บ้านสวนแห่งนี้ เว้นแต่สืออิ๋ง ตัวอื่นล้วนเป็นพวกปีศาจน้อยที่ไม่มีความสามารถอะไรมากมาย อีกทั้งในเมื่อข้ากล้าเลี้ยงก็ย่อมมีวิธีการควบคุมแน่นอน ท่านพี่วางใจได้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
ซ่งสวินพยักหน้า เขามองปฏิกิริยาโต้ตอบของซ่งอิงโดยสังเกตอย่างละเอียด เห็นว่าไม่เหมือนกำลังพูดจาเหลวไหลเรื่อยเปื่อย
ซ่งอิงกังวลใจว่าซ่งสวินไม่เชื่อ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงให้สืออิ๋งออกมา จากนั้นพูดกับซ่งสวินซึ่งๆ หน้า
มีซ่งอิงอยู่ด้วย สืออิ๋งดูซื่อตรงขึ้นมาก ถึงขั้นว่าดูเรียบร้อยว่าง่ายไม่ต่างอะไรกับกู้หมิงเป่า
“เอาละ เจ้ากลับไปอย่างวางใจเถอะ คำพูดเหล่านั้นที่ข้าเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้…ช่างมันแล้วกัน” สืออิ๋งสบถฮึ
หากไม่ใช่เพราะน้ำเสียงมีความแตกต่างอยู่บ้าง ซ่งสวินก็เกือบคิดว่านางคือกู้หมิงเป่าเสียด้วยซ้ำ
หลังจากสืออิ๋งรับปากยกใหญ่อยู่พักหนึ่ง ซ่งสวินจึงได้จากไปด้วยความวางใจ
“หัวหน้า พี่ชายท่านผู้นี้ขี้ขลาดจริง ข้าสั่งสอนเขาอีกสักสามสี่วันไม่ดีกว่าหรือ ท่านดูสิ ขนาดท่านยังไม่กล้าบอกกล่าวเขาเลยว่าตนเองก็เป็นปีศาจ น่าสงสารขนาดไหน!” สืออิ๋งกล่าวทันทีที่เขาเดินจากไปแล้ว
“เจ้าเห็นพี่ชายข้าเป็นคนโง่เขลาหรือ ข้าพูดถึงขั้นนี้แล้ว เขาคงพอคาดเดาในใจได้บ้างเช่นกัน เพียงแต่ข้าไม่พูดออกไปตามตรง เขาก็เลยเลือกที่จะคงไว้ซึ่งความสันติเพียงภายนอกแทนที่จะถามให้มากความก็เท่านั้นเอง” ซ่งอิงถอนหายใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าตนทำเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่
ตอนที่ 900 หัวเดียวกระเทียมลีบ
คนธรรมดาคนหนึ่ง จะมีความสามารถอย่างการเลี้ยงปีศาจได้อย่างไร
ซ่งสวินเล่าเรียนตำรามาหลายปีขนาดนี้ ไม่ถึงขั้นไม่มีความตระหนักรู้แม้แต่เรื่องแค่นี้หรอก
เดิมทีนางไม่อยากบอก แต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วน ชะตาชีวิตของซ่งสวินก็น่าจะถือได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับนางด้วยเช่นกัน หากภายภาคหน้ามีวันใดวันหนึ่งเทพเซียนบนสวรรค์ใช้ญาติพี่น้องที่อยู่ข้างกายนางมาบีบบังคับนาง ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไร
ดังนั้นนางอยากลองดูสักตั้ง
หากซ่งสวินรับได้ หลังจากนี้ค่อยนำสถานการณ์อธิบายกับเขาไปทีละน้อย หากรับไม่ได้แล้ว นับแต่นี้ไปก็ต่างคนต่างอยู่ น่าจะพอรักษาความสงบสันติของพวกเขาไว้ได้เช่นกัน
อีกทั้งก่อนหน้านี้นางคิดมาโดยตลอดว่าซ่งสวินเป็นเพียงคนที่มีอายุไม่เกินร้อยปีเท่านั้น รู้อะไรมากมายขนาดนี้จะมีประโยชน์อันใดต่อเขาเล่า
แต่หลายวันมานี้ นางรู้สึกอีกว่าความคิดของตนเองแคบเกินไป
ซ่งสวินมีพรสวรรค์ฉลาดเฉลียว หาก…มีหนทางสว่างให้อีกเส้นทางเล่า
ถึงแม้ภพชาตินี้กลายเป็นเทพเซียนไม่ได้ เช่นนั้นอีกหลายๆ ภพชาติ จะมีความเป็นไปได้เช่นกันใช่หรือไม่
แม้ว่าปัจจุบันนางไม่ชอบเทพเซียนอย่างยิ่ง แต่เทพเซียนชะตาชีวิตยาวนาน ตราบใดที่ซ่งสวินมีชีวิตอยู่ เขาทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เทพเซียนหรือว่าปีศาจ สำหรับนางขึ้นอยู่กับจิตใจ หากจิตใจแตกต่าง เช่นนั้นก็ถือเป็นต่างจำพวกทั้งสิ้น
ซ่งอิงพรูลมหายใจระบายความอึดอัด
“หัวหน้า ข้าว่าวิญญาณปีศาจของลั่วเจินใกล้จะได้สติแล้ว นอกจากนั้น…ราชันปีศาจอย่างพวกข้าเดิมทีไม่ได้ตกลงมาจากฟากฟ้าง่ายดายขนาดนั้น ในเมื่อข้ามีชีวิตอยู่รอดได้ บางทีตนอื่นๆ ก็อาจมีชีวิตรอดได้เช่นกัน…” สืออิ๋งเอ่ยปาก
“เจ้าหมายความว่าต้องการให้ข้าตามหาพวกเขาหรือ” ซ่งอิงรู้สึกว่าหากพวกเขามีชีวิตรอด นางย่อมต้องตามหาอยู่แล้ว
“เกรงว่าจะไม่ง่าย ข้าสงสัยว่าราชันปีศาจตนอื่นอยู่ในโลกเทพ ตอนนั้นท่านถูกคนลอบเล่นงานจึงตกลงมาจากฟ้าก่อน ข้าตายช้า ก่อนตายได้เห็นสามสี่ตนในหมู่พวกเขาถูกทำร้ายกลายเป็นร่างเดิม จากนั้นอาศัยพลังความสามารถของโลกเทพขจัดความทรงจำของพวกเขา จะเอาพวกเขามาใช้งานเป็นพาหนะขี่ก็ทำได้เช่นกัน หากขจัดไม่ได้ เกรงว่าจะถูกกักขังเอาไว้ในที่ใดสักแห่งบนโลกเทพ ซึ่งก็เพื่อแสดงถึงเกียรติศักดิ์ของพวกเขาชาวโลกเทพเซียน” สืออิ๋งกล่าวอีกครั้ง
ซ่งอิงพยักหน้า
“เรื่องนี้ท่านไปลองถามเซียนสองตนนั้นดูจะดีกว่า ร่างเดิมข้านี้ค่อนข้างน่าเกลียด ดังนั้นพวกเขาตั้งรับป้องกันข้าค่อนข้างหนักเอาการ” นางจึงไม่สะดวกเอ่ยปากถาม
แต่เทพเซียนเหล่านั้นปฏิบัติกับซ่งอิงแตกต่างออกไป พวกเขาคล้ายรู้สึกว่าจักรพรรดิปีศาจของนางยังพอเยียวยาได้ จึงอยากจงใจชี้แนะ
“หากบรรดาปีศาจเหล่านี้ล้วนอยู่โลกเทพ ข้าควรทำอย่างไร” ซ่งอิงเอ่ยถาม
ความทรงจำเหล่านั้นของนางที่ถูกทำให้ลืมเลือนไปน่าจะอยู่ในแสงกลมๆ ที่เป็นสีเทาซึ่งติดมากับตัว เพียงแต่พลังปีศาจนั้นแข็งแกร่งเกินไป จึงไม่อาจดูดซับได้ในเวลาอันสั้น นางจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป
“แน่นอนว่าต้องขึ้นไปบนโลกเทพแล้วพาพวกเขากลับมา” สืออิ๋งกล่าวราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย “คนอื่นไม่มีความสามารถในการปลุกพวกเขา แต่ท่านมี”
“ความสามารถในปัจจุบันของข้า เกรงว่าจะไม่มีปัญญาขึ้นไปโลกเทพน่ะสิ” ซ่งอิงหัวเราะ
“ไม่ต้องรีบร้อน บัดนี้ท่านบำเพ็ญเพียรวิถีของโลกเทพอยู่มิใช่หรือ ความจริงด้วยความสามารถของท่าน อยากจะปรับเปลี่ยนพลังปีศาจกลายเป็นพลังเทพก็มิใช่เรื่องยากเย็นเช่นกัน รอยามที่พลังเทพมากมายมหาศาล โลกมนุษย์รั้งท่านไว้ไม่อยู่ ท่านอยากจะเหาะไปสู่โลกเทพย่อมทำได้แน่” สืออิ๋งหัวเราะอย่างอวดดี
โชคดีที่ซ่งอิงเป็นร่างมนุษย์ มิเช่นนั้นคงฝึกฝนพลังเทพได้ไม่ง่ายจริงๆ!
“เจ้าหมายความว่าตอนนี้ข้ามีทั้งพลังปีศาจและพลังเทพหรือ” ซ่งอิงตกตะลึงระคนประหลาดใจ
“ท่านยังไม่รู้อีกหรือ” สืออิ๋งหมดคำจะพูด “เอาเถอะ ล้วนเป็นความผิดของข้าที่ไม่ได้บอกท่านล่วงหน้าให้ชัดเจน ลืมไปว่าตอนนี้ท่านไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแล้ว ที่จริงพลังเทพนี้ก็พอๆ กับพลังปีศาจอย่างเราๆ ตัวท่านเองเพียงแค่ต้องรวบรวมสมาธิอำพรางมันก็เป็นอันใช้ได้ มิใช่ปัญหาใหญ่โต เพียงแต่ภายภาคหน้าหากไปโลกเทพจริง ท่านตัวคนเดียวออกจะหัวเดียวกระเทียมลีบไปหน่อย ทางที่ดีหาคนช่วยท่านสักคน”
“ฮั่วเจ้ายวนหรือ” ซ่งอิงเลิกคิ้ว
“ใช่แล้ว เทพชางเวยเมื่อก่อนก็เลื่อมใสในตัวท่าน ตอนแรกเขายังได้รับดาบแห่งความเมตตาของท่านด้วย บัดนี้ก็ควรให้เขาได้ตอบแทนท่านให้เต็มที่สักครั้ง”