ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 891 บุญคุณยิ่งใหญ่ดุจขุนเขา / ตอนที่ 892 บทกวี
ตอนที่ 891 บุญคุณยิ่งใหญ่ดุจขุนเขา
ตอนนี้สืออิ๋งไม่เข้าใจความนึกคิดของมนุษย์ผู้นี้แล้วจริงๆ นางแสดงท่าทีตรงไปตรงมาและเอาใจอย่างดีเช่นนี้ ไฉนยังมองไม่ออกอีกเล่า!
ซ่งสวินตระหนกตกใจเสียงของสืออิ๋ง เขาถึงกับหน้าถอดสีเล็กน้อย
ด้วยความอยู่ในสภาวะจำนน ซ่งสวินจึงเอ่ยปากกล่าว “ข้า ข้าเพียงแค่ดูจนมึนงงไปชั่วครู่”
เขาไม่ได้ยั่วยุปีศาจตนนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งไม่ใช่ว่ามีชีวิตจนเบื่อหน่ายแล้ว ฉะนั้นจะทำเรื่องที่ไม่รู้ประสีประสาเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า!
สีหน้าอารมณ์ซ่งสวินเหมือนอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ส่วนสืออิ๋งมองเห็นความสัตย์จริงจากอารมณ์ที่เขาเผยออกมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าคงปลอบใจเจ้าให้มีความสุขได้แล้วใช่หรือไม่” สืออิ๋งเอ่ยถาม
“…” ซ่งสวินเบิกตาโตชั่ววูบ
“พี่ซ่ง ข้ามีชีวิตมาตั้งหลายปีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ปลอบใจบุรุษเยี่ยงนี้ ท่านนี่ชะตาชีวิตดีเหลือเกิน” สืออิ๋งถอนหายใจ
ซ่งสวินไม่รู้สึกเป็นเกียรติแก่ตนเองเลยสักนิด แต่โชคร้ายถึงที่สุดต่างหาก บุรุษทั่วหล้านี้มีนับพันนับหมื่น ไฉนกลายเป็นเขาที่มาเจอปีศาจเล่า
ซ่งสวินเผยสีหน้าราวกับกินแมลงวันตายเข้าไป ในตอนนี้ดูน่าสงสารเหลือทน
“ตอนนี้เจ้ายังกลัวปีศาจอยู่อีกหรือ” สืออิ๋งทำสีหน้าโอหัง ดูมั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม “ปีศาจอย่างพวกข้ากับมนุษย์อย่างพวกเจ้าก็ไม่มีอะไรต่างกันหรอก ไม่เชื่อเจ้าลูบดูสิ หัวใจดวงนี้ก็เต้นได้ด้วย”
เพียงแต่ หัวใจของคนเป็นสิ่งที่ทำจากเลือดเนื้อ แต่หัวใจของปีศาจก็ไม่แน่
ซ่งสวินเม้มปาก อ้ำอึ้ง
เขาไม่กล้าพูดมาก เกิดพูดผิดไปประโยคเดียว ชีวิตน้อยๆ นี้เป็นอันจบสิ้นกันพอดี
“เจ้าเป็นคนคาดเดายากจนน่ากลุ้มผู้หนึ่งจริงๆ ข้าพูดกับเจ้าอยู่แท้ๆ เจ้ากลับไม่รู้จักตอบ บัดนี้เพราะข้าอารมณ์ดีจึงคร้านจะถือโทษเอาความเจ้า หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน มนุษย์ที่ไม่รู้จักกาลเทศะอย่างเจ้าเช่นนี้คงถูกจับมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้ไปนานแล้ว” สืออิ๋งทอดถอนใจ
ไฉนหัวหน้าจึงกลายเป็นพี่น้องกับคนผู้นี้ได้
เพียงแต่ว่า ตั้งแต่โบราณเรื่อยมา เรื่องของวาสนาทางสายเลือดล้วนมีสวรรค์เป็นผู้กำหนด ถึงแม้ครอบครัวนี้ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดหัวหน้าโดยแท้จริง แต่มาอยู่ร่วมกันได้ เช่นนั้นก็เพราะมีวาสนาต่อกัน
สืออิ๋งจ้องมองใบหน้าของซ่งสวิน
ตอนนี้อานุภาพพลังนางไม่ได้เรื่อง แต่ไม่เหมือนหัวหน้าที่สูญเสียความทรงจำเช่นนั้น นางจึงยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง
ชั่วพริบตาเดียวก็มองออกว่าซ่งสวินผู้นี้ชะตากรรมอาภัพไม่ราบรื่น ทว่าคนที่มีชะตาชีวิตประเภทนี้ก็มีอยู่กลาดเกลื่อนทั่วหล้า ที่หลุดพ้นก้าวไปข้างหน้าได้มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้น บัดนี้มองดู ซ่งสวินผู้นี้ก็น่าจะเป็นคนหนึ่งที่โดดเด่นมีหน้ามีตาขึ้นมาได้
“น้องสาวเจ้ามีบุญคุณต่อเจ้ายิ่งใหญ่ดุจขุนเขาจริงๆ” สืออิ๋งพลันพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ซ่งสวินตะลึงงัน จากนั้นเหงื่อเย็นเฉียบก็ผุดขึ้นบนแผ่นหลัง “ท่าน ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ น้องสาวข้านิสัยบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เคยพบเห็นอะไรแปลกใหม่มากนัก นางคงทนไม่ไหวกับสิ่งที่ชวนตกใจกลัวจริงๆ…”
สืออิ๋งเห็นเขาเอ่ยถ้อยคำนี้คล้ายกับมีความตั้งใจปกป้อง จึงเผยร้อยยิ้มขึ้นมาทันที “ทำไม เจ้ากลัวว่าข้าจะ…จับซ่งอิงกินหรือ”
ซ่งสวินเผยสีหน้าวิตกกังวล “ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่คือปีศาจที่มีความเมตตา ต้องไม่ทำเช่นนั้นแน่…น้องสาวข้า น้องสาวข้าแม้ว่าเป็นคนละโมบในทรัพย์สินเงินทองไปหน่อย แต่กระทำกิจการอย่างซื่อตรงและนิสัยใจคอก็ดีมากเช่นกัน นางไม่เคยทำเรื่องชั่วช้ามาก่อน แตกต่างกับพวกโจรในวันนั้น ขอท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ละเว้นนางด้วย…”
“ข้าเป็นปีศาจที่มีความเมตตาหรือ” สืออิ๋งเอยถาม
นางดำรงชีวิตมาจนเติบใหญ่ขนาดนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ได้ยินการประเมินในลักษณะนี้!
ช่วงหลายปีก่อน ทั้งสวรรค์และบนโลก ใครบ้างไม่รู้ว่านาง สืออิ๋ง เป็นผู้ที่ดุร้ายที่สุดแล้ว ในหมู่สิบราชันปีศาจ นางชื่อเสียงดุร้ายไม่เป็นสองรองใคร!
เพียงแต่ว่า เหตุใดได้ยินการพูดประเภทนี้กลับชวนให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย
“ข้าไม่กินน้องสาวเจ้าก็ได้” สืออิ๋งจงใจทำสีหน้าท่าทางลับๆ ล่อๆ “ทว่า เบื้องต้นต้องขอดูก่อนว่าเจ้าทำตัวอย่างไร”
“หากท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่หิว ข้า แม้ว่าข้าผอมแห้งเหมือนไม้ฟืนไปหน่อย แต่ก็พอกินได้เช่นกัน…” ซ่งสวินคุกเข่าลงทันที
สืออิ๋งขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ใครจะกินเจ้า ข้าหมายถึงหลังจากนี้หากเจ้าเชื่อฟังข้า ข้าก็จะไม่กินนาง ไม่เพียงไม่กินนาง แต่ข้าจะไม่กินคนอื่นๆ ด้วย เป็นเช่นไร”
ตอนที่ 892 บทกวี
ซ่งสวินตะลึงงัน เขาไม่เข้าใจ
“ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่…อยากให้ข้าทำอันใดหรือ” ซ่งสวินตัวสั่นงันงก เงื่อนไขง่ายดายที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ สิ่งที่ต้องการคงไม่ธรรมดาแน่นอนกระมัง
ในสมองซ่งสวินครุ่นคิดวุ่นวายไปหมด ถึงขั้นคิดอยู่ว่า หรือปีศาจตนนี้ถูกตาต้องใจในความสามารถของเขา อยากให้เขาล้วงลึกเรื่องราวในราชสำนัก คิดจะแย่งชิงบัลลังก์ไปจากราชวงศ์ฮ่องเต้
แต่ปัจจุบันเขาเป็นเพียงชายหนุ่มตัวเล็กๆ ผู้ต่ำต้อย ไม่มีความสามารถนั้นด้วยซ้ำนี่
“วางใจได้ ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าคนอย่างเจ้าผู้นี้น่าสนใจมาก ดังนั้นไม่ให้เจ้าทำเรื่องยากเกินไปหรอก” สืออิ๋งยิ้มเล็กน้อย “เรื่องที่ข้าต้องการให้เจ้าทำง่ายดายมาก วาดภาพให้ปีศาจเหล่านั้นของครอบครัวเจ้า พวกมันต้องการให้วาดอย่างไร เจ้าก็วาดให้พวกมันเช่นนั้น ไม่เพียงเท่านี้…เจ้าต้องกินนอนอยู่ร่วมกับปีศาจต่อเนื่องหนึ่งเดือน เจ้ากล้าหรือไม่”
“…” ซ่งสวินรู้สึกเพียงตรงหน้าจะมืดมิดอีกครั้ง
กินนอนอยู่ร่วมกับปีศาจหรือ
เขาไม่กล้าจริงๆ
แต่…
“ขอเพียงข้าทำได้ ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็จะไม่ทำร้ายคนครอบครัวข้าใช่หรือไม่” ซ่งสวินเอ่ยถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าเป็นถึงปีศาจรุ่นใหญ่ ไม่เหมือนกับเหล่าปีศาจน้อยเหล่านั้นของครอบครัวเจ้าเลยสักนิด ข้าพูดคำไหนคำนั้น ไม่หลอกลวงผู้อื่นอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ ห้ามเจ้าทำร้ายปีศาจเหล่านั้น หากดีต่อพวกเขาอย่างแท้จริง หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป ข้าจะถามพวกมันดู หากพวกมันบอกว่าเจ้าดี เช่นนั้นเจ้าก็ถือว่าผ่านด่านนี้ แต่หากพวกมันบอกว่าเจ้าไม่ดี…จุ๊ๆ…” สืออิ๋งยิ้มอย่างมาดร้าย
ซ่งสวินกระชับกำปั้น ท้ายที่สุดก็พยักหน้าอย่างแรง
แม้ว่ายากมาก แต่…ถึงอย่างไรก็ดีกว่าคนในครอบครัวถูกปีศาจกินเกลี้ยง
“แต่หากปีศาจเหล่านี้ทำร้ายข้าเล่า” ซ่งสวินปลุกระดมความกล้าเอ่ยถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“เจ้าวางใจได้ พวกมันไม่ทำหรอก” สืออิ๋งเผยสีหน้ามั่นใจ “หลังจากกลับไป หากมีคนถามเจ้าว่ากู้หมิงเป่าพูดอะไรกับเจ้า เจ้าคงรู้นะว่าต้องตอบอย่างไร”
“แน่นอน…จะบอกว่าคุยถึง…บทกวี” ซ่งสวินขบคิดได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่เลว” สืออิ๋งพึงพอใจมาก “หลังจากนี้ข้ามีโอกาสก็ยังจะออกมาอีก เจ้าต้องระมัดระวังไว้หน่อย หากให้ข้าเห็นว่าเจ้าเผยท่าทีไม่เอาไหนเช่นเมื่อครู่นั้นอีก เช่นนั้นเจ้าก็คือคนไม่เอาไหน พวกไม่เอาไหนอยู่บนโลกนี้ก็เปลืองข้าวสารเปล่าๆ ข้าจะให้เจ้ากลับชาติไปเกิดใหม่ไวกว่ากำหนดเสียเลย!”
“…” ซ่งสวินพยักหน้าด้วยความหดหู่ใจ
“ดีมาก ชมทิวทัศน์เถอะ!” สืออิ๋งยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเป็นคนเล่าเรียนหนังสือ ถนัดแต่งบทกวีเป็นที่สุด ไม่สู้รังสรรค์กวีขึ้นมาให้ข้าฟังสักบทจะดีกว่า”
“…”
ซ่งสวินไม่รู้เช่นกันว่าตนเองทนมาได้อย่างไร เอาเป็นว่าตั้งแต่ต้นจนท้ายสุด เขาระมัดระวังตัวอยู่ตลอด ไม่กล้าเลินเล่อเลยแม้แต่น้อย
และสภาพเขาเช่นนี้ จะเขียนกวีดีๆ ออกมาได้ที่ไหนเล่า แต่ยังดีที่แม้ปีศาจตนนี้พอมีความรู้ แต่ก็เป็นปีศาจที่หยาบคายไร้วัฒนธรรม ไม่ว่าบทกวีอะไรล้วนพยักหน้ากล่าวชมว่ายอดเยี่ยมทั้งนั้น
ตอนแรกที่สอบหน้าพระที่นั่ง เขายังไม่ประหม่าเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ
“ข้าต้องไปแล้ว หลังจากนี้หากเห็นข้า ห้ามเรียกข้าว่าท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเกลียดเทพเซียนเป็นที่สุด เรียกข้าว่าสืออิ๋ง ชื่อที่ไพเราะขนาดนี้ก็ต้องให้พวกเจ้าเรียกขานมากๆ หน่อย เรื่องแค่นี้ยังคิดไม่ได้ เสียแรงที่เจ้าเป็นคนเล่าเรียนหนังสือผู้หนึ่งจริงเชียว!” สืออิ๋งพูดจบก็กลอกตามองบนใส่ซ่งสวิน ถัดจากนั้นแสงก้อนกลมๆ ก็ทะยานออกจากตัวของกู้หมิงเป่าไป
ต่อจากนั้นกู้หมิงเป่าก็เป็นหมดสติล้มลงพื้น
ซ่งสวินสีหน้าแข็งทื่อ
นี่ นี่จะอธิบายอย่างไร
กู้หมิงเป่าฟื้นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ หลังจากมองเห็นซ่งสวิน นางตะลึงงันเล็กน้อย จากนั้น…
“เมื่อครู่เหมือนข้าเชิญพี่ใหญ่ซ่งมาเด็ดดอกไม้ ใช่หรือไม่เจ้าคะ” กู้หมิงเป่าเอ่ยถาม
ซ่งสวินพยักหน้าทันที
กู้หมิงเป่าปีนป่ายขึ้นมาจากพื้น จากนั้นยิ้มเล็กน้อย “ดอกไม้อยู่ตรงนั้น พี่ใหญ่ซ่ง ท่านช่วยไปเด็ดให้ข้าทีสิ ขอบคุณท่านมาก”
แม้ว่านางประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่ในจิตใต้สำนึกของนางมั่นใจมากว่าเป็นนางที่ต้องการเชิญชวนซ่งสวินมาให้จงได้