ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 827 เวรกรรม / ตอนที่ 828 ผู้เป็นที่รักใคร่หลงใหล
ตอนที่ 827 เวรกรรม
เซียนทั้งสองตนใจเต้นระรัวขึ้นมาทันที พวกเขาเอาราชันปีศาจทั้งสิบตนออกมาเปรียบเทียบกับซ่งอิง แต่ก็พบว่าไม่มีตนใดสอดคล้องเลยสักตน
ส่วนซ่งอิงในขณะนี้รู้สึกตื่นเต้นมาก อยากไปเจอกู้หมิงเป่าให้รู้แล้วรู้รอดในทันที
เซียนพวกนั้นบอกไว้ว่ากู้หมิงเป่าเป็นราชันปีศาจ
เพียงแต่ว่าเซียนพวกนี้ไม่ได้พูดผิดไปจริงๆ หรือ กู้หมิงเป่า หญิงสาวอ่อนโยนคนหนึ่ง ไฉนจึงเป็นราชันปีศาจที่มีสิบหัวไปได้เล่า ซ่งอิงรู้สึกประหลาดมาก
กระทั่งถึงวันงานเลี้ยงหยวนถิงในวันนี้ ซ่งอิงรีบร้อนนัดหมายกู้หมิงเป่าเป็นอันดับแรกเพื่อร่วมทางไปพร้อมกัน
กู้หมิงเป่าตระหนกตกใจเมื่อได้ยินว่านางต้องการร่วมทางไปด้วย “พี่ซ่งก็ต้องเข้าวังเช่นกันหรือ ทำไมล่ะเจ้าคะ”
“เอ่อ ก็ฮองเฮาเชิญนี่นะ ข้าเองก็ว่างๆ อยู่บ้านรู้สึกเบื่อหน่ายมาก ก็เลยอยากออกไปชมดูหน่อย นี่ข้าไม่เคยไปวังหลวงมาก่อนเลยด้วย ถึงอย่างไรก็ต้องขอไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยสิ” ซ่งอิงยิ้มอย่างอึดอัดเล็กน้อย
นางเป็นคนที่ครอบครองสามีในชะตากู้หมิงเป่าที่กำหนดไว้นี่นา!
แต่ทว่ายามเห็นกู้หมิงป่าที่ไร้เดียงสาและน่ารักผู้นี้ ซ่งอิงยากจะจินตนาได้ว่านางมีความเกี่ยวข้องกับงูสิบหัว
กู้หมิงเป่าตะลึงงัน “พี่ซ่งมิใช่ไม่มีสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับจวนเหยียนผิงโหวแล้วหรอกหรือ”
ต่อให้พี่ซ่งของนางผู้นี้จะยังเป็นบุตรีของเหยียนผิงโหว โดยปกติฮองเฮาก็ไม่มีทางเชื้อเชิญด้วยตนเองกระมัง
ซ่งอิงถอนหายใจแล้วเอ่ยพูดอย่างจริงจัง “ทั้งหมดนี้น่ะ…ล้วนเป็นเหตุจากเวรกรรมหนึ่ง…”
“…” กู้หมิงเป่าตะลึงงัน
“ข้าคือซ่งอิง ซึ่งก็คือ…ภรรยาที่อยู่ทางด้านบ้านเกิดฮั่วเจ้ายวน” ซ่งอิงลูบศีรษะ รู้สึกละอายใจเล็กน้อย
กู้หมิงเป่าได้ยินดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นไปตามที่คาดคิดไว้ นางเบิกตาโตด้วยความตระหนกตกใจ “พี่ซ่ง! จริงหรือ!”
“อืม แต่ทว่า ความจริงข้ากับเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้น…”
ยังไม่ทันพูดจบ กู้หมิงเป่าก็ดึงมือของซ่งอิงไปจับไว้ “พี่ซ่ง มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้ท่านมักจะพูดถึงท่านอ๋องฮั่วในแง่ดี ที่แท้เป็นการเข้าข้างเขานี่เอง แต่ไฉนท่านเพิ่งบอกข้าตอนนี้เล่า! ท่านไม่รู้อะไร ระยะนี้ข้าพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ซึ่งมักจะมีคนพูดต่อหน้าข้าว่าท่านโง่เขลา กล่าวว่าเป็นบุตรสาวในจวนผู้ส่งศักดิ์ดีๆ ไม่ชอบ แต่กลับตั้งตนเป็นอริกับท่านโหวซ่ง แล้วยังกล่าวว่าท่านอกตัญญูอีกด้วย ทำให้ข้าโมโหจนอยากจะตอกหน้าคนเหล่านั้นเสียเหลือเกิน! จริงสิ นอกจากนี้ยังมีคนกล่าวว่าพระชายาเอกของท่านอ๋องฮั่วหน้าตาอัปลักษณ์อีกด้วย!”
“หากพวกนางรู้ว่าท่านก็คือพระชายาอ๋องฮั่ว ฮ่าๆ เช่นนั้นคงได้คางตกลงมาถึงพื้นแน่!” กู้หมิงเป่ากล่าวด้วยความตื่นเต้น
ซ่งอิงค่อนข้างคาดโทษอยู่ในใจ
“ข้าขอถามเจ้าหน่อยสิ หากสามีในชะตาชีวิตเจ้าถูกคนอื่นแย่งไป ทว่าเจ้าไม่รู้ เจ้าจะทำอย่างไร” ซ่งอิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอ่ยถาม
กู้หมิงเป่ามองซ่งอิงแปลกๆ “ในเมื่อเป็นสิ่งที่ชะตากำหนดไว้แล้วยังจะถูกแย่งได้อีกหรือ หากแย่งได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าชะตาที่ว่านั้นยังไม่แข็งแกร่งพอเจ้าค่ะ”
พูดจบ กู้หมิงเป่าก็พบว่าที่ตนพูดออกไปดูเหมือนจะตรงเกินไปหน่อย จากนั้นจึงกล่าวอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน “เรื่องการแต่งงาน ขึ้นอยู่กับคำสั่งของบิดามารดาและวาจาของแม่สื่อ จึงสมควรเชื่อฟังคำพูดของผู้อาวุโส หาใช่เพราะสวรรค์ไม่…จริงหรือไม่เจ้าคะ”
“ดูเหมือนค่อนข้างมีเหตุผลทีเดียว” ซ่งอิงพยักหน้า “เช่นนั้นหากสามีในชะตาชีวิตเจ้าลงมาเกิดเพื่อจับตัวผู้ต้องหาอย่างเจ้าที่เป็นปีศาจล่ะ”
“พี่ซ่ง ท่านอ่านตำรานิทานปรัมปราประหลาดอะไรมาแล้วหรือ เรื่องนี้ออกจะพิสดารเกินไปแล้วกระมัง” กู้หมิงเป่าปิดปากหัวเราะ “เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่ถูกคนเขาแย่งไป ข้ายังไม่ได้ตอบแทบพระคุณท่านปู่เลย เกิดจับข้าไปรับโทษ ท่านปู่และพี่ชายข้าจะทำอย่างไรล่ะ”
“หญิงงามผู้กตัญญู” ซ่งอิงตบๆ บ่าของนางอย่างเบามือ
“พี่ซ่ง ท่านกับใต้เท้าฮั่วมีลูกแล้วกระมัง”
“เด็กคนนั้น…” ในนามก็ถือว่าเป็นลูกของฮั่วเจ้ายวน ดังนั้นซ่งอิงพยักหน้า “แม้ไม่ใช่ลูกที่ให้กำเนิดเอง แต่ภายภาคหน้าก็ยังมีสิทธิ์สืบทอดวงศ์ตระกูลให้เขาได้”
“เหตุใดไม่พาลูกมาด้วยล่ะเจ้าคะ” กู้หมิงเป่าถามด้วยความประหลาดใจ
“เขาต้องเรียนหนังสือ อีกทั้งเขาก็ไม่ชอบอยู่ห่างบ้านเกิดไป ทางด้านเมืองยงนั้นมีสหายของเขามากมาย มาเมืองหลวงจะเป็นการน่าเบื่อหน่ายเกินไปสำหรับเขา” ซ่งอิงเอ่ยอย่างสบายๆ
ตอนที่ 828 ผู้เป็นที่รักใคร่หลงใหล
ถึงแม้บัดนี้ข้างกายนางมีภูตและปีศาจในร่างคนเพิ่มขึ้นมาจำนวนมากแล้ว แต่สำหรับนาง ภูตโสมยังคงเป็นผู้ที่แตกต่างจากเหล่าปีศาจตนอื่นๆ
นึกถึงตอนแรก นางเห็นเขาเป็นครั้งแรกก็ถูก ‘ดึงดูดอย่างลึกซึ้ง’
โสมขนาดใหญ่ที่อ้วนจ้ำม่ำ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นมูลค่าไม่น้อย…
โดยสรุป นั่นคือบุตรชายที่ว่านอนสอนง่ายของนาง แน่นอนว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้วมีความสุขก็ให้อยู่ที่นั่น ต้องคอยติดตามนางเดินทางไปเรื่อยจะเป็นการลำบากเด็กน้อยอย่างเขาเกินไป
“พี่ซ่ง ใต้เท้าฮั่วดีกับท่านหรือไม่ พวกท่านสองคนแยกกันอยู่มาโดยตลอดเลยหรือ” กู้หมิงเป่าเอ่ยถามอีกครั้งอย่างไม่อาย
“เจ้า…กล้าเอ่ยถามอะไรแบบนี้ด้วยหรือ” ซ่งอิงรู้สึกเหนือความคาดหมาย
กู้หมิงเป่าใบหน้าแดงก่ำ “มิใช่ เพราะว่าก่อนหน้านี้เจอแม่นางสามสี่คน พวกนางล้วนพูดกันว่าภรรยาของท่านอ๋องฮั่วชวนให้ขายหน้าเกินกว่าจะพามาพบปะผู้คนได้ และกล่าวว่าท่านต้องทั้งแก่ทั้งอัปลักษณ์แน่ ดังนั้นท่านอ๋องฮั่วจึงไม่เคยพาท่านออกมาเจอะเจอแขกเรื่อ ถึงขนาดมีคนเอ่ยว่า…ในจวนท่านอ๋องฮั่วไม่มีนายหญิงด้วยซ้ำ ดังนั้นท่านจะต้องเป็นคู่ครองที่อยู่ในชนบทซึ่งสู่ขอกันไว้ตั้งแต่เขาเยาว์วัยเป็นแน่…พี่ซ่ง เมื่อท่านไปในงานเลี้ยง ต้องมีคนจำนวนไม่น้อยพยายามสร้างความลำบากให้อีกเป็นแน่! พวกนางนี่ช่างน่าโมโหจริงๆ!”
“ทำไมล่ะ ท่านอ๋องฮั่วได้รับความนิยมไม่น้อยเชียวหรือ” ซ่งอิงได้ยินคำพูดดังกล่าวนี้ ก็คิดว่าดูเหมือนฮั่วเจ้ายวนจะเป็นคนหนึ่งที่เนื้อหอมไม่เบา
“ข้ามาเมืองหลวงได้ไม่นาน จึงไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์พวกนี้เป็นพิเศษ รู้เพียงว่ามีองค์หญิงผู้หนึ่งรอคอยท่านอ๋องฮั่วมาหลายปีแล้ว ทว่าองค์หญิงผู้นั้นก็เป็นเพียงแค่ผู้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์องค์หญิงเท่านั้น ในความเป็นจริงนางคือบุตรสาวของแม่ทัพที่ประจำการอยู่ถิ่นห่างไกล เพียงแต่น่าเสียดายที่บิดามารดานาง ตลอดจนปู่ย่าล้วนเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นนางจึงถูกรับเข้ามาอบรมเลี้ยงดูในวังหลวง”
“หากนางชอบ ก็พระราชทานงานแต่งให้ก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่หรือ” ซ่งอิงไม่เข้าใจ
“ดูเหมือนหลายปีก่อนมีการเร่งเร้าที่ว่านี้ แต่ตอนนั้นญาติพี่น้องในตระกูลท่านอ๋องฮั่วเสียชีวิต ยังไม่ครบวาระการไว้ทุกข์ ต่อมาฮ่องเต้ก็จะยกนางให้แต่งกับเขา เพียงแต่ราชบุตรเขยฮ่องเต้กลับเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน นางจึงไม่ได้แต่งงานเสียที” กู้หมิงเป่ากล่าว
ซ่งอิงพยักหน้า
ดังนั้นนางจึงกลายเป็นตะปูในตาของคนผู้นั้นแล้วหรือ
ในเมื่อเป็นองค์หญิง ทั้งยังเป็นผู้ซื่อสัตย์สุจริตอย่างแรงกล้า จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนยกย่องและให้ความเคารพ
ครั้นนึกถึงว่าระยะนี้นางช่วยแบกชื่อเสียงเสียหายอย่างการเป็นหินขวางทางให้ฮั่วเจ้ายวน ซ่งอิงก็รู้สึกว่านางสมควรไปหาฮั่วเจ้ายวนเพื่อขอเงินค่าแรงของการเป็นโล่กำบังให้กับเขา
“ก็แค่องค์หญิงคนเดียว ไม่มีคนอื่นแล้วกระมัง” ซ่งอิงขึ้นเกี้ยวเดียวกับกู้หมิงเป่า จากนั้นพูดคุยกันระหว่างเดินทาง
“มีเจ้าค่ะ” กู้หมิงเป่าเผยสีหน้าจริงจัง “ดูเหมือนหลานสาวคนหนึ่งของท่านอ๋องหยวนก็ชอบเขาเช่นกัน แม้ว่าเป็นหญิงที่เกิดจากอนุภรรยา แต่ท่านอ๋องหยวนมีบุตรชายเยอะขนาดนั้น ทว่ามีหลานสาวคนนี้เพียงผู้เดียว จึงเอ็นดูนางอย่างยิ่งเชียว เพียงแต่นางอายุพอประมาณกับข้า มิเช่นนั้นท่านอ๋องหยวนคงช่วยเอ่ยปากแทนหลานสาวไปนานแล้ว”
ระยะนี้ นางรู้จักคนมากมายเกินไปแล้ว หลายคนล้วนพูดเรื่องของท่านอ๋องฮั่ว ดังนั้นจึงได้ยินอะไรต่อมิอะไรมาไม่น้อย
ซ่งอิงถอนหายใจ
หากเป็นเช่นที่กู้หมิงเป่าว่า ก็สมควรที่ฮั่วเจ้ายวนจะดึงนางออกมาเป็นดาบขวางหน้า
พวกเขาเคลื่อนเข้ามาในวังหลวงอย่างเนิบช้า หลังจากเข้ามาในวังหลวง ซ่งอิงเลิกม่านมองก็เห็นความงดงามตระการตาโดยแท้จริงของกำแพงวังโดยรอบ
หลังจากเกี้ยวหย่อนลงพื้น ขันทีระดับสูงก็นำทางพวกนางไปพบฮองเฮาเป็นอันดับแรก
ฮองเฮาผู้นี้คาดว่ามีพระชนมพรรษาประมาณสี่สิบพรรษา อาภรณ์บนร่างปกคลุมไปด้วยเพชรนิลจินดา ดูสง่าผ่าเผยใจกว้างอย่างยิ่ง สมกับเป็นสตรีที่กล่าวได้ว่าเป็นมารดาของทั่วหล้า หลังจากฮองเฮาเห็นซ่งอิงก็ค่อนข้างตกตะลึงปนประหลาดใจเช่นกัน
“ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเจ้าเติบใหญ่อยู่ในชนบท ไม่คิดเลยว่าบุคลิกติดตัวจะไม่ด้อยกว่าไปสาวน้อยจอมดื้อรั้นข้างๆ ผู้นี้” ฮองเฮาถอนหายใจ
สาวน้อยจอมดื้อรั้นที่นางกล่าวถึง แน่นอนว่าหมายถึงกู้หมิงเป่า
“ขอบพระทัยสำหรับคำชมเชยเพคะฮองเฮาเหนียงเหนียง หมินหนี่ว์[1]ละอายใจเกินกว่าจะน้อมรับคำชมไว้เพคะ” ซ่งอิงพูดจาและกระทำตามกฎเกณฑ์ที่พึงปฏิบัติ
ด้วยความเป็นสามัญชน ย่อมต้องก้มศีรษะและนอบน้อม ไม่สบตากับมารดาหนึ่งเดียวของบ้านเมืองโดยตรงเป็นธรรมดา ซ่งอิงเองก็ไม่รู้สึกว่าตนเองพิเศษอันใดนัก ควรต้องทำอะไรก็ทำไปเช่นนั้น
—————————-
[1] หมินหนี่ว์ (民女) หมายถึง เด็กหญิงชาวบ้าน