ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 765 บังอาจ! / ตอนที่ 766 ไม่มีผู้อาวุโสอยู่ในสายตา
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 765 บังอาจ! / ตอนที่ 766 ไม่มีผู้อาวุโสอยู่ในสายตา
ตอนที่ 765 บังอาจ!
ความสง่าผ่าเผยของเหตุผลที่สรรหามาครานี้และการจัดการเกินกว่าเหตุ ชวนให้ในใจทุกคนในจวนโหววิตกกังวลอย่างยิ่ง
สองด้านของจวนโหวยังมีพี่น้องท่านโหวที่แยกตัวออกไปเป็นส่วนสัดแล้วด้วย ยังไม่ถึงยามอู่ พวกเขาก็ทราบข่าวว่าจวนโหวมีแขกมาเยือน ดังนั้นในตอนนี้คนแต่ละครอบครัวก็พากันมาถามไถ่ถึงตรงหน้าหญิงชราในตระกูล
ส่วนหญิงชราอยู่ในจวนโหว ก็มีคนเป็นหูเป็นตาให้เช่นกัน
เรื่องที่โหวฮูหยินทำ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงหูนางแล้ว
ตอนที่รับฟังบรรดาภรรยาของลูกชายที่อยู่เบื้องล่างพูดจา นางก็ออกจะหงุดหงิดรำคาญอยู่บ้าง
คนเหล่านี้ไม่รู้ประสีประสาและอยากให้จวนโหวโกลาหลวุ่นวายแทบแย่ แต่กลับไม่คิดเสียบ้างว่าหากจวนโหวเผชิญปัญหาใหญ่จริง พวกนางจะมีประโยชน์อะไร
ยามที่หลานซื่อมาถึง ซ่งอิงกินข้าวเสร็จแล้ว
พวกหู่อิ๋งอิ๋งนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับนาง ทุกคนรวมตัวอยู่ด้วยกัน ครึกครื้นอย่างยิ่งทีเดียว ซ่งอิงหยิบเอาสุราผลไม้รสหอมหวานออกมาจากช่องว่างระหว่างมิติ เจ้าหนึ่งจอก ข้าหนึ่งจอก สุขอุราอย่างยิ่ง
“กับข้าวของจวนโหวแห่งนี้แม้เป็นของเดิมๆ ไม่แปลกใหม่ แต่รสชาติก็พอเอาเข้าปากได้ เถ้าแก่เหนียง ท่านทนกินหน่อยนะเจ้าคะ พรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าจะทำให้ท่านกิน แม้ว่าอาหารที่ทำอาจไม่หลากหลายเช่นนี้ แต่รสชาติอร่อยกว่าแน่นอนเจ้าค่ะ” หวงเมี่ยนกล่าว
“นั่นสิ เป็ดนี่เหนียวเหลือเกิน เทียบกับที่เลี้ยงไว้ในหมู่บ้านสวนยังห่างชั้นกว่ามาก” หู่อิ๋งอิ๋งว่า
ครั้นหลานซื่อพ้นประตูเข้ามาแล้วได้ยินคำว่า ‘หมู่บ้านสวน’ ก็ชะงักไปเล็กน้อย
นางจำได้ว่าญาติทางด้านเมืองยงนั่นสถานภาพทางครอบครัวไม่ค่อยดี ทั้งหมดอาศัยที่ดินไม่กี่หมู่เลี้ยงชีพ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่หนีมาถึงเมืองหลวงเพราะภัยแล้งในตอนนั้น
ไฉนยังมีหมู่บ้านสวนอีกด้วย
หลานซื่อออกจะไม่เข้าใจนัก แต่แล้วก็ฉุกนึกขึ้นได้กะทันหัน
ครอบครัวนี้ปรากฏจวี่เหรินแล้ว หลังจากสอบผ่านจะต้องมีคนส่งของขวัญให้ ดังนั้นในครอบครัวจะมีหมู่บ้านสวนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแห่งก็เป็นเรื่องปกติมาก
“ซ่งอิง!” หลานซื่อตวาด
หลังจากแผดเสียงดังลั่นก็รู้สึกว่าชื่อนี้ไม่ค่อยดีนัก ในเมื่อเปลี่ยนตัวตนแล้วก็ไม่ควรใช้ชื่อเดิมจึงจะถูก ด้วยเหตุนี่จึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “นับแต่วันนี้ไป เจ้าห้ามชื่อซ่งอิง เปลี่ยนชื่อให้เจ้าเป็นนามว่า…”
เมื่อหลานซื่อหันหน้าไปมองเห็นใบบัวที่แห้งกร้านมานานในอ่างน้ำของลานบ้าน จึงกล่าวว่า “เจ้าเปลี่ยนชื่อสักหน่อย นามว่าซ่งเหอก็แล้วกัน!”
ซ่งอิงกินเนื้อเป็ดเข้าไปคำหนึ่ง
“ซ่งเหอ! ได้ยินคำพูดข้าหรือไม่ หูหนวกแล้วหรือไร!” หลานซื่อรู้สึกว่าตนคงได้แก่ขึ้นอีกหลายปี
ปัจจุบันบุตรชายคนโตนางอายุสามสิบแล้ว นางก็ย่อมไม่ใช่อายุน้อยๆ แล้วเช่นกัน บรรดาสตรีสาวเจ้าเล่ห์ในบ้านพวกนั้นมักจะเดินส่ายไปส่ายมาตรงหน้าท่านโหวเสมอ ทำให้นางหงุดหงิดใจและยิ่งทำให้นางนึกรังเกียจใบหน้าตัวเองตอนนี้ ปกติแต่ละวัน นางไม่กล้าบันดาลโทสะโดยง่าย ด้วยเกรงกลัวว่าจะเกิดริ้วรอยเพิ่มขึ้นมา
แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าถูกนางเด็กสารเลวผู้นี้ทำให้โมโหจนแทบหายใจไม่ออก!
“ใครกำลังพูดอยู่หรือ” ซ่งอิงไม่แม้แต่จะชายตาขึ้นมอง
“เถ้าแก่เหนียงไม่ต้องสนใจเจ้าค่ะ อาจเป็นหญิงแก่ที่ไหนเดินผ่านมาเลียนแบบสุนัขจรจัดตามข้างทางนั่นอยู่เจ้าค่ะ” หวงเมี่ยนยิ้มสอพลอ
“บังอาจ!” เลี่ยวผัวจื่อ หญิงรับใช้วัยกลางคนที่ติดตามข้างกายหลานซื่อได้ยินดังกล่าว ก็ส่งเสียงตวาดขึ้นมาทันใด
ตอนนี้นางอยากให้ฮูหยินโมโหจะแย่ เพื่อจะได้ขับไล่คนต่ำช้าหยาบคายที่ไม่รู้ประสีประสาเหล่านี้ออกไป!
ส่วนคุณหนูชั้นล่างผู้นี้ เมื่อไม่มีคนต่ำช้าเหล่านี้คอยช่วยเหลือ ดูสิว่านางยังจะต่อสู้อะไรได้อีก!
หวงเมี่ยนลุกขึ้นมา “พวกเจ้าต่างหากที่บังอาจ ไม่เห็นหรือว่าเถ้าแก่เหนียงข้ากำลังกินข้าว! ไม่มีระเบียบมารยาทเลยสักนิด นี่หรือคนของจวนโหว คนลักษณะเช่นพวกเจ้า หากอยู่หมู่บ้านสวนของพวกเราก็สมควรส่งไปเป็นอาหารเสือ!”
“เสือก็ไม่กินของแบบนี้หรอก” หู่อิ๋งอิ๋งรีบกล่าวเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค
หลานซื่อสีหน้าถมึงทึง ในขณะนี้นางอดกลั้นจนเหลืออดเต็มทน
“จับตัวพวกเขาเอาไว้!” หลานซื่อกล่าว
พูดจบ หญิงรับใช้วัยกลางคนที่อยู่ข้างหลังก็พร้อมใจกันดาหน้าเข้ามา ส่วนผู้คุ้มกันบ้านเหล่านั้นก็ปรี่เข้าไปยังทิศทางของอิงต้าซานเช่นกัน
ตอนที่ 766 ไม่มีผู้อาวุโสอยู่ในสายตา
ซ่งอิงถอนหายใจ
“เดิมทีพูดคุยกันดีๆ ได้ พวกท่านกลับต้องการใช้กำลังให้จงได้ ช่างเป็นจริง…” ซ่งอิงยิ้มมุมปากเงียบๆ “โง่เขลาเกินไปแล้ว”
ยามที่ซ่งอิงเอ่ยเนิบช้า พวกหู่อิ๋งอิ๋งก็ลงมือตบตีกับเหล่าหญิงรับใช้วัยกลางคนในเรือนเหล่านี้ขึ้นมาแล้ว
ส่วนผู้คุ้มกันประจำบ้านเหล่านี้ เป็นเพียงผู้คุ้มกันธรรมดาๆ เท่านั้นเอง
แม้ว่าจวนโหวเป็นขุนนางบรรดาศักดิ์สูงส่ง แต่ก็ยังเลี้ยงดูผู้คุ้มกันที่พกพามีดดาบติดตัวอย่างมีจำนวนจำกัด ซึ่งผู้คุ้มกันเหล่านั้นโดยทั่วไปเอาไว้ให้ท่านโหวและทายาทสืบสกุลใช้งานเท่านั้น ต่อให้เป็นคุณชายเล็กที่อยู่ในจวน เว้นแต่เป็นบุตรชายเกิดจากภรรยาหลวงจึงจะมีสิทธิ์ใช้งานบ้าง ส่วนทายาทในตระกูลคนอื่นๆ แน่นอนว่าไม่อาจใช้งานคนเหล่านั้นได้
ภายในเรือนชั้นในแห่งนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
ดังนั้นคนเหล่านี้จึงมีทักษะการต่อสู้อย่างมวยข้างถนน ส่วนหญิงรับใช้วัยกลางคนที่ร่างหนาและแรงเยอะ โดยปกติแต่ละวันพวกนางทำงานหนัก จึงมีพละกำลังมากกว่าหญิงธรรมดาทั่วไปหน่อย แต่ก็ไม่มีความสามารถอื่นใดนอกเหนือจากนี้
ในขณะนี้ พวกเขาเหล่านั้นจึงถูกหู่อิ๋งอิ๋งเดี๋ยวผลัก เดี๋ยวกระชาก เดี๋ยวดึง ไม่ทันไรก็จัดการไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
ครั้นหลานซื่อเห็นสถานการณ์ดังนี้ก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า เจ้าไม่เห็นผู้อาวุโสในสายตาเลยสินะ ไม่มีคุณธรรม ไร้ความกตัญญู!”
“เพ้อเจ้ออะไรของท่าน!” ซ่งอิงเยาะหยัน จากนั้นก็ด่าว่าขึ้นมาตรงๆ “ท่านแม่ของข้าแซ่หร่วน ท่านเป็นใครมาจากไหน”
หลานซื่อโกรธจัดจนแทบหงายหลัง
หร่วนซื่อ หร่วนซื่ออะไรกัน นางต่างหากคือแม่แท้ๆ ของซ่งอิง!
ตอนที่อุ้มท้องนาง นางปลาบปลื้มดีใจตั้งเพียงใด! หลังให้กำเนิดบุตรชายคนโตมาได้สิบปีก็ไม่มีคนที่สองเสียที นางนึกว่าร่างกายตนเองไม่ได้เรื่องแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะตั้งครรภ์ขึ้นมาอีกท้อง ตอนนั้นนางคิดว่าสวรรค์เข้าข้างนางเสียที!
แต่ผลสุดท้ายเล่า
ที่กำเนิดออกมาเป็นเด็กบ้าบออะไร!
ก็แค่ตัวกาลกิณีที่มีเท้าข้างหนึ่งหกนิ้ว เดิมทีนางไม่ใช่อดทนไม่ได้ จะเลี้ยงดูลูกสาวไว้ก็มิใช่ไม่ได้เสียทีเดียว แต่หลังคลอดออกมาวันแรก แก้วตาดวงใจของนางซึ่งก็คือบุตรชายคนโตกลับพลัดตกหลังม้าขาหัก โชคดีที่รักษากลับมาปกติได้ มิเช่นนั้นนางจะดำเนินชีวิตนี้ต่อไปอย่างไร!
นางเด็กสารเลวผู้นี้เดิมทีก็คือฝ่ายที่ติดค้างหนี้นาง!
“นางชั่วช้าสารเลวไม่รู้จักกฎระเบียบไร้มารยาท!” ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ถ้อยคำเมื่อครู่นั้นเกินกว่าขอบเขตของนางแล้ว ดังนั้นนางจึงยิ่งเดือดดาลไปใหญ่
“ก็ดูท่านพูดจาเข้าสิ ราวกับว่าข้าไม่ใช่คนที่ท่านให้กำเนิดมาก็ไม่ปาน” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “ฮูหยิน ข้ามาเป็นแขก เป็นเจ้าบ้านอย่างพวกท่านต่างหากที่ไม่รู้จักกฎระเบียบไร้มารยาท บุกรุกเข้ามาในเรือนของข้า คนของข้าสั่งสอนพวกท่านหนึ่งชุดใหญ่ เป็นการสั่งสอนให้พวกเขารู้จักหลักของการเป็นคน ไม่ใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย”
สิ้นเสียงพูดของซ่งอิง อิงต้าซานและหู่อิ๋งอิ๋งก็เล่นงานคนเหล่านี้จนหมอบเรียบร้อยแล้ว
หลานซื่อตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก มองดูภาพคนเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ตกใจกลัวจนหน้าถอดสี
นางเป็นแค่หญิงที่อยู่แต่ในเรือนเป็นส่วนใหญ่ เคยเห็นภาพสถานการณ์ระดับนี้ที่ไหนเล่า
ทันใดนั้น นางถึงกับแข้งขาอ่อนแรง ทรุดตัวลงไปกองกับพื้นและไม่ขยับเขยื้อนแล้วเช่นกัน
โดยในเวลานี้ ซ่งอิงยังคงนั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้น
เพียงแต่ลักษณะสีหน้าท่าทีของนางกลับดูเหมือนเห็นใจ ดุจครูอาวุโสสั่งสอนนักเรียนแล้วก็ไม่ปาน “เมื่อครู่ก็บอกกับพวกท่านแล้วว่าข้ามาเป็นแขก พวกท่านมาทำอะไรที่นี่กันเล่า ของขวัญใหญ่โตขนาดนี้ข้าเองก็แบกรับไม่ไหวเช่นกัน”
“ทว่าในเมื่อพวกท่านอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียนแล้ว เช่นนั้นถึงแม้ข้าจะเป็นแค่เด็กรุ่นหลังคนหนึ่งก็จะน้อมรับเอาไว้แล้วกัน” ซ่งอิงล้วงเอาแผ่นทองแดงจำนวนหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ จากนั้นก็โยนลงตรงหน้าหลานซื่อ “นี่คือของขวัญขอบคุณ ข้าไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ท่านเองก็รู้นี่ว่าภูมิหลังข้ายากจนแร้นแค้น มีเงินสำรองในบ้านไม่เท่าไหร่”
หลานซื่อเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าของร่างแล้วอย่างไรเล่า หากซ่งอิงคิดจะฆ่านาง กับแค่ของขวัญครั้งนี้ นางรับเอาไว้ได้สบายมาก
มีปัญญา ก็ทำให้นางตายเสียสิ
ทว่าเมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ซ่งอิงก็ส่ายหน้าอยู่ในใจ
จะหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ไม่ได้ นางยังอยากกลายเป็นเซียนอยู่
“เอาละ ทุกคนลุกขึ้นเถอะ” ซ่งอิงวางมาด “คนอย่างข้าผู้นี้ชอบความสงบ ปกติแต่ละวันหากไม่มีธุระอันใดก็อย่าได้มารบกวนข้า หากข้าว่างจะไปเจอพวกท่านเอง ไม่ต้องรีบร้อนไป”
ซ่งอิงโบกมือหลังพูดจบ เผยท่าทีอย่างรำคาญยิ่งนัก และต้องการขับไล่พวกนางออกไปเสีย