ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 355 อุทิศตนหน่อยเถอะ ตอนที่ 356 ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 355 อุทิศตนหน่อยเถอะ ตอนที่ 356 ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
ตอนที่ 355 อุทิศตนหน่อยเถอะ!
ซ่งเหล่าเกินถึงกับนิ่งอึ้งไปหลังถูกซ่งอิงรัวคำพูดใส่ยาวเหยียด “ข้อไหนหรือ”
“ท่านพ่อข้าจิตใจดีและช่างใจอ่อน คนลักษณะอย่างเขาไม่ใจไม้ไส้ระกำกับญาติพี่น้อง ท่านคิดว่าคำพูดของท่านเมื่อครู่หากเป็นการมุ่งไปที่อาสี่ อาสี่จะทำอย่างไรเจ้าคะ” ซ่งอิงเอ่ยถาม
“อาสี่เจ้าน่ะหรือ” ซ่งเหล่าเกินเกือบสำลัก “เขานิสัยเสีย ก็คงกระโดดมาประจันหน้าแล้วต่อว่าข้า”
“นั่นอย่างไรเจ้าคะ ท่านพ่อข้าใจอ่อนกว่าอาสี่ กลัวว่าท่านจะเสียใจ ย่อมไม่กล้าปฏิบัติต่อท่านอย่างนั้นอยู่แล้ว ส่วนอาสี่ข้า…เขาก็ไม่ได้จิตใจเลวร้ายเช่นกัน แต่นิสัยตรงไปตรงมา เห็นความสำคัญของตนเองมากกว่าเห็นความสำคัญท่านเล็กน้อย ที่ข้าพูดนี้ไม่ผิดกระมัง” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ขุดหลุมฝั่งลุงใหญ่และอาสี่ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
ถึงอย่างไรบิดานางก็ยอดเยี่ยมที่สุด
เมื่อก่อนลุงใหญ่และอาสี่ก็เหยียบย่ำบิดานางเพื่อทำให้ผู้เฒ่าสุขใจเช่นกัน ดังนั้นยามนี้…อุทิศตนหน่อยแล้วกัน!
พี่น้องอาจไม่ต้องแบ่งปันพร แต่ต้องแบ่งปันความยากลำบาก ไม่ใช่เจ้าตายก็เป็นข้าที่ตาย…ถุย!
ขณะนี้ซ่งจินซานสีหน้าแดงก่ำยิ่งขึ้น นัยน์ตาทอแสงประกายสดใส
แท้จริงแล้วในสายตาบุตรสาว เขาดีขนาดนี้เชียวหรือ!
“ดูนิสัยเจ้านี่สิ ก็แค่ลูกสาวชมไม่กี่ประโยค?! หากข้าไม่รั้งเจ้าไว้ เกรงว่าเจ้าคงลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว!” ชายชรามองเห็นบุตรชายคนรองคลี่ยิ้มก็เอ่ยขึ้นมาทันที จากนั้นกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “เช่นนั้นเจ้าพูดมาสิว่า ข้ามีข้อเสียอะไร หลายปีมานี้เลี้ยงดูพวกเจ้า มีตรงไหนบ้างที่ผิดต่อพวกเจ้าแล้ว”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงแย้มยิ้ม “ท่านน่ะ…ข้อดีก็มีอยู่เจ้าค่ะ และก็ถือว่าเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งเป็นที่นับหน้าถือตาในหมู่บ้านด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่ก็ไม่ขอพูดถึงแล้ว แต่อยู่ในบ้าน ข้อเสียของท่านมากมายจริงๆ”
“…” ซ่งเหล่าเกินหน้ากระตุก
เขาไม่ควรถามเลย
“อันดับแรก ท่านยึดตนเองเป็นหลัก ท่านมักคิดว่าให้กำเนิดพวกเขาแล้ว เลี้ยงดูพวกเขาแล้วก็เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ล้นฟ้า พวกเขาสาบานด้วยชีวิตว่าจะตอบแทนคุณ แต่…พวกเขากำหนดการถือกำเนิดของตนเองไม่ได้ แต่ท่านทำได้ ทว่าท่านเอาแต่พูดจนติดปากว่าเลี้ยงดูบุตรชายบุตรสาวถือเป็นพระคุณอันใหญ่หลวง นี่มันออกจะดูเป็น…คนเห็นแก่ตัวที่คิดว่าตัวเองชอบธรรมเจ้าค่ะ”
“แน่นอนว่า ท่านเป็นบิดาของพ่อข้า ตามหลักคุณธรรมใต้หล้าก็เป็นเช่นนี้ ย่อมไม่อาจว่ากล่าวท่านในประเด็นนี้ว่าทำผิดแล้ว แต่ส่วนหลังที่ข้าจะพูดนี้เป็นท่านที่ไม่ถูกต้องจริงๆ…อย่างเช่นท่านลำเอียง ให้ความสำคัญกับบุตรคนโตและหลานชายคนโตมากเกินไป”
“ให้ความสำคัญบุตรคนโตและหลานชายคนโตจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ความผิดหรอกเจ้าค่ะ ที่ข้ากล่าวไม่ได้หมายถึงในแง่ของวัตถุ แต่เป็นในแง่จิตใจ ความหมายก็คือ ท่านนำของดีๆ เก็บไว้ให้ครอบครัวบุตรคนโตได้ อย่างไรเสียครอบครัวบุตรคนโตก็ต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูท่านยามแก่เฒ่า แต่…คนอื่นๆ ก็เป็นลูกท่านเช่นกัน ในการพูดและทัศนคติของท่าน ช่วยอ่อนโยนสักหน่อยจะได้หรือไม่ ท่านดูสิ ท่านทำพ่อข้าตกใจกลัวหมดแล้ว ตอนนี้ลูกตาแทบจะหลุดออกมาแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเอ่ยพูดตาปริบๆ
ปกติไม่มีโอกาสเอ่ยปากพูดเรื่องที่ดีงามขนาดนี้!
ตอนนี้คนอื่นกินอาหารพูดคุยอย่างสนุกสนานกันอยู่ ผู้ใดจะมัวมาสนใจทางด้านนี้กันเล่า
อีกทั้ง มีผู้เฒ่าเหยาอยู่ด้วย พ่อเฒ่าตระกูลนางรักในเกียรติศักดิ์ศรี จะอย่างไรก็คงไม่หยุดล้างสมองตัวเองพยายามไปบอกกล่าวผู้เฒ่าเหยาว่า หลานสาวผู้นี้ก็แต่คิดอย่างไรก็พูดออกมาเลย แต่ไม่ใช่คนนิสัยเลวร้ายอะไร…
ชายชราถอนหายใจแรงหนึ่งเฮือก
“พ่อเจ้าตกใจเพราะเจ้าต่างหากเล่า!” ชายชราซ่งไม่รู้เช่นกันว่าทำไม่จึงไม่รู้สึกโกรธ
ประการแรก เด็กสาวคนนี้หน้าตายิ้มแย้มทะเล้น มีคำกล่าวที่ว่าอย่าตบตีคนที่หน้าตายิ้มแย้ม เขาผู้นี้จึงโมโหไม่ลง
ประการที่สอง ตระกูลดองอยู่ด้วย เพิ่งพูดไปแล้วว่าจะให้ตระกูลดองเป็นผู้วิจารณ์ตัดสิน ขืนเขากลับคำก็จะดูใจแคบเกินไป ตระกูลดองเป็นคนเล่าเรียนหนังสือ ดังนั้นเขาก็ไม่อาจแสดงออกแย่กว่าคนที่มีการศึกษา
ประการที่สาม เขาเองก็อยากดูว่า เด็กสาวคนนี้ยังจะพูดออกมาไม้ไหนอีก!
“จะตกใจใครก็เหมือนๆ กันละเจ้าค่ะ” ซ่งอิงหัวเราะ “ท่านปู่ ขอพูดประโยคที่ไม่น่าฟังหน่อยนะเจ้าคะ ท่านคิดว่า ที่พี่ใหญ่ทำผิดตอนนั้นเกี่ยวข้องกับท่านหรือไม่”
ซ่งอิงโยนหินก้อนใหญ่ลงไปอีกหนึ่งก้อน
กระแทกไปตรงหน้าซ่งจินซานเต็มๆ เกือบมึนงงหมดสติไปแล้วก็ว่าได้
ตอนที่ 356 ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
เขาควรไปปิดปากหลานสาวคนนี้เอาไว้ อะไรที่ไม่ควรพูดนางกลับพูดออกมาหมด ช่างใจกล้าเกินคนทั่วไปยิ่งนัก!
ปรากฏว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ชายชรา ‘ชักสีหน้า’ เปลี่ยนไปในทันที
“ท่านปู่ คำพูดข้านี้มิใช่การตำหนิติเตียนท่าน แต่เป็นความหวังว่าจากนี้ทุกคนล้วนจะดียิ่งๆ ขึ้นไป รู้ว่าส่วนใดไม่สมบูรณ์จึงจะปรับปรุงให้สมบูรณ์ได้ ขืนยึดติดอยู่แต่สิ่งเดิมๆ ตลอดไป จะเป็นการให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวเปล่าๆ เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
นางรีบร้อนบอกกล่าวไปเช่นนี้ เพราะซ่งเสี่ยนใกล้จะกลับมาบ้านแล้ว!
จำเป็นต้องย้ำเตือนผู้เฒ่าสักหน่อย
“ข้าอายุปูนนี้แล้ว ตอนนี้ถึงคราวให้เจ้าหลานสาวคนหนึ่งมาสอนข้าแล้วหรือ” ซ่งเหล่าเกินสะกดกลั้นความโกรธเกรี้ยวนี้เอาไว้
“หากท่านเอาความอาวุโสมาข่ม เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอันใดต้องพูดแล้ว อย่างไรเสียข้าก็เป็นหญิงที่ออกเรือนไปแล้ว ครอบครัวมารดามีชีวิตอย่างไรก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าเป็นพิเศษเช่นกัน” ซ่งอิงเริ่มหยิบยกสถานะตัวเองขึ้นมาบ้างเช่นกัน “ข้าพูดสิ่งเหล่านี้กับท่านโดยไม่คำนึกถึงสถานะตัวตน เพราะข้าความหวังดีต่อท่านด้วยใจจริงเจ้าค่ะ”
“เจ้ายังนึกถึงเห็ดหลินจือนั่น กลัวว่าข้าจะยกให้หลานเสี่ยนสินะ” ซ่งเหล่าเกินกล่าวอย่างละอายใจในการกระทำของตัวเอง
นอกจากเอ่ยคำพูดนี้ เขาไม่รู้แล้วว่าจะเอ่ยพูดอย่างไรให้ดูมีเหตุมีผล ทั้งยังทำให้เด็กสาวคนนี้หมดคำพูดมาต่อล้อต่อเถียงได้อีก
ซ่งอิงได้ยินดังกล่าวก็คลี่ยิ้มทั้งที่แท้จริงแล้วอยากร้องไห้
“ข้ากล้าพูดได้ว่า หลังท่านกลับบ้านไปแล้วนำเห็ดหลินจือนั่นมาตุ๋นกิน ข้าก็ไม่รู้สึกขุ่นเคืองใดๆ ทั้งสิ้น” ซ่งอิงแสดงออกในทันที “ท่านอายุปูนนี้แล้ว ข้าก็หวังให้ท่านอยู่อย่างสุขสบายในบั้นปลายชีวิตเช่นกันเจ้าค่ะ”
ผู้เฒ่าซ่งนิ่งอึ้งไป “เจ้ายั่วโมโหข้าให้น้อยๆ เข้าไว้ ข้าจะได้มีชีวิตอยู่นานขึ้นหน่อย”
“เจ้าค่ะ คำพูดเช่นนี้ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนี้ต่อให้ท่านอยากฟังข้าก็ไม่พูดแล้วเช่นกัน” ซ่งอิงตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง “หลังพี่ใหญ่กลับมา หากเขารู้สำนึกผิดจริงแล้วปรับปรุงตัว รู้ประสีประสาและรู้จักมารยาทเช่นเดียวกับพี่ชายข้าตลอดจนน้องชายทั้งหลาย ท่านจะดีต่อเขาหน่อยก็ย่อมได้ แต่อย่าได้ถึงขั้นให้ท้าย ต่อให้เป็นครอบครัวเล็กๆ ก็ควรรู้จักคำว่าระเบียบปฏิบัติเช่นกัน บุตรไม่ล่วงเกินบิดา เขาหลานชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กรุ่นหลัง จะมีอำนาจเหนือกว่ากว่าพี่ๆ น้องๆ ลุงใหญ่มิได้ มิเช่นนั้นต่อให้ข้าไม่พูด คนภายนอกมองเห็นก็จะคิดว่าตระกูลซ่งไม่รู้เรื่องรู้ราว”
“การค้ำจุนเป็นการส่วนตัว ต่อให้เป็นพวกของกินเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ควรมีอีกแล้ว หากเขาได้ เช่นนั้นบรรดาน้องชายคนอื่นๆ ก็ต้องได้ด้วย ไม่ว่าบรรดาน้องชายอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่ จะลำเอียงไม่ได้โดยเด็ดขาดเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
เอื้อนเอ่ยคำพูดเหล่านี้ สำหรับนางไม่มีข้อดีอะไรเลยจริงๆ
เพียงแต่บิดามารดานางจะได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจขึ้นมาหน่อย
นอกจากนี้ยังมีน้องต๋าอีกคน สภาพแวดล้อมย่อมต้องมีพูดกระทบมากว่าการอบรมสั่งสอนด้วยฝีปากของนางอยู่แล้ว
อีกทั้ง…ฐานะตัวตนนางมีความพิเศษ มีความเกี่ยวข้องกับจวนโหวทั้งในแง่ญาติและศัตรู ไม่รู้เช่นกันว่าความสงบสุขเช่นปัจจุบันนี้จะคงอยู่ได้ยาวนานสักเพียงใด
เกิดวันใดวันหนึ่งจวนโหวเคลื่อนไหวขึ้นมา ที่จะเกิดผลกระทบอันใหญ่หลวงก็คือตระกูลซ่ง มิเช่นนั้นตอนแรกตระกูลซ่งคงไม่รีบร้อนแยกครอบครัว
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตระกูลซ่งกลายเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยจุดอ่อนให้คนอื่นเขาเอาผิดได้ในภายภาคหน้า ดังนั้นตอนนี้เวลานี้ จำเป็นต้องสั่งสอนชี้นำพวกเขาสักหน่อย
ที่ศึกษาเล่าเรียนได้ก็จำเป็นต้องให้ไปศึกษาเล่าเรียน ขอเพียงมีชื่อเสียงเกียรติยศขึ้นมาสักหน่อย ไม่ใช่ชาวบ้านสามัญชนธรรมดาทั่วไป ความเป็นไปได้ที่ในอนาคตจะถูกสร้างความลำบากใจก็จะลดน้อยลงหน่อย
กล่าวไปในทิศทางแง่ร้าย หากจับผิดตระกูลซ่งไม่ได้เลยและถูกผู้คนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกล่าวขานชื่นชม ภายภาคหน้ายามที่จวนโหวอาศัยอำนาจมารังแก ไม่แน่ว่ายังจะมีคนช่วยร้องทุกข์ หรือเก็บศพอะไรทำนองนี้แทนพวกเขาอีกด้วย
แน่นอนละ ซ่งอิงก็คิดว่าภายในช่วงเวลาอันสั้นนี้ความเป็นไปได้ที่จะถูกมาหาเรื่องถึงที่นั้นน้อยนิดมาก
แต่เมื่อใดที่นางหาเงินได้มหาศาลแล้ว…
นั่นก็เป็นอะไรที่พูดยาก
ดังนั้นต้องทำให้ภายในมั่นคงเข้าไว้ เพื่อที่ภายภาคหน้าจะไม่ถูกคนอื่นอาศัยช่องโหว่จากเรื่องราวพวกนี้ได้
“ท่านปู่เหยา ท่านคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงเอ่ยพูดคำเหล่านั้นจบ เห็นผู้เฒ่าตระกูลตัวเองไม่เอ่ยปากจึงหันไปถามชายชราเหยา
ผู้เฒ่าเหยาพยักหน้าอย่างจริงจังมาก “มีเหตุผล!”
“เหล่าชง หลานสาวท่านคนนี้เป็นคนที่รู้จักเหตุจักผล นี่ถือเป็นเรื่องดียิ่ง มิน่าล่ะลูกสาวข้าจึงพูดว่าหลานต๋ารู้ความแล้ว ได้เรียนรู้กับนางเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” ผู้เฒ่าเหยาชื่นชมอย่างยิ่ง
“…” ชายชราซ่งหนังตากระตุก คล้ายรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก