ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล - ตอนที่ 141 ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ตอนที่ 142 เบื้องบนปฏิบัติตัวอย่างไรเบื้องล่างก็ปฏิบัติตามเช่นนั้น
- Home
- ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล
- ตอนที่ 141 ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ตอนที่ 142 เบื้องบนปฏิบัติตัวอย่างไรเบื้องล่างก็ปฏิบัติตามเช่นนั้น
ตอนที่ 141 ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ในใจเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เจ็บปวดรวดร้าวและสับสนไปหมด ไม่รู้เลยว่าควรพูดอะไร
แน่นอนว่านางก็ไม่อยากให้เอ้อร์ยาต้องคดีความเช่นกัน! แต่ แต่ว่าบุตรชายของนางล่ะจะทำอย่างไร!
หยาดน้ำตาของหร่วนซื่อในขณะนี้ก็ไม่มีผลอะไรต่อนางแล้ว หลังเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่นิ่งอึ้งอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง จู่ๆ ก็คุกเข่าลง “น้องสะใภ้รอง เจ้าอะลุ่มอล่วยหน่อยเถิด ลูกเสี่ยนก็เป็นคนที่เคยร่ำเรียนหนังสือเช่นกัน หากเขาต้องคดีความ ชั่วชีวิตหลังจากนี้คงเป็นอันจบสิ้นกันพอดี…เอ้อร์ยาแตกต่างออกไป นาง นางเพราะจำใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำจึงถูกภัตตาคารเย่ว์เฟิงฟ้องร้อง ถึงเวลาภัตตาคารเย่ว์เฟิงให้ชดใช้เงินเท่าใดครอบครัวข้าจะเป็นฝ่ายออกเงินให้ทั้งหมดเอง แต่จะส่งลูกชายข้าเข้าคุกไม่ได้เชียว หากเขาต้องเข้าคุก ทั้งชีวิตนี้ก็เป็นอันสูญสิ้นแล้วน่ะสิ!”
เมื่อก่อนในหมู่บ้านก็มีคนถูกฟ้องร้องกับทางการขุนนางเช่นกัน เพราะเรื่องเล็กๆ ภายในหมู่บ้านจะมีหัวหน้าหมู่บ้านจัดการ เรื่องใหญ่โตถึงจะฟ้องร้องไปยังทางการขุนนาง ตอนนั้นเป็นคดีความที่เกี่ยวข้องถึงแก่ชีวิตจึงมีคนฟ้องร้อง
จำเลยเมื่อคราวนั้นถือว่าเป็นคนกตัญญูทีเดียว บิดาเขาถูกเหยียดหยาม ภายใต้การโต้กลับจึงทุบตีคนจนเสียชีวิต นายอำเภอเป็นคนดีคนหนึ่ง รู้สึกว่าเขาเป็นลูกกตัญญู ด้วยเหตุนี้จึงจับขังไว้ระยะหนึ่ง แต่หลังกลับมา คนผู้นั้นก็ยังปลิดชีพตนเองอยู่ดี!
เพียงเพราะคำวิจารณ์ว่าร้ายมากมายในหมู่บ้าน มีคนเอ่ยว่าข้างกายเขามีวิญญาณชั่วร้ายติดตาม มีคนคิดว่าเขาเป็นตัวซวย และยังคิดว่าแม้เขาทำไปด้วยความจำใจ แต่ใต้เท้านายอำเภอก็ขังเขาไว้สามสี่เดือน ซึ่งจะเห็นได้ว่าก็ยังมีความผิดอยู่ดี ดังนั้นแต่ละคนต่างก็ดูถูกเหยียดหยามเขา
คนผู้นี้ไม่อาจทนต่อความอับอายได้ จึงเลือกปลิดชีพตัวเอง
บุตรชายนางรักในภาพพจน์มากที่สุด หากถูกฟ้องร้อง เกรงว่าจะไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เช่นกัน!
นางรู้ว่า นี่เป็นการกระทำที่ผิดต่อซ่งอิง…
ให้นางผู้เป็นมารดาคนนี้ชดใช้ก็ย่อมได้!
ใช่ๆๆ นางเป็นแม่ ให้นางชดใช้จะดีเสียกว่า!
“อาอิง เจ้าว่าเอาแบบนี้ได้หรือไม่ หากเจ้าจำเป็นต้องฟ้องร้อง เช่นนั้นก็ฟ้องข้าเถอะ! ถือเสียว่าข้าให้ลูกชายข้าขายบ๊ะจ่างของเจ้า…ลูกชายข้ากตัญญูเชื่อฟัง ดังนั้นจึงทำเช่นนั้น…” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รีบบอกกล่าว
ในที่สุดก็เจอวิธีการที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายเสียที
ซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า กล่าวออกไปตามตรง “ป้าสะใภ้ใหญ่เคยคิดบ้างหรือไม่ว่า เรื่องที่พี่ใหญ่กระทำนี้ ก็เพราะการที่ท่านคอยให้ท้ายจึงออกมาเป็นเช่นนี้? เรื่องในคราวนี้ ข้าฟ้องร้องเขาแล้ว เขาก็เพียงแค่ถูกลงไม้โบย นอกนั้นก็ชดใช้ค่าเสียหายให้ข้า นี่ล้วนเป็นโทษที่เขาควรได้รับ แต่บทลงโทษระดับนี้ท่านยังต้องการจะแบกรับแทนเขา! หากมีวันหนึ่งเขากระทำผิดอีก ท่านจะแบกรับไหวหรือ หากเขาฆ่าคน ป้าสะใภ้ใหญ่ก็จะช่วยแบกรับแทนพี่ใหญ่หรือ!”
ซ่งอิงพูดจบ เป็นจังหวะเดียวกับที่ซ่งต๋าและซ่งอู่กลับมาจากเที่ยวเล่นข้างนอกพอดี
ซ่งต๋าเห็นมารดาตนเองคุกเข่าอยู่บนพื้น จึงรีบวิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาทันที “ท่านแม่! ท่านคุกเข่าให้อาสะใภ้และท่านพี่ทำไมกัน!”
เขาตวัดสายตามองไปยังซ่งอิงและหร่วนซื่ออย่างโกรธเคือง
“อาสะใภ้รอง ท่านแม่ข้าทำผิดอะไรหรือ ท่านปู่ เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ข้าเชื่อฟังพี่จิ้นเป่าจึงทำให้พี่รองโกรธใช่หรือไม่ ข้ารับประกันว่าจากนี้จะไม่ทำเช่นนั้นอีกแล้ว ข้าจะเคารพพี่รองแน่นอน พวกท่านอย่าลงโทษท่านแม่ข้าเลย!” ซ่งต๋ารีบบอกกล่าวทันควัน
ซ่งอิงนึกถึงวันนั้น หลังซ่งต๋ากระทำผิด แล้วยังชี้นิ้วก่นด่านางอีกด้วย
ระยะนี้กลายเป็นว่าพัฒนาตัวดีขึ้นมากแล้วจริงๆ
เพราะนางจ้างลูกหลานตระกูลซ่งทั้งหมดไปเด็ดใบหลู ยกเว้นก็แต่ซ่งต๋าและซ่งคังของบ้านสี่ที่เพิ่งสามขวบ ดังนั้นเขาจึงเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง
รสชาติของการถูกมองข้ามช่างไม่ดีเอาเสียเลย ตลอดทั้งวันได้แต่นั่งยองอยู่ปากประตูลานบ้านอย่างน่าสงสาร รอคอยบรรดาพี่ชายกลับมาอย่างใจจดจ่อ
ในมุมมองซ่งอิง ข้อเสียของซ่งต๋าค่อนข้างมากทีเดียว
เขาและซ่งเสี่ยนค่อนข้างเหมือนกัน ไม่ค่อยให้ความเคารพนับถือผู้อาวุโสกว่า ต้องการอะไรแค่เอ่ยปากก็ได้มาแล้ว อาศัยความรักและความเอ็นดูของบิดามารดาปู่และย่า วันๆ เอาแต่โหวกเหวกโวยวายไม่เข้าท่า…
แต่ยามนี้ กลับแสดงท่าทีที่น่าสงสารเอ่ยพูดแทนมารดาเขา กลายเป็นว่าทำให้นางเกิดทัศนคติต่อเขาที่แตกต่างไป
“ป้าสะใภ้ใหญ่ ผู้ใหญ่ปฏิบัติเช่นไร เด็กก็จะปฏิบัติเช่นนั้น ท่านไม่ได้มีพี่ใหญ่เป็นลูกชายคนเดียวเสียหน่อย ท่านไม่สนใจน้องต๋าแล้วหรือ เขาเห็นท่านขอรับโทษแทนพี่ใหญ่ เขาจะสบายใจได้หรือ ภายภาคหน้าหากเลียนแบบการกระทำพี่ใหญ่ แล้วท่านจะทำอย่างไร?” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ตอนที่ 142 เบื้องบนปฏิบัติตัวอย่างไรเบื้องล่างก็ปฏิบัติตามเช่นนั้น
ขโมยบ๊ะจ่างไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โต ซ่งอิงทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กได้สบายมาก
แต่นางจะไม่ทำอย่างนั้น
จะให้คนชั่วช้าได้ใจไม่ได้ วันนี้ซ่งเสี่ยนเป็นผู้ขโมยบ๊ะจ่าง แล้ววันพรุ่งนี้ล่ะ? จะปล่อยให้เขาเอาโสมไปขาย?
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ถูกนางพูดจนในใจตกตะลึง มองดูซ่งต๋าแล้วโอบเขาเข้ามากอดไว้พร้อมกับร้องไห้ขึ้นมากะทันหัน “เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรล่ะ! ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นพี่ชายเจ้านี่ ข้าจะปล่อยให้เขาไปเจอนายอำเภอทางด้านนั้นโดยไม่สนใจได้อย่างไร! เจ้าคิดว่านายอำเภอผู้นั้นลงไม้โบยเหมือนกับหัวหน้าหมู่บ้านหรือไร? คนเขาล้วนผ่านการฝึกฝนมาก่อนทั้งนั้น ไม้โบยหวดลงมาที ไม่เป็นอันเนื้อแตกเลยหรือ…”
“ลูกต๋าที่น่าสงสารของข้า แม่ขอโทษเจ้าด้วย!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวทั้งน้ำตาขณะกอดซ่งต๋า
ซ่งอิงยังคงมีสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม ไม่ได้มีเจตนารมณ์จะเปลี่ยนใจเลยสักนิด
ซ่งฝูซานจึงหมายเอ่ยปากพูด
เขาเป็นลุงใหญ่ เป็นญาติผู้ใหญ่ บางที…
“หุบปากให้หมด” ชายชราตัดบทคำพูดของซ่งฝูซานขึ้นมาเสียก่อน อาการเลือดลมเดินไม่สะดวกอันเนื่องจากโทสะทุเลาลงแล้วเช่นกัน “ก็ทำตามที่เอ้อร์ยาว่านั่นละ หากบ๊ะจ่างไม่ได้ขายออกไป หรือขายในราคาปกติ ก็ลงโทษด้วยบทลงโทษประจำตระกูล นอกจากนั้นก็ต้องชดใช้ให้เอ้อร์ยาด้วย หากขายในราคาแพง เอ้อร์ยาก็ฟ้องร้องเขาในข้อหาลักขโมยได้เลย!”
“ท่านพ่อ!” ซ่งฝูซานมองชายชราอย่างตกตะลึง
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็งงเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน
ในใจของชายชราเองมีหรือจะไม่เจ็บปวด แต่นึกถึงหลานชายที่ไม่รู้ความผู้นั้น ก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังและโกรธเกรี้ยว
อีกทั้ง เอ้อร์ยาพูดถูก
เบื้องบนปฏิบัติตัวอย่างไร เบื้องล่างก็ปฏิบัติตามเช่นนั้น
ซ่งเสี่ยนเป็นพี่ใหญ่ ถัดจากเขาลงมา ยังมีน้องชายอีกหกคน จะให้บรรดาหลานๆ ของตระกูลซ่งเลียนแบบเขาไม่ได้!
อีกทั้ง แต่ก่อนหลานเสี่ยนเป็นเด็กดีคนหนึ่ง ต้องเป็นเพราะสองสามปีมานี้ได้รับการสั่งสอนที่ไม่ดีเป็นแน่ เขาอยู่ในตัวอำเภอจนจิตใจออกนอกลู่นอกทางไปแล้ว หลังได้รับบทลงโทษที่สมควรได้รับ ตนจะต้องกำกับดูแลให้ดีเสียหน่อยแล้ว!
กฎระเบียบแห่งราชวงศ์ต้าติ้ง ผู้ลักขโมยสิ่งของ จะต้องได้รับโทษตามจำนวนมูลค่าสิ่งของนั้นๆ
บ๊ะจ่างซ่งอิงเหล่านั้นไม่ถือว่าราคาสูงมาก ดังนั้นบทลงโทษก็ไม่ได้หนักหนาเกินไปเช่นกัน หากลงไม้โบย เช่นนั้นก็คงต้องกังขังอีกหนึ่งถึงสองเดือน หากไม่ลงไม้โบย เช่นนั้นก็จำเป็นต้องไปทำงานหนักให้ทางการ อย่างน้อยๆ ก็ต้องครึ่งปี
แต่สถานที่ที่ต้องไปทำงานก็ไม่ได้ห่างไกล ซึ่งก็คืองานประเภทซ่อมบำรุงเมืองหรือบ่อน้ำอะไรทำนองนี้ แม้ว่าเหน็ดเหนื่อยหน่อย แต่ตราบใดที่ดูแลรักษาได้ทันการณ์ ก็จะไม่บาดเจ็บถึงแก่ชีวิต
เพียงแต่มีอยู่ประเด็นเดียวคือ ผู้มีความผิดฐานลักทรัพย์ ผู้กระทำผิดครั้งแรกจะได้รับโทษสถานเบา ผู้กระทำผิดครั้งที่สอง จะถูกตีตราลงบนแขน ผู้กระทำผิดครั้งที่สามจะถูกตีตราบริเวณหน้าอก หากผู้ที่กระทำความผิดหลายครั้งก็จะมีรอยสักที่ใบหน้า
ดังนั้นหลังหลานเสี่ยนกลับมา ไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องสั่งสอนเขาให้ดำรงชีวิตให้ดีๆ มิเช่นนั้นหากถูกตีตราลงบนเรือนกาย ก็คงไม่มีหน้าไปพบเจอบรรพบุรุษแล้วจริงๆ!
เมื่อพ่อเฒ่าซ่งเอ่ยพูดจบก็กลับหลังหัน สันหลังโค้งงอเล็กน้อย
“สมควรต้องทำอะไรก็ทำเถอะ ยอมจ่ายเงินมากหน่อย ก็ต้องจ้างคนมาทำบ๊ะจ่างนี้ให้จำนวนครบถ้วน นอกจากนี้…หลังวันนี้เรียบร้อยแล้ว เอ้อร์ยาก็จ้างคนอื่นห่อบ๊ะจ่างเถอะ ทางด้านครอบครัวเรานี้…ไม่มีความสามารถหารายได้เช่นนี้หรอก!” ชายชรากล่าวขึ้นอีกครั้ง
ระยะนี้เขาช่วยเฝ้าดูอยู่บริเวณประตูบ้าน เพื่อที่จะได้ไม่มีคนมายืมสิ่งของเรื่อยเปื่อย
แน่นอนว่าก็มองออกเช่นกันว่า บรรดาลูกสะใภ้เขาเหล่านี้ แต่ละคนล้วนจ้องแต่จะสร้างความยุ่งยากให้ผู้อื่นเสมอ
ทางด้านครอบครัวบุตรคนโตมองใครก็ขัดหูขัดตาไปหมด ใครห่อได้มากกว่านาง นางก็จะมองอย่างไม่สบอารมณ์ มีจิตใจทีชอบชิงดีชิงเด่น เป็นคนหนึ่งที่เห็นผู้อื่นได้ดีไม่ได้
ครอบครัวบุตรคนรองก็คือหญิงซื่อบื้อคนหนึ่ง นอกจากร้องห่มร้องไห้ก็ไม่มีพิษสงอะไร!
ครอบครัวบุตรคนที่สามค่อนข้างชอบเอารัดเอาเปรียบ ทุกวันหลังห่อบ๊ะจ่างเสร็จสิ้น ก็เป็นอันต้องคิดหาวิธีเอากลับไปเลี้ยงปากท้องสักสองสามชิ้น แล้วยังมีสองครั้งที่ไม่ทันระวังทำไส้หล่นลงพื้น คิดไม่ถึงว่าจะหยิบขึ้นมาห่อต่อไปอีก โชคดีที่ถูกหลานสวินและเอ้อร์ยาเห็นเข้า จึงออกคำสั่งชัดเจนว่าห้ามทำเช่นนั้น จึงได้สงบเรียบร้อย
ครอบครัวบุตรลำดับที่สี่เต็มไปด้วยความเจ้าคิดเจ้าแผนการ วันๆ อยากให้บรรดาพี่สะใภ้คนอื่นทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมา โดยมองเป็นเรื่องสนุก
ไม่มีสักคนที่ช่วยให้วางใจได้! ไม่มีเลยสักคนเดียว!
มือที่ชายชราเอื้อมเปิดบานประตูห้องนอนถึงกับสั่นระริก