ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 8 บทที่ 224 เหตุการณ์ในสกุลหลิน
“เหล่าเฉินถวายคำนับท่านอ๋องและพระชายา”
สองพ่อลูกต่างพูดไม่ออก ตอนนี้นางเป็นถึงชายาอวี้ ส่วนพ่อเป็นขุนนางคนหนึ่ง
“ท่านพ่อ…ท่านพ่อ….ยกโทษให้ลูกอกตัญญูคนนี้ด้วย”
หยาดน้ำตาซึมออกจากดวงตา ส่งเสียงสั่นเครือ
หลงเทียนอวี้เข้าไปพยุงหลินมู่จือด้วยตนเอง สายตามั่นคง แม้จะไม่พูดอะไรออกมาก็ตาม
“เด็ก…เด็กดี ข้าได้เห็นเจ้าเติบโตมาอย่างดีในวันนี้ ข้า….ข้าก็สบายใจแล้ว”
ก่อนนั้นเซิงเอ๋อร์ส่งข่าวมาบอกเขาว่าหยาเอ๋อร์กับหลงเทียนอวี้เป็นคู่สามีภรรยาที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
วันนี้พอได้มาเห็นกับตา เขารู้สึกว่าลูกสาวของตนเองมีวาสนายิ่งนัก นางและหลงเทียนอวี้เข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี
เขาเองก็เป็นคนที่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าความอบอุ่นระหว่างลูกสาวและลูกเขยที่แสดงออกมานั้นมิใช่ของปลอม
คนทั้งครอบครัวประคองกันเดินเข้าบ้าน ภายในห้องรับแขกจึงไร้ซึ่งคนนอก
หลินเมิ้งหยาเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าท่านพ่อ ก่อนจะโขกศีรษะเพื่อถวายคำนับ
“อย่าทำเช่นนั้น! อย่าทำเช่นนั้น! หยาเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าเป็นถึงพระชายา อย่าได้ทำเช่นนี้เลย”
หลินมู่จือคิดอยากเข้าไปห้าม ทว่าหลงเทียนอวี้กลับจับตัวเขาเอาไว้
นี่เป็นความกตัญญูที่หลินเมิ้งหยามี
มองดูลูกเขยที่เข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี สุดท้ายหลินมู่จือหันไปมองหน้าลูกสาวอย่างปลาบปลื้มใจ
“ลูกขอถวายคำนับท่านพ่อ ลูกอกตัญญู ไม่อาจอยู่ดูแลท่านพ่อได้ อีกทั้งยังแต่งงานออกเรือนโดยที่ไม่ได้บอกท่านพ่อ ขอท่านพ่อได้โปรดอภัยให้ลูกด้วย”
โขกศีรษะสามครั้ง หยาดน้ำตานองหน้าหลินเมิ้งหยา
ท่านพ่อคิดเผื่อนางทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้นางมีชีวิตอย่างผาสุก เขายอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อขอร้องเหล่าสหายเก่าเพื่อนาง
มิเช่นนั้น ป่านนี้นางคงแต่งงานออกเรือนไปตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว
“รีบลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้มิอาจโทษเจ้าได้”
หลินมู่จือรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเรื่องการแต่งงานของหลินเมิ้งหยากับอ๋องอวี้จะต้องเกี่ยวข้องกับฮูหยินของเขาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาถามหาเอาความผิด
“ท่านพ่อ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน”
เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อของตนเอง นางมีท่าทางเหมือนเมื่อครั้งเป็นเพียงคุณหนูใหญ่แห่งสกุลหลิน
“เด็กโง่ เจ้าแต่งงานออกเรือนไปแล้ว เหตุใดจึงยังมีท่าทางเหมือนสาวน้อยอยู่เล่า”
แม้จะรู้สึกไม่อาจทำใจยอมรับ แต่สุดท้ายลูกสาวก็ไม่เหมือนก่อนแล้ว
นางดูผ่ายผอมลงเล็กน้อย แต่สติปัญญาของนางในตอนนี้ดีกว่าแต่ก่อนมาก
“อ๋องอวี้ ลูกสาวถูกกระหม่อมเลี้ยงดูจนเสียคน หากมีสิ่งไหนไม่ถูกต้อง หวังว่าพระองค์จะอภัยให้นางด้วย”
แม้อีกฝ่ายจะเป็นองค์ชาย ทว่าหลินมู่จือก็ยังคงรักลูกสาวของตนเองมิเสื่อมคลาย
หลงเทียนอวี้ยกยิ้ม ใบหน้าเย็นชาของเขาประดับไว้ซึ่งรอยยิ้มสง่างาม
“เมิ้งหยาปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมยิ่ง นางช่วยงานข้าได้ไม่น้อยเลย”
แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าเขาคิดเห็นเช่นนี้มานานแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี เด็กคนนี้ถูกกระหม่อมตามใจเสียจนเคยตัว”
“ท่านพ่อ ดูท่านพูดเข้า”
หลินเมิ้งหยากระตุกแขนเสื้อพ่อของตนเองด้วยท่าทางเขินอาย ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็เป็นถึงนางพญาแพทย์พิษเชียวนะ
เหตุใดจึงพูดเหมือนนางไปรบกวนหลงเทียนอวี้อย่างไรอย่างนั้น
ตอนแรกเขาไม่อยากแต่งงานกับนางเลยด้วยซ้ำ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ได้ พ่อไม่พูดแล้ว เรื่องนี้ปล่อยให้คนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าจัดการเองก็แล้วกัน”
แม้จะมีคนบอกว่าพ่อตากับลูกเขยมักเป็นศัตรูกัน
แต่หลงเทียนอวี้เป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้ดี
ยิ่งไปกว่านั้น วิชาการต่อสู้ของเขายังยากที่จะมีคนเทียบเทียม หลินมู่จือจึงพอใจยิ่งนักที่ได้เขามาเป็นลูกเขย
“ท่านพ่อ ท่านอ๋อง อาหารกลางวันเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นเชิญมารับประทานเถิด”
ซ่อนเร้นความริษยาเอาไว้ในใจ
ใบหน้าของซ่างกวนฉิงไร้ซึ่งความไม่พึงพอใจ
พวกเขามักจะมองข้ามนางและลูกสาวเสมอ
หัวใจประหนึ่งถูกเปลวไฟแผดเผา ไม่ว่านางจะทำดีกับหลินมู่จือมากขนาดไหน แต่สุดท้ายเขาก็ยังเห็นนางเป็นเพียงคนนอกอยู่ดี
“อืม เช่นนั้นไปกินข้าวด้วยกันเถิด”
บนโต๊ะอาหาร สายตาทุกคู่ล้วนมองมายังหลินเมิ้งหยา
นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ส่งเสียงอ่อนหวาน อีกทั้งยังฉลาดเฉลียวและน่ารักน่าเอ็นดู บรรยากาศในสกุลหลินตอนนี้จึงเปี่ยมไปด้วยความสุข
แม้แต่ซ่างกวนฉิงก็ต้องคอยหยักยิ้มตาม มีเพียงหลินเมิ้งหวู่เท่านั้นที่จ้องมองพี่สาวด้วยความโกรธแค้น
หากไม่มีหลินเมิ้งหยาคงดีกว่านี้ ป่านนี้คนที่ได้ปรนนิบัติรับใช้หลงเทียนอวี้คงเป็นนาง
สัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตของน้องสาวต่างมารดา หลินเมิ้งหยาเหยียดยิ้มเล็กน้อย
หลินเมิ้งหวู่ยังคงเก็บอารมณ์ไม่เก่งเหมือนเดิม หากนางรู้งานรู้การอย่างเช่นซ่างกวนฉิง ป่านนี้นางคงได้รับความรักจากท่านพ่อไปบ้าง
ท่านพ่อมักรู้สึกเสมอว่าลูกสาวคนรองเป็นคนเห็นแก่ตัว
ราวกับมิได้เลือดดีของสกุลหลินไปเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจเพราะท่านพ่อรักท่านแม่มาก ดังนั้นนางกับท่านพี่จึงได้รับความรักเช่นเดียวกัน ส่วนหลินเมิ้งหวู่กลับได้รับความรักเพียงน้อยนิด
สายตาอิจฉาริษยาอาบไปด้วยยาพิษ
ดูเหมือนจะเป็นรอยแผลเป็นที่นางยากจะลืมเลือน
“ท่านอ๋อง นี่เป็นปลาที่พระองค์ชอบ ท่านลองชิมหน่อยนะเพคะ”
นับตั้งแต่ตอนที่ปรากฏตัวออกมา สายตาของหลินเมิ้งหวู่จับจ้องมองทางหลงเทียนอวี้ตลอดเวลา
แม้ซ่างกวนฉิงจะส่งสายตาตักเตือนไปแล้วหลายรอบ ทว่าเด็กคนนี้กลับยังแสดงท่าทางหลงใหลจนออกนอกหน้า
อันที่จริงหลินเมิ้งหยาอดยอมรับไม่ได้ว่าเมื่อหลงเทียนอวี้ลดความเย็นชาลง เขาช่างเป็นคนที่มีเสน่ห์ชวนมองเหลือเกิน
แต่นี่ก็หาใช่เหตุผลที่ทำให้หลินเมิ้งหวู่จะมาส่งเสียงอ่อนเสียงหวานกับเขาได้เสียหน่อย
ผลปรากฏว่าหลงเทียนอวี้ไม่ส่งเสียงตอบรับ เขาไม่แม้แต่จะสนใจหลินเมิ้งหวู่
“เจ้าไร้มารยาทเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? นั่งลง!”
หลินมู่จือคือเจ้าตระกูลสกุลหลินที่แท้จริง แม้ซ่างกวนฉิงจะดูเหมือนเป็นผู้ปกครองบ้าน แต่เมื่อเขาเอ่ยออกมาก็ไม่มีใครกล้าเถียงเขา
“ท่านพ่อ ข้าก็แค่…”
หลินเมิ้งหวู่อ้าปากค้างอย่างน้อยใจ ท่านพ่อมักลำเอียงเสมอ
ทั้งที่เป็นลูกสาวสกุลหลินเหมือนกัน ทว่าคนหนึ่งเป็นถึงชายาอวี้ ส่วนอีกคนกลับถูกรังแก
นางไม่อาจทำใจยอมรับได้!
“แค่อะไร? เจ้ายังมิได้แต่งงานออกเรือน หากมิใช่เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษที่ยากจะได้อยู่กันพร้อมหน้า เจ้าคงทำได้เพียงอยู่ในห้องมิได้ออกมาด้านนอก! ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว…แล้ว….”
มีบางคำพูดที่แม้แต่ผู้เป็นพ่ออย่างเขาก็พูดไม่ออก
ซ่างกวนฉิงสบถลั่นในใจ นางพยายามส่งสายตาตักเตือนหวู่เอ๋อร์แล้วว่าอย่าทำให้พ่อของนางโกรธ
มิเช่นนั้นชีวิตคู่ของนางจะต้องประสบปัญหาอย่างแน่นอน
“ลูกเพียงแค่ทำหน้าที่เจ้าบ้านเท่านั้นเจ้าค่ะ อีกอย่าง ท่านอ๋องก็มิใช่คนอื่นคนไกล”
หลังจากถูกเลี้ยงดูจนเสียนิสัยมานานหลายปี สุดท้ายหลินเมิ้งหวู่ก็ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
“เพียะ” หลินมู่จือฟาดตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น
“เจ้าบ้านตัวดี! พอลองมาคิดดูแล้ว ช่วงเวลาที่ข้าไม่ได้อยู่บ้าน พวกเจ้าคงคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านนี้ไปแล้วสินะ?”
ความโกรธที่เคยสะกดกลั้นเอาไว้ระเบิดออกมา
สีหน้าของซ่างกวนฉิงขาวซีด นางหันไปถลึงตาใส่ลูกสาวตัวเอง
สายตาเย็นชาของหลินมู่จือหันไปมองทางฮูหยินของตนเอง ก่อนถามเสียงเย็นชา
“เจ้าเป็นผู้จัดแจงเรื่องงานแต่งของหยาเอ๋อร์ใช่หรือไม่?”
กว่าเขาจะได้รู้ข่าวการแต่งงานของหลินเมิ้งหยากับหลงเทียนอวี้ ทั้งคู่ก็แต่งงานอยู่กินกว่าครึ่งเดือนแล้ว
หากมิใช่เพราะตอนนั้นอยู่ในช่วงเวลาคับขัน เขาคงรีบกลับเมืองหลวงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
แม้คุณหนูสกุลเยว่จะส่งข่าวมาบอกว่าหยาเอ๋อร์มีชีวิตผาสุก เขาไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด
แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าเขาจะไม่เอาเรื่องซ่างกวนฉิงที่จัดการส่งลูกสาวสุดที่รักของเขาออกเรือนแต่งงาน
“ท่านพี่โปรดใจเย็นลงก่อน เรื่อง…เรื่องนี้ล้วนเป็นความเห็นชอบของฮองเฮา ข้าเป็นเพียงผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ฉะนั้นจึงมิอาจขัดขืนได้เจ้าค่ะ”
กล่าวกันว่าหยดน้ำตาคืออาวุธของผู้หญิง
แต่อีกฝ่ายควรจะเป็นผู้ชายที่รู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อได้เห็นหยาดน้ำตา
ตลอดหลายปีมานี้ ไม่ว่าซ่างกวนฉิงทำผิดอะไร นางมักใช้น้ำตาเอาตัวรอดแทบทุกครั้ง
ฉะนั้นหลินมู่จือจึงรู้สึกรำคาญ
ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่เคยสนใจใยดีความเป็นความตายของเสี่ยวหยาเลยแม้แต่น้อย
เรื่องบางเรื่องเขาก็มิอาจทำนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“ความเห็นชอบของฮองเฮาอย่างนั้นหรือ หากข้าจำไม่ผิด ฮองเฮาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเจ้ามิใช่หรืออย่างไร?”
ไม่ห้ามก็แปลว่าเห็นด้วย
หลินมู่จือเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งเขตชายแดน ซ่างกวนฉิงไม่อาจโกหกหลอกลวงเขาได้
“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่อาจห้ามพี่สาวของตัวเองได้ ข้าเองก็ไม่อาจทำใจแยกจากจากเมิ้งหยาได้ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนเลี้ยงดูนางเองกับมือ”
หยาดน้ำตาของซ่างกวนฉิงรินไหล หลินเมิ้งหยาแอบชื่นชมในใจ
ฮองเฮาก็ดี ซ่างกวนฉิงก็ใช่ หรือแม้แต่ซ่างกวนฮุ่ยเองก็ล้วนเป็นนักแสดงมืออาชีพ
รางวัลออสการ์ต้องตกเป็นของซ่างกวนฉิงอย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ อันที่จริงท่านแม่ก็คงมิได้ตั้งใจ อีกอย่าง ข้าเองก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีแม้จะเจอเรื่องโชคร้าย หนึ่งคือข้าได้มียศถาบรรดาศักดิ์ สองข้ายังได้ถอนพิษในร่างกายโดยมิได้ตั้งใจจนใบหน้ากลับมางดงามดังเดิมอีกด้วย”
ส่งเสียงอ่อนหวาน ทว่ากลับเหมือนใบมีดที่เข้าทิ่มแทงซ่างกวนฉิง
ซ่างกวนฉิงรู้สึกเสมือนถูกมีดแทงจนแทบกระอักเลือดออกมา
หลินมู่จือกับหลินหนานเซิงหันไปจ้องนางเขม็ง
ถูกต้อง ตอนนี้หลินเมิ้งหยางดงามเกินพรรณนา
แต่ว่า…ยาพิษ?
ทั้งสองหันมาสบตากัน
หลินเมิ้งหยามิเคยออกไปไหนตั้งแต่เด็ก แล้วยาพิษอยู่ในร่างของนางได้อย่างไร?
สายตาของทุกคนจ้องเขม็งที่แม่เลี้ยงอย่างซ่างกวนฉิง
เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกราวกับว่าตนเป็นหนูที่ติดกับ
หากหลินเมิ้งหยาต้องการ นางก็จะสูญเสียทุกอย่างไปในชั่วพริบตา
สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของซ่างกวนฉิง ไร้ซึ่งความอบอุ่น ดูราวกับว่ากำลังคิดจะโจมตีนางเสียมากกว่า
“ข้า…ข้าเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าถูกใส่ร้าย!”
คุกเข่าลงบนพื้น ซ่างกวนฉิงร้องไห้คร่ำครวญ
แม้แต่หลินเมิ้งหวู่เองก็ยืนอึ้งเสมือนคนโง่ นางรีบเข้ามาปกป้องแม่ของตนเอง
“ท่านพ่อ พี่สาวเป็นคนทำพิษใส่ตัวเองทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านแม่ ท่านแม่ถูกใส่ร้าย”
สายตาของหลินเมิ้งหยาพลันหันไปมองหลินเมิ้งหวู่ ก่อนจะเผยรอยยิ้มงดงาม
“ท่านอ๋องยังจำของขวัญที่น้องเมิ้งหวู่ให้กับหม่อมฉันในวันแต่งงานได้หรือไม่เพคะ?”