ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 2 บทที่ 48 จิตใจชั่วร้าย
เด็กทั้งสองเอ่ยชมช่างแกะสลักไม่หยุดปาก
กลับกันกับป๋ายจี หลังจากจ้องมองอย่างละเอียดแล้ว นางพบว่านายหญิงกำลังมีท่าทีไม่สบอารมณ์
นางเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ก่อนจะยกชาเต็มแก้วให้กับนายหญิง
“นายหญิง ท่านไม่ชอบพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาส่งมาให้หรือเจ้าคะ?” หลินเมิ้งหยาเงยหน้ามองดูป๋ายจี ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหน้า
“ไม่ชอบ? ของที่ฮองเฮาส่งมาให้จะมีใครไม่ชอบบ้างเล่า?”
สาวใช้ทั้งสองยังมิใช่คนสนิทของนาง ดังนั้นเรื่องบางเรื่อง ยิ่งมีคนรู้น้อยก็ยิ่งปลอดภัย
“นั่นสิเจ้าคะ หนู่ปี้1เองก็เพิ่งจะเคยเห็นพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมที่สวยงามขนาดนี้เป็นครั้งแรก” สุดท้ายป๋ายจีก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น นางรู้สึกว่าเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นเปรียบเสมือนของรักที่ส่งมาจากสวรรค์
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ นางยังคงเดาไม่ออกว่าตกลงแล้วเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่กันแน่
หลังจากเอะอะอยู่ครึ่งคืน สุดท้ายหลินจงอวี้ก็เดินเข้ามาดูด้วยเช่นกัน เจ้าแม่กวนอิมถูกล็อกเอาไว้ในกล่องไม้ จากนั้นวางไว้ภายในห้องของหลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิดทั้งคืนแต่คิดไม่ออก เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นางอยากมองดูเจ้าแม่กวนอิมอีกครั้ง
“เอ๋?” เมื่อเปิดกล่องออก นางกลับพบว่าเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ภายในแหลกละเอียดเป็นผุยผงแล้ว!
แต่เมื่อคืนนางไม่ได้ยินแม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น!
“พระชายา จิ่นเยว่ขอเข้าเฝ้า”
อยู่ๆ เสียงของน้าจิ่นเยว่ก็ดังขึ้น หลินเมิ้งหยารีบเชิญนางเข้ามา
“พระชายา หนู่ปี้เพิ่งนึกออกเรื่องหนึ่งเพคะ เจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้!”
เมื่อเข้ามาในห้อง จิ่นเยว่มองหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยแววตาร้อนรน ทว่ากลับได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มแทน
“หากท่านน้าพูดเร็วกว่านี้ ข้าคงไม่มีทางรับเอาไว้ ตอนนี้…”
นางชี้ไปทางกล่องที่เต็มไปด้วยเศษเล็กเศษน้อย ยิ้มแหยๆ
“ไอ้หยา! คือเจ้านี่จริงๆ ด้วย! หนู่ปี้ผิดเองเจ้าค่ะ หนู่ปี้ประมาทมากเกิน!”
จิ่นเยว่เอ่ยออกมาด้วยความเสียใจ
“ท่านน้า ของสิ่งนี้มีที่ไปที่มาอย่างไร? เมื่อคืนแม้แต่เสียงขยับเพียงเล็กน้อยข้าก็ไม่ได้ยิน”
แปลกจริงเชียว ของชิ้นนี้แหลกละเอียดเป็นผุยผงถึงขนาดนี้ แต่เพราะเหตุใดนางจึงไม่รู้สึกอะไรเลยเล่า?
“ของชิ้นนี้คือทรายชนิดหนึ่งที่มีไว้สำหรับเผาขึ้นรูป แต่กลับคงรูปลักษณ์ได้ไม่นาน ปกติหลังจากที่เผาขึ้นรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลาไม่เกินเจ็ดวันของชิ้นนี้จะแหลกสลายไปเอง แต่ถึงกระนั้นมันกลับกลายเป็นอาวุธในการทำร้ายผู้อื่นได้เป็นอย่างดี”
ยิ่งพูด ฟันก็ยิ่งขบเข้าหากันแน่น
ตอนแรกเพ่ยเจี้ยที่ตามเข้าวังมีทั้งหมดสี่คน แต่เมื่อเข้ามาได้ไม่นานก็ถูกฮองเฮาวางแผนทำร้าย สุดท้ายก็จบลงด้วยการถูกส่งไปอยู่ในยมโลก
ตอนแรกพระสนมเต๋อเฟยยังคงงงงวยว่าเหตุใดสิ่งของที่เคยปกติดีทุกอย่างจึงเปลี่ยนเป็นแหลกสลายเช่นนี้
ต่อมาจึงได้รู้ว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าทรายหมิงซา
มาวันนี้กลับกลายเป็นพระชายาที่ถูกปองร้าย
“โลกใบนี้มีของพรรค์นี้ด้วยหรือ แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ เหตุใดฮองเฮาจึงนำของชิ้นนี้มาทำร้ายข้ากัน?”
จิ่นเยว่เหลือบมองหลินเมิ้งหยา นัยน์ตาสะท้อนความร้อนรนและเสียดาย
“อีกครึ่งเดือนจะเป็นวันเกิดของพระสนมเต๋อเฟย หากอิงจากตามธรรมเนียม แม้เหนียงเหนียงจะอยู่อาศัยที่จวนแห่งนี้ ทว่าฮองเฮาอาจเสแสร้งให้ความสำคัญและเสด็จมายังจวนแห่งนี้ เมื่อถึงเวลานั้น…”
เมื่อถึงเวลานั้น หากรู้ว่าเจ้าแม่กวนอิมแหลกละเอียดไปแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงการลบหลู่ฮองเฮา แต่ยังเป็นการดูหมิ่นพระโพธิสัตว์อีกด้วย
บางทีอาจทำให้หลงเทียนอวี้และพระสนมเต๋อเฟยต้องลำบาก
หลินเมิ้งหยาสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอด กลอุบายอันแสนเลวทราม จิตใจหยาบช้าเกินคน!
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ หากท่านน้าไม่บอกข้า ข้าก็คงยังไม่เข้าใจ”
หลินเมิ้งหยามิได้แสดงท่าทีกระวนกระวาย แต่นางกลับสงบนิ่งและพยายามครุ่นคิดหาทางออก
เจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาพระราชทานมาให้จะต้องมีลักษณะพิเศษโดดเด่นอะไรบางอย่าง เพื่อป้องกันมิให้นางนำของสิ่งอื่นมาแอบอ้างได้
โชคดีที่เมื่อคืนสาวใช้ทั้งสามของนางและหลินจงอวี้จ้องมองมันอยู่นาน บางทีพวกเขาอาจจะจำอะไรขึ้นมาได้
“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?”
พาทั้งสี่เข้ามายังห้องชั้นในของหลินเมิ้งหยา นางปิดประตู คิ้วขมวดเข้าหากัน สายตาจับจ้องคนทั้งสี่
“มีปัญหาเกิดขึ้นกับพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมแล้ว ข้าต้องการถามพวกเจ้าว่าพวกเจ้ายังจดจำกลักษณะของเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นได้หรือไม่?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ทั้งสี่คนชะงักงัน
สวรรค์โปรด นั่นคือพระพุทธรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมที่ฮองเฮาพระราชทานให้!
“หนู่ปี้จำได้เจ้าค่ะ พระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นสวยงามมาก สีของลำตัวใหม่เอี่ยม มิเหมือนกับพระพุทธรูปของพระโพธิสัตว์ในวิหารเลยเจ้าค่ะ!”
คำพูดของป๋ายจื่อยิ่งทำให้หลินเมิ้งหยาแทบทรุด
นี่มัน…น่าจะไม่ใช่รายละเอียดมิใช่หรือ?
ทั้งสี่เริ่มถกเถียงกันถึงลักษณะของพระพุทธรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิม ทว่าคิ้วของหลินเมิ้งหยากลับขมวดเข้าหากันแน่น สีหน้ายิ่งไม่น่ามอง
เพราะเหตุนี้กงกงคนนั้นจึงพยายามให้นางตรวจสอบเจ้าแม่กวนอิมก่อนจะรับมา
เมื่อวันนั้นมาถึง หากฮองเฮาเค้นถามขึ้นมา นางเองก็ยากที่ปฏิเสธ
แล้วทีนี้จะทำเช่นไร?
“นายหญิง ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?” ป๋ายจีเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง นับตั้งแต่ตอนที่ได้รับเจ้าแม่กวนอิมมาจนกระทั่งตอนนี้ คิ้วของนายหญิงยังมิคลายออกจากกันเลย
ตอนนี้ยังเรียกพวกนางมาอีก แสดงว่าจะต้องเกิดเรื่องมิชอบมาพากลขึ้นอย่างแน่นอน
เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หลินเมิ้งหยาจะส่งเสียงอ่อน
“พวกเจ้าไปดูสิ ตอนนี้เจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นแหลกละเอียดไปแล้ว”
ทั้งสี่ตกตะลึง ก่อนจะรีบเปิดกล่องออกดู ผลปรากฏว่าเจ้าแม่กวนอิมที่เคยสวยงามกลับกลายเป็นผุยผงภายในกล่องที่ถูกวางอยู่นิ่งๆ
แววตาของหลินเมิ้งหยาสะท้อนความมุ่งมั่นในการตามหาความจริง เรื่องในคราวนี้นับเป็นบททดสอบหนึ่งของนาง
หากภายในตำหนักของตนเองมีคนของฮองเฮาแฝงตัวอยู่แล้วละก็ คราวนี้คงสามารถลากตัวออกมาได้อย่างแน่นอน
“เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ พี่สาวพระชายา นี่เป็นฝีมือใครทำกันขอรับ?”
หลินจงอวี้จ้องมองเศษผงเหล่านั้นอย่างละเอียด ใบหน้าเรียวเล็กชะงักค้าง
แม้เขาจะเข้ามาอยู่ที่จวนแห่งนี้ได้ไม่นาน แต่เขามักเห็นพี่สาวของตนเองทำอะไรด้วยความระมัดระวังเสมอ แต่ถึงกระนั้นก็ยังถูกทำร้ายนับครั้งไม่ถ้วน
มาวันนี้ต้องเจอเข้ากับปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข ตกลงว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้กันแน่?
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่จากนี้อีกครึ่งเดือน ฮองเฮาเหนียงเหนียงอาจจะเสด็จมาที่นี่ ข้าเกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นคงไม่อาจเอาตัวรอดได้อีกแล้ว”
หลินเมิ้งหยาตอบคำถามอย่างอ่อนแรง
ทั้งสี่คนตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ
หลินจงอวี้ครุ่นคิด อยู่ๆ ก็วิ่งไปตรงหน้าโต๊ะของหลินเมิ้งหยา ก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นมาวาดภาพ
“เสี่ยวอวี้ เจ้า…”
“พี่สาวอย่าเพิ่งตื่นตระหนก แม้เสี่ยวอวี้จะไร้ความสามารถ แต่ข้าจดจำเจ้าของสิ่งนี้ได้มิมีทางลืม หากข้าวาดมันออกมาเสร็จแล้ว พี่สาวหาช่างมาแกะสลักมันก็พอ”
คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวอวี้จะมีความสามารถเช่นนี้ หลินเมิ้งหยาอึ้งไปเล็กน้อย
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!
“นายหญิง แม้หนู่ปี้จะไม่มีความสามารถดั่งเช่นนายน้อยอวี้ แต่หนู่ปี้มีความสามารถในการแกะสลักตั้งแต่เด็ก เมื่อวานหนู่ปี้เองก็ได้มองพระพุทธรูปองค์นั้นอย่างละเอียดแล้ว หากให้เวลาหนู่ปี้สักสามวัน หนู่ปี้จะทำมันขึ้นมาได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
ป๋ายจีเองก็เสนอตัวเข้าช่วย หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าตำหนักของนางจะมีคนมากความสามารถเช่นนี้
นางพยักหน้าลง ออกคำสั่ง
“ป๋ายจื่อ ป๋ายซ่าว สองสามวันต่อจากนี้พวกเจ้าทั้งสองต้องให้ความช่วยเหลือป๋ายจีอย่างสุดความสามารถ ห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนนางและห้ามมิให้ผู้ใดล่วงรู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ ป๋ายซ่าว ข้ามอบหน้าที่นี้ให้เจ้าแล้ว”
ป๋ายซ่าวรีบรับคำด้วยความจงรักภักดี
“นายหญิงได้โปรดวางใจ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็จะมิได้ย่ำกรายเข้าไปในห้องของป๋ายจีเจ้าค่ะ”
นางพยักหน้า เรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่คงต้องฝากความหวังไว้ที่พวกเขาแล้ว
ขณะเดียวกัน จิ่นเยว่และพระสนมเต๋อเฟยที่อยู่ภายในพระตำหนักหยาเสวียนเองก็ไม่อาจทำอะไรเช่นกัน
“เฮ้อ เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดจึงไม่รู้จักระมัดระวังตัวกันนะ คิดหรือว่าจะรับมือกับแผนร้ายของฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ง่ายๆ?”
สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเผยให้เห็นความโศกเศร้าเล็กน้อย
นางถูกบีบออกจากวัง แต่ฮองเฮากลับไม่คิดจะปล่อยนางไป ตอนนี้จึงพุ่งเป้ามาปองร้ายหยาเอ๋อร์แทน
แม้เด็กคนนั้นจะเก่งมากสักเพียงไหน แต่ก็คงมิวายตกหลุมพราง
แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี?
“พระชายายังเด็กเพคะ ไม่มีทางล่วงรู้ถึงแผนการร้ายเหล่านั้น พระสนมลองให้คำชี้แนะแก่พระชายาสักครั้งเถิดเพคะ หนู่ปี้คิดว่าการลงมือของฮองเฮาในคราวนี้ จุดประสงค์คงมิใช่เพียงพระชายาพระองค์เดียวแน่นอน!”
จิ่นเยว่จ้องพระสนมเต๋อเฟยเขม็ง ต้องโทษนางที่อายุมากแล้ว ความจำจึงไม่ดี
ทรายหมิงซาทำร้ายคนมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้นก็หาได้ยากยิ่ง
คิดไม่ถึงเลยว่าฮองเฮาจะนำมันมาทำร้ายหลินเมิ้งหยา
ดูท่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวังวันนั้นจะทำให้ฮองเฮาโกรธมากจริงๆ
“ข้าจะมีคำแนะนำอะไรให้เล่า เฮ้อ ตอนแรกข้าคิดว่านางจะถูกกำจัดได้ยาก แต่ดูท่าแล้ว นางกลับเป็นเพียงผู้นำภัยเข้าบ้านเท่านั้น หากพระชายาของอวี้เอ๋อร์ยังคงเป็นนาง เกรงว่าพระตำหนักแห่งนี้จะไม่สงบสุขอีกต่อไป”
จิ่นเยว่ตกตะลึง ตอนแรกพระสนมเต๋อเฟยยังพึงพอใจในตัวพระชายาอยู่เลยมิใช่หรือ
แต่ใครจะรู้เล่าว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ความคิดของพระนางจะเปลี่ยนไปเช่นนี้ อยู่ๆ นางก็เริ่มไม่พึงพระทัยในพระชายาขึ้นมา
ตกลงว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
หรือพระชายาไปทำอะไรไม่ดีให้พระสนมขุ่นเคืองเข้า?
“เจ้าจงไปถามไถ่คนในจวนว่า ใครสามารถแกะสลักพระพุทธรูปกวนอิมเลียนแบบของฮองเฮาได้บ้าง จากนั้นสั่งให้แกะสลักให้เหมือนที่สุดแล้วส่งมา ส่วนนางจะผ่านเรื่องนี้ไปได้หรือไม่ ก็คงแล้วแต่บุญวาสนาของนาง”
แน่นอนว่าจวนของพวกนางมีคนที่สามารถแกะสลักได้
ทว่าคนเหล่านั้นกลับมิใช่ช่างมืออาชีพ อีกทั้งของสิ่งนั้นยังถูกพระราชทานมาจากฮองเฮา แล้วพวกเขาจะเคยเห็นได้อย่างไร
ดูท่า เหนียงเหนียงคงไม่คิดช่วยเหลือพระชายาแล้ว
จะทำเช่นไรดี?
ทางด้านหลินเมิ้งหยากำลังแอบแกะสลักขึ้นใหม่เงียบๆ จิ่นเยว่ครุ่นคิด สุดท้ายจึงแอบไปหาหลงเทียนอวี้
ขณะนี้เขากำลังฝึกฝนวิทยายุทธ์อยู่ในลานประลอง สวมใส่ชุดสีดำถมึงทึง ร่างกายกำยำแข็งแรง ทุกสัดส่วนล้วนดูงดงาม
ดาบสีเงินด้ามยาวกวัดแกว่งเหนืออากาศ ทุกการตวัดฟาดมักมีเสียงดังประหนึ่งเสียงฟ้าร้อง
จิ่นเยว่มองหลงเทียนอวี้ด้วยความภาคภูมิใจ นางดูแลเขามาตั้งแต่เด็กจนโต ตัวนางเองก็อาจถือได้ว่าเป็นแม่นมของเขาเช่นกัน เพราะเหตุนี้หลงเทียนอวี้จึงปฏิบัติกับนางแตกต่างจากผู้อื่น
“ท่านน้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เขาเก็บดาบ จิ่นเยว่ถือผ้าเช็ดหน้าเข้ามา แล้วซับเหงื่อบนหน้าผากของหลงเทียนอวี้
นัยน์ตาแฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยน แต่ถึงกระนั้นก็ยังเผยความกังวลออกมาให้เห็น
“หรือหมู่เฟย…”
คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน เขาคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหมู่เฟย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่นเยว่จะส่ายหน้า
************************
1 หนู่ปี้ สรรพนามแทนตัวข้าทาส สาวใช้