ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 2 บทที่ 38 ล่อเสือออกจากถ้ำ
“วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้ ใครก็ได้เข้ามา หักคางของเขา ดึงกระดูกทั้งสี่แห่งให้หลุด ตอนกลางคืนเขาจะได้ไม่เอาหัวโขกกำแพงฆ่าตัวตาย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีอะไรให้เล่นอีก”
หลินเมิ้งหยายกมือขึ้นปิดปาก ก่อนจะหาวออกมาเบาๆ
ทว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกลับตื่นกลัวจนฉี่ราด แม้จะจ้องมองหลินเมิ้งหยา ทว่าสายตากลับสะท้อนภาพปีศาจจากนรก
องครักษ์ของจวนรีบลงมือตามคำสั่ง เมื่อเสียงกระดูกหักดังขึ้น ร่างกายของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนไปราวกับเป็นสัตว์อันไร้ซึ่งกระดูกสันหลัง ร่างของเขาขดอยู่ที่มุมหนึ่ง
“วันนี้เหนื่อยมากแล้วจริงๆ พวกเรากลับกันเถอะ พวกเจ้าจับตามองเขาเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้หนีไปได้ เข้าใจหรือไม่?”
ทิ้งองครักษ์ไว้ที่นี่สองคนเพื่อยืนเฝ้าหน้าประตูคุกของเด็กหนุ่ม
ทันทีที่ออกจากประตูคุก ความเหนื่อยล้าถูกกำจัดออกไป หลินเมิ้งหยากลับมามีพละกำลังดังเดิม
นางหมุนตัว จากนั้นเข้าไปยังห้องขังอีกห้องหนึ่ง องครักษ์สองคนที่อยู่ด้านในกำลังโยนเนื้อหมูเข้าเตาถ่าน
กลิ่นเนื้อไหม้ที่ทำให้เด็กหนุ่มกลัวจนฉี่ราดคือกลิ่นของเนื้อหมูเหล่านี้
“พระชายา!” เมื่อหลินเมิ้งหยาเข้ามา องครักษ์ทั้งสองจึงลุกขึ้นยืนถวายคำนับ
คนที่ตามหลินเมิ้งหยาเข้ามาล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึง องครักษ์ทั้งสองผงะ
“พระชายาฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก คิดไม่ถึงเลยว่าจะวางอุบายเอาไว้เพื่อให้เด็กคนนั้นพูดความจริง ข้าน้อยเลื่อมใสยิ่งนัก” หลินขุยอดไม่ได้ที่จะถวายคำนับหลินเมิ้งหยาด้วยความเคารพนับถือ การเอาชนะศัตรูโดยไม่เสียไพร่พลคือวิธีการรบที่ฉลาดที่สุด
พระชายามิได้เสียเลือดเนื้อ แต่กลับทำให้หัวใจของศัตรูหวาดกลัว กลอุบายเช่นนี้น่าเลื่อมใสยิ่งนัก
“ไม่หรอก เมื่อยืนอยู่ด้านหน้านักรบอย่างพวกเจ้า ข้าก็เป็นเพียงแมลงตัวจ้อยเท่านั้น คืนนี้พวกเราต้องเฝ้าระวังทั้งคืน เกรงว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ!”
ก่อนเดินทางออกจากตำหนัก พ่อบ้านเติ้งและหลินขุยถูกท่านอ๋องสั่งว่าให้เชื่อฟังคำสั่งพระชายา
อีกอย่าง กลอุบายของพระชายาเมื่อครู่ทำให้พวกเขารู้สึกเลื่อมใสเหลือเกิน
แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่พระชายาพูด แต่เมื่อบอกให้พวกเขารอ ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็จะทำตามอย่างเคร่งครัด
“พระชายาขอรับ พระองค์จะจัดการกับเจ้าคนที่ปลอมตัวเป็นสาวใช้คนนั้นอย่างไร? หรือจะข่มขู่ทำให้เขาหวาดกลัวดั่งเช่นเด็กหนุ่มผู้นั้น?” หลินขุยคิดไม่ออกเลยว่าพระชายายังจะมีวิธีการอันใดในการสั่งสอนคนผู้นั้น
“ไม่ต้อง ใช้การทรมานก็เพียงพอแล้ว หาความจริงออกมาให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ฆ่าเขาทิ้งเสีย”
ก็แค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง เขาไม่มีค่าพอที่จะใช้งาน
การที่ถูกส่งมาตายเช่นนี้ นางเชื่อว่าเขาคงมิใช่สลักสำคัญอะไร ฉะนั้นจะตายก็ตายไปเถอะ
“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”
หลินขุยรีบออกคำสั่ง ในเวลากลางคืน หลินเมิ้งหยาสั่งทุกคนว่าจะต้องระวังทุกย่างก้าวในการเข้าออก อีกทั้งพวกเขาต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของผู้คุม
ทุกชั่วยามจะมีคนของนางปลอมตัวเป็นผู้คุมเข้าไปตรวจสอบห้องขัง
เด็กหนุ่มคนนั้นมิต่างอะไรจากหมาข้างถนน เขายังคงขดตัวอยู่ในมุมหนึ่ง
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่บนเก้าอี้และดื่มด่ำกับชาหอมที่ผู้ว่าการนำมาให้
“พระชายาขอรับ เวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว ยังต้องรอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” พ่อบ้านเติ้งขมวดคิ้วเข้าหากัน พระชายาไม่กลับตำหนักทั้งคืน หากเรื่องนี้ถูกแพร่ข่าวออกไปจะมิใช่เรื่องดี
“ใช่ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าผ่อนคลายจนเกินไป” หรือว่าค่ำคืนนี้จะผ่านไปอย่างสงบ?
หลินเมิ้งหยาไม่เชื่อ ฉะนั้นนางจึงยังคงรอ
เป็นไปตามคาด หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วยาม องครักษ์ของจวนอวี้รีบร้อนเข้ามารายงาน
รายงานว่ามีนักฆ่าจำนวนมากลอบเข้าไปยังพระตำหนัก ท่านอ๋องกำลังตกอยู่ในอันตราย
แต่ว่าองครักษ์ฝีมือดีล้วนถูกหลินเมิ้งหยาเลือกให้มาอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงมาขอความช่วยเหลือ
หลินเมิ้งหยาเหลือบมององครักษ์ที่มีเลือดท่วมตัว สุดท้ายนางพยักหน้าให้กับพ่อบ้านเติ้ง หรือว่านี่จะเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ เมื่อองครักษ์ไม่อยู่ พวกเขาจึงคิดจะเข้าไปทำร้ายท่านอ๋อง?
“พระชายา ถ้าเช่นนั้นท่านกลับไปกับพวกกระหม่อมดีกว่าหรือไม่?”
หลินขุยเรียกรวมพลองครักษ์สิบสามคนเพื่อเตรียมกลับตำหนัก
ทว่าเขาไม่วางใจที่จะปล่อยให้พระชายาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว
แต่หลินเมิ้งหยากลับส่ายหน้า “อยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่าในจวน สู้พวกเจ้ากลับไปจัดการนักฆ่าก่อนแล้วค่อยกลับมารับข้าจะดีกว่า”
หลินขุยครุ่นคิด ก่อนจะพาองครักษ์กลับไปยังจวน
ภายในห้องสอบสวนที่แออัดเมื่อครู่ บัดนี้เหลือเพียงห้าหกคนเท่านั้น
หลินเมิ้งหยายังคงนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้ ทว่าดวงตากลับเผยให้เห็นถึงความกระวนกระวาย
“พระชายา ดูเหมือนด้านนอกจะมีคนมา หรือว่าพวกหลินขุย…”
พ่อบ้านเติ้งได้ยินเสียงฝีเท้า เขาคิดจะไปเปิดประตู ทว่าถูกหลินเมิ้งหยารั้งเอาไว้
นางส่งสัญญาณมือ ก่อนจะปีนขึ้นไปบนเก้าอี้แล้วหรี่ตามองลอดผ่านรูเพื่อดูเหตุการณ์ทางด้านนอก
บนทางเดิน ผู้คุมคนหนึ่งเดินถือคบไฟไปทางห้องคุมขังของเด็กหนุ่ม
ซ้ายขวาไร้ซึ่งผู้คน เขาเปิดประตูแล้วพุ่งตัวเข้าไป
ไม่นาน ภายในคุกที่มืดมิด เสียงแผดร้องเพราะความเจ็บปวดทรมานของเด็กหนุ่มดังออกมา มุมปากของหลินเมิ้งหยาเผยให้เห็นรอยยิ้ม
ดูเหมือน…นางจะล่อเสือออกจากถ้ำได้สำเร็จ
“พระชายา ด้านนอกเกิดเหตุอันใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
พ่อบ้านเติ้งกดเสียงให้ต่ำลง แม้แต่เขาเองก็รู้ได้ทันทีถึงความผิดปกติจากสีหน้าของพระชายา ดูท่าแล้วด้านนอกจะต้องไม่ใช่พวกหลินขุยอย่างแน่นอน
“อีกเดี๋ยว หากมีใครมา ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด ห้ามส่งเสียงตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น เข้าใจหรือไม่?”
พ่อบ้านเติ้งหยักหน้าลง ขณะเดียวกันหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์ที่เหลือ
ผลปรากฏว่าหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เด็กหนุ่มที่ปล่อยให้ผู้อื่นทำร้ายโดยไม่ตอบโต้เดินออกมาจากห้องขัง
ทว่ารูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ก่อนเขามีใบหน้าหล่อเหลา ทว่าตอนนี้กลับดูเย้ายวนน่าหลงใหล
ถูกต้อง เย้ายวน หรืออาจจะพูดได้ว่าเพียงใครได้มองเห็นเข้าก็จะรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง
ดูเหมือนว่าก่อนหน้านั้นที่เขาแสดงความขี้ขลาดออกมาจะเป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น แสดงเก่งยิ่งนัก อีกนิดเดียวนางก็เกือบถูกหลอกแล้ว
“ออกมาเถอะ ไม่ต้องซ่อนหรอก องครักษ์ของเจ้าออกไปหมดแล้ว หากเจ้ายอมออกมาแต่โดยดี ข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า” กระดูกของเขาถูกต่อกลับไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มกลับยังไม่คุ้นชิน
สีหน้าเคร่งขรึมราวกับมีแผนร้ายบางอย่าง ใบหน้าเย้ายวนของเขาซูบซีดจนน่าประหลาดใจ
หลินเมิ้งหยาไม่ได้โง่ หากนางตอบโต้กลับไป นางคงมิวายต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน!
“ไม่ออกมาอย่างนั้นหรือ? ข้าชอบเกมแมวจับหนูมากเป็นพิเศษ เจ้าต้องซ่อนตัวให้ดี ข้า…จะไปจับตัวเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!” ภายใต้แสงไฟสลัว ฟันสีขาวสะอาดของเด็กหนุ่มเผยออกมาให้เห็น ทว่าท่าทางของเขาเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย
หลินเมิ้งหยาค่อยๆ กลับมายืนด้านหน้าประตู ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องแอบดูอีกต่อไป เหตุเพราะเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้วางแผนหลบหนีนาง
สามารถแสดงละครได้อย่างแนบเนียน อีกทั้งยังอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส ตกลงแล้วเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันแน่?
“ฉู่อัน ออกค้นหาทุกคน! เจ้าจะต้องจับตัวสาวคนสวยผู้นั้นมาให้ได้ จำเอาไว้…เหยีย1ต้องการนางที่ยังมีลมหายใจ!”
ชายผู้ซึ่งสวมใส่ชุดคุมโค้งคำนับ จากนั้นเงาจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏออกมาภายใต้ความมืด
ตอนนี้เองที่หลินเมิ้งหยาฉุกคิดได้ว่าหนอนบ่อนไส้ที่นางกำลังตามหา แท้จริงแล้วเป็นคนของที่ว่าการแห่งนี้
แน่นอนว่า แม้แต่ภายในตำหนักอวี้เองก็มีหนอนบ่อนไส้เช่นเดียวกัน
แต่คนที่รู้ว่านางออกมาที่หยาเมิน อีกทั้งยังสร้างเรื่องพ่อลูกคู่นั้น แล้วไหนจะก่อความวุ่นวายบนถนน สุดท้ายยังสามารถส่งนักฆ่ามากมายเข้าไปยังตำหนัก
นอกจากคนของที่ว่าการแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีความเป็นไปได้อื่นใดอีก
โชคดีที่นางลงกลอนประตูข้างในเอาไว้ ดังนั้นแม้ด้านนอกจะสังเกตเห็น แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องใช้เวลาราวชั่วโมงครึ่งกว่าจะเข้ามาได้
“นายน้อยขอรับ ค้นหาทั่วทุกแห่งแล้ว ทว่าไม่พบแม้แต่เงาของผู้หญิงคนนั้นขอรับ” เสียงของฉู่อันทุ้มต่ำ ทว่าน้ำเสียงแสดงให้เห็นถึงความเคารพนับถือเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่านายน้อยเลิกคิ้วขึ้น ท่าทางของเขาเสมือนคนที่กำลังยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม ก่อนจะหันมามองทางห้องที่หลินเมิ้งหยาซ่อนตัวอยู่
“เอาล่ะคนสวย เหยียจะไว้หน้าเจ้า หากเจ้ายังไม่ยอมออกมา เช่นนั้นเหยียก็จะไม่เกรงใจ!” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแฝงไว้ซึ่งอารมณ์หยอกเย้าราวกับกำลังเล่นสนุก
หลินเมิ้งหยาแอบตกใจ นี่เด็กคนนี้กำลังล้อนางเล่นหรือนี่
แต่เขาคิดว่า…เขาจัดการนางได้อยู่หมัดแล้วอย่างนั้นหรือ?
“ถ้าข้าไม่ออกไป เจ้าจะทำอะไรข้าได้? เจ้าเป็นเหยียจากที่ใดกันหรือ ทั้งที่อายุยังน้อย แต่กลับทำตนเสมือนผู้ใหญ่” อยู่ๆ เสียงของหลินเมิ้งหยาก็ดังออกมาจากหน้าประตู ทว่าน้ำเสียงของนางมิได้ไว้หน้าฝ่ายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
แต่เด็กหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้าน เขาหัวเราะเสียงดังลั่นจนน้ำตาไหล
“ฮ่าๆ…แม่คนงามผู้นี้น่าสนใจจริงเชียว แม้เหยียจะดูเหมือนคนอายุยังน้อย แต่เหยียได้ฝึกฝนวิชาแห่งความเยาว์วัย ฉะนั้นเมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว เหยียอาจเป็นพ่อของเจ้าได้ด้วยซ้ำ”
เสียงหัวเราะดังกังวานมากเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในช่วงเวลายามค่ำคืน
แต่หลินเมิ้งหยากลับรู้ดีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้รับมือได้ยากมาก
“ปากเจ้าแทนตัวว่าเหยีย แล้วนี่ยังจะบอกว่าเป็นพ่อข้าได้อีก เช่นนั้นแม้แต่ลูกชาย หลานชายเจ้าก็คงเป็นได้หมด คิก คิก ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะมีความอดทนเช่นนี้”
เมื่อเทียบความฉลาดทางวาจาแล้ว แม้แต่ตอนที่มีชีวิตอยู่ในชาติก่อนนางก็ไม่เคยกลัวผู้ใด!
“โอ้ เจ้าเองก็มีวาจาฉลาดหลักแหลมเช่นกันนี่ ตอนแรกเหยียคิดจะคุยกับเจ้าดีๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไร้เยื่อใยเช่นนี้ ฉู่อัน เจ้าจงพาเจ้าพวกขยะเหล่านั้นไปนำตัวนางออกมาจากกระดอง ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ช่าง”
“ขอรับ นายน้อย” เด็กหนุ่มหยักยิ้มอย่างมีความอดทน ก่อนจะเร้นกายหายเข้าไปในความมืด
หลินเมิ้งหยาจ้องมองฉู่อันผู้นั้นด้วยความสงสัย ก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผลเพื่อหากลอุบาย
“นี่เป็นคำสั่งของนายน้อย หากเจ้ายังไม่ออกมา อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”
เมื่อเทียบกับเจ้านายแล้ว คำพูดของฉู่อันชัดเจนกว่ามาก ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมิได้ใส่ใจ ประตูบานนี้แข็งแรงยิ่งนัก สุดท้ายนางจึงตอบโต้อีกครั้ง
“กลับไปบอกนายน้อยของเจ้าด้วยว่า…เขาเป็นตัวอะไรอย่างนั้นหรือ! ห้องที่ทำจากหินของข้านี้ไม่อาจถูกพังลงได้ด้วยหอกดาบหรือปลายธนู หากพวกเจ้ามีความอดทนมากพอก็ลองพังมันเข้ามาสิ!”
พ่อบ้านเติ้งและทหารองครักษ์อีกสามคนล้วนขมวดคิ้วเข้าหากันขณะมองหน้าหลินเมิ้งหยา สายตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ
พระชายา…เหตุใดจึงปากคอเราะรายเช่นนี้? นางมิเหมือนคุณหนูผู้ดีเลยแม้แต่น้อย
หรือพระชายายังมีแผนการอันใดซ่อนเอาไว้?
**********************
1 เหยีย คือคำสรรพนามแทนตนเองของผู้สูงศักดิ์กว่า เช่น เจ้านาย