ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 15 บทที่ 430 แข่งขันการแสดง
หลินเมิ้งหยาทำผิดเรื่องใด? หลงเทียนอวี้รู้เพียงว่าคำโป้ปดมดเท็จเหล่านี้ไม่มีมูลเลยแม้แต่น้อย
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีที่สุดว่าชายาของเขาหาใช่ลูกพลับนิ่ม นางไม่มีวันตกหลุมพรางพวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างแน่นอน นางมักไตร่ตรองทุกสิ่งอย่างรอบคอบก่อนเสมอ แต่ซู่เหมยผู้นี้กลับใส่ร้ายป้ายสีหลินเมิ้งหยาอย่างหน้าไม่อาย เขานึกชังคนประเภทนี้ที่สุด
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าซู่เหมยยังจะมีกลเม็ดอะไร
ทั้งสองเดินไปยังสถานที่ไม่ไกลจากค่าย แม้ทุกคนจะยังเห็นพวกเขาได้ แต่กลับไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูด
ซู่เหมยก้มหน้าลงตลอดเวลา ราวกับว่าลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง หลงเทียนอวี้กลับพยายามอดทนอดกลั้น แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก ดวงตาจับจ้องมองสตรีตรงหน้าเพื่อรอฟังคำโป้ปดของนาง
“เจ้าลองบอกมาเถิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
เขาไม่อยากออกห่างจากค่ายมากนัก มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เขาคงเข้าไปปกป้องหลินเมิ้งหยาไม่ทันท่วงที
ซู่เหมยกัดริมฝีปากแน่น ราวกับว่าไม่กล้าเอื้อนเอ่ยวาจา หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายจึงเงยหน้าขึ้นพลางกล่าวเสียงเบา
“คุณหนูหยวนมิใช่น้องสาวของท่านใช่หรือไม่ แต่ไม่ว่านางจะมีฐานะเช่นไร แต่นางกลับทำเรื่องมิดีมิงามกับผู้ชายในหุยชุนฟางเจ้าค่ะ”
หุยชุนฟาง? ซ้ำยังทำเรื่องมิดีมิงามกับผู้ชาย?
สายตาของหลงเทียนอวี้เยียบเย็น อยู่ๆ เขาก็นึกอยากหยั่งเชิงนางอีกสักหน่อย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? พูดออกมาให้ชัดเจน!”
ในใจของซู่เหมยนึกกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่บนใบหน้าหัวคิ้วกลับขมวดมุ่น แสร้งทำท่าทีเป็นกังวลก่อนจะเอ่ยต่อ
“ดูท่าพี่ต้าหยวนคงจะไม่รู้เรื่องนี้ คืนวันนั้นคุณหนูหยวนสวมใส่ชุด…ชุดที่แม้แต่ข้าได้เห็นยังรู้สึกกระดากอาย ซ้ำยังทำท่าทางก้อร่อก้อติกเย้ายวนผู้ชาย ข้าเห็นกับตาว่านางพร้อมมอบกายถวายตัวให้กับชายคนนั้น อีกทั้งยัง…”
“พอแล้ว!”
ซู่เหมยราดน้ำมันลงกองไฟจนทำให้ดวงตาของหลงเทียนอวี้วาวโรจน์อย่างมีโทสะ
มองใบหน้าถมึงทึงของเขา ซู่เหมยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจ
ผู้ชายก็มักจะเป็นเช่นนี้ เพียงได้ยินว่าผู้หญิงของตนเองเย้ายวนชายอื่น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
มองดูสายตาเปี่ยมโทสะของอีกฝ่าย ซู่เหมยยื่นมือเข้าไปจับหลงเทียนอวี้พร้อมทั้งแสร้งทำท่าทางเห็นใจเขา
“อันที่จริงพี่ต้าหยวนมิจำเป็นต้องโมโหถึงเพียงนี้ บางทีข้าอาจเข้าใจแม่นางหยวนผิดไป อีกอย่างแม่นางหยวนก็ทำเพื่อช่วยข้ากับอาซิ่วจึงจำเป็นต้องไปยังสถานที่เช่นนั้นมิใช่หรือเจ้าคะ? แต่เพราะข้าได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า ดังนั้นอาซิ่วและแม่นางหยวนจึงมักหาเรื่องข้า อันที่จริงข้ามิใช่คนปากมาก ที่ข้ามาหาท่านในวันนี้ก็เพราะข้าหวังว่าพวกแม่นางทั้งสองจะเลิกเข้าใจข้าผิดเสียที”
ปากมากอย่างเห็นได้ชัด คนแบบนางสมควรตาย!
หลงเทียนอวี้ปรายตามองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะสะบัดตัวเดินกลับไป
ซู่เหมยมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย รอยยิ้มพลันปรากฏบนใบหน้า
ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่เถ้าแก่บอก ยิ่งเป็นบุรุษเก่งกาจมากความสามารถก็จะยิ่งรับไม่ได้กับการนอกใจของสตรีของตน
ดูเหมือนวันเวลาแห่งความสุขของคุณหนูหยวนจะจบลงแล้ว!
“นางมาหาเจ้าทำไม?”
ชิวอวี้มองเห็นหลงเทียนอวี้และซู่เหมยเดินเข้าไปในป่าด้วยกัน สำหรับซู่เหมยคนนี้ แม้เขาจะไม่ชอบแต่ก็มินึกรังเกียจ
ทว่าเขารู้สึกว่านางทำตัวเกินงามมากไปแล้ว
หลงเทียนอวี้ที่เพิ่งเดินกลับมาไม่แม้แต่จะชายตามองเขา อีกทั้งยังสาวเท้ายาวๆ เข้าไปในกระโจมเหมือนกำลังจะเข้านอนแล้ว
แปลก ดูเหมือนเขากำลังมีโทสะ หรือซู่เหมยทำให้เขาขุ่นเคืองกัน?
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่อยากสนทนากับพี่ต้าหยวนเท่านั้น ลมยามค่ำคืนเย็นยิ่งนัก ระวังจะเป็นหวัดเอานะเจ้าคะ”
ซู่เหมยเดินตามหลังหลงเทียนอวี้กลับมา ใบหน้าผ่อนคลายและภูมิอกภูมิใจมลายหายไปแล้ว
ชิวอวี้มิได้คิดอะไรมาก เหตุเพราะหลินเมิ้งหยาบอกแล้วว่าเมื่อถึงตัวเมืองจะหาสถานที่สงบให้แก่สองพี่น้องคู่นี้
มองรอยยิ้มอ่อนหวานของซู่เหมย เขายิ่งรู้สึกประหลาดใจ
หันหน้ากลับมามองกองไฟ ชิวอวี้ส่ายหน้าน้อยๆ
หาใช่เรื่องของเขาไม่ ถึงอย่างไรสองพี่น้องคู่นี้ก็เพียงแค่ติดรถมาระหว่างทางเท่านั้น
ท่ามกลางค่ำคืนเงียบสงัด แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่เคยมานอนที่นี่มาก่อน แต่เพราะมีความอบอุ่นจากกองไฟ อีกทั้งยังกลิ่นหญ้าและผ้านวมผืนโตทำให้หลินเมิ้งหยาหลับสนิท
รีบล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนทุกคน ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็กลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
เดินออกจากกระโจม กลิ่นหอมของธรรมชาติทำให้จิตใจของนางเบิกบาน
ดีจริงๆ การพักผ่อนย่อมสำคัญที่สุด วันนี้พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับอันตราย
“พี่ใหญ่ ญาติผู้พี่ พวกท่านนอนหลับสบายดีหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาเดินเข้าไปยังนอกกระโจมของพวกผู้ชาย แต่นางกลับไม่พบแม้แต่เงาของหลงเทียนอวี้และชิวอวี้
เอ๋? หรือพวกเขาจะตื่นก่อนนาง?
เพียงหมุนตัวกลับก็ได้เห็นร่างบางในชุดสีเหลืองนวลของซู่เหมย สีหน้าหวาดหวั่นครั่นคร้ามหายไปไม่เหลือร่องรอย อีกทั้งยังมีรอยยิ้มขวยเขินเข้ามาแทนที่
นางกำลังยื่นผ้าเช็ดหน้าของตนเองให้กับ…หลงเทียนอวี้!
สิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือหลงเทียนอวี้รับมันไป!
อารมณ์ขุ่นมัวเกิดขึ้นในใจอยู่หลายส่วน
หลงเทียนอวี้มีคนคอยรับใช้ตั้งแต่เด็กจนโต แต่นี่เขาถึงกับรับผ้าเช็ดหน้าของซู่เหมยต่อหน้านาง หรือเขาไม่กลัวว่าจะถูกเข้าใจผิด?
ถลึงตามองพวกเขาทั้งสอง ทว่าหลินเมิ้งหยายังคงมองการใหญ่สำคัญที่สุด
ทว่าอารมณ์เบิกบานในเช้าวันนี้พลันมีเมฆดำขมุกขมัวเข้ามาแทนที่ หมุนตัวกลับไปยังกระโจมของตนเองแล้วนั่งลงบนเตียง สีหน้าหม่นหมอง
“เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? ใครทำให้ท่านขุ่นเคืองกัน?”
ป๋ายซ่าวยกอ่างล้างหน้าเข้ามา เหตุใดเวลาเพียงครู่เดียวจึงทำให้นายหญิงที่แย้มยิ้มเบิกบานสำราญใจแต่เช้ากลับมีใบหน้าบึ้งตึงเช่นนี้เล่า?
“ไม่มีใครทำอะไรข้าทั้งนั้น พวกเขาล้วนยินยอมรับน้ำใจของอีกฝ่าย ข้าเป็นเพียงคนเก่า เห็นแล้วรำคาญตา”
คนเก่าอะไรกัน? ป๋ายซ่าวเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะโผล่หน้าออกไปมองนอกกระโจม เมื่อเข้าใจแล้วจึงได้รู้ว่านายหญิงกำลังหึงหวงอยู่นั่นเอง
“เพียงเท่านี้ก็มีโทสะแล้วหรือเจ้าคะ? อันที่จริงเรื่องนี้คงตำหนิท่านอ๋องไม่ได้ ใครใช้ให้ท่านแต่งกายเป็นชายกันเล่า? หากท่านยอมแต่งตัวเป็นหญิง มีหรือแม่นางซู่เหมยจะสู้ท่านได้?”
ป๋ายซ่าวรู้จักหลินเมิ้งหยาดี ครั้นคุณหนูเจียงยังอาศัยอยู่ในจวน แม้นางจะไม่มีหน้าตางดงามเพริศพริ้ง แต่เมื่อเทียบกับซู่เหมยแล้ว คุณหนูเจียงนับว่าเป็นคุณหนูสูงศักดิ์และเพียบพร้อมยิ่งกว่า ตอนนี้ซู่เหมยเพียงมอบผ้าเช็ดหน้าให้กับท่านอ๋อง แต่ตอนนั้นคุณหนูเจียงถึงกับมอบกายถวายตัว ทว่านายหญิงกลับไม่รู้สึกขุ่นเคืองเช่นนี้
“พรืด” เสียงดังขึ้น ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็อดไม่ไหว นางหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น
ดวงตาคู่สวยจับจ้องป๋ายซ่าว ทว่าคิ้วยังคงขมวดมุ่น
“เจ้ามิต่างอันใดจากพยาธิในกระเพาะข้าเลย แม้ข้าจะปิดบังคนอื่นได้ แต่ก็ไม่อาจหลอกเจ้าได้ไม่ การแสดงของข้าเมื่อครู่สมจริงหรือไม่?”
ป๋ายซ่าวล้างมือ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ
“สมจริงเจ้าค่ะ! มิต่างจากแม่เสือเลยแม้แต่น้อย”
สองนายบ่าวหัวเราะคิกคัก แต่พวกนางไม่กล้าหัวเราะออกมาดังนัก เหตุเพราะกลัวใครจะเห็นเอาได้
“แปลก หรือเมื่อคืนซู่เหมยจะพูดอะไรกับหลงเทียนอวี้?”
หลินเมิ้งหยารู้จักหลงเทียนอวี้ดี หากเขาพึงใจซู่เหมยจริง ขณะรับผ้าเช็ดหน้าจากซู่เหมยไป ร่างกายของเขาคงไม่แข็งทื่อประหนึ่งคนกำลังลังเลว่าจะโยนทิ้งดีหรือไม่เช่นนั้น
เหล่ามวลบุปผารูปร่างหน้าตาฐานะเพียบพร้อมในเมืองหลวงล้วนไม่ถูกตาต้องใจของเขาเลยแม้แต่น้อย
เช่นนั้นดอกบัวตมที่งดงามสู้หางสุนัขไม่ได้ผู้นี้จะอยู่ในสายตาเขาได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงหรูฉินเคยใช้ท่าทางรบเร้าเย้ายวนเช่นนี้แทบทุกกระบวนท่าแล้ว หากหลงเทียนอวี้ชื่นชอบ เช่นนั้นจวนอวี้คงไม่มีนางเป็นชายาเอกอยู่เพียงผู้เดียว
“ข้าเองก็เดาไม่ถูกว่านางพูดเรื่องอะไร แต่ท่านอ๋องจะต้องมีเหตุผลให้ทำเช่นนี้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านเป็นคนฉลาด เช่นนั้นจะต้องทายถูกอย่างแน่นอน”
ป๋ายซ่าวล้างหน้าแปรงฟังพลางกระซิบเสียงเบา
หลินเมิ้งหยาพยักหน้า ไม่ว่าซู่เหมยจะใส่สีตีไข่เช่นไร แต่คาดว่าหลงเทียนอวี้จะต้องจับผิดได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นเขาจึงจงใจทำให้ซู่เหมยลำพองใจเช่นนี้
เพียงแต่…เขาโง่เหลือเกิน แค่การแสดงก็ทำได้ไม่แนบเนียนเลยแม้แต่น้อย หากถูกซู่เหมยจับได้จะมิเป็นการเสียแรงเปล่าหรือ?
กลอกตาเล็กน้อย หลินเมิ้งหยานึกถึงตัวช่วย
อาซิ่วเดินกลับเข้ามาพอดี มุมปากหลินเมิ้งหยายกขึ้นน้อยๆ นางแสร้งแสดงท่าทางโกรธเกรี้ยวจนอาซิ่วต้องเดินเข้ามาหา
“พี่เสี่ยวหยวนเป็นอะไรไปหรือ?”
เพียงได้เห็นใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของหลินเมิ้งหยา อาซิ่วรีบร้องถาม
หลินเมิ้งหยาไม่พูดอะไร นางปรายตาไปทางซู่เหมยและหลงเทียนอวี้ ท่าทางของนางเสมือนกำลังเจ็บปวดจนอยากจะร้องไห้
“นาง…นางบังอาจยั่วยวนพี่ต้าหยวน! ข้าว่าแล้วเชียวว่านางมิใช่คนดี! ท่านรอก่อน อย่าร้องไห้เลย ข้าจะไปสั่งสอนชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นเอง สายตาชายคนนี้แย่ยิ่งนัก ท่านยังอยากจะได้เขาอีกหรือ!”
อาซิ่วยกแขนเท้าเอว ท่าทางเหมือนคนกินรังแตนมา
เหตุที่หลินเมิ้งหยาปิดบังอาซิ่ว นั่นก็เพราะนางไร้เดียงสาเกินไป
ในสายตาของนาง หากนางมองว่าคนนี้คือคนดี คนที่นางมองย่อมเป็นคนดีมิผิดแน่ หากนางมองว่าเป็นคนเลว ต่อให้เขาถูกโยนลงแม่น้ำเพื่อชำระล้างความผิดสักกี่ครั้งก็ยังเป็นคนเลวอยู่วันยังค่ำ
แต่โชคดีเหลือเกินที่เป็นเช่นนี้ ขอเพียงมีอาซิ่วอยู่ เท่านี้นางก็สามารถเสริมอารมณ์ที่ขาดไปในละครตบตาของหลงเทียนอวี้ได้แล้ว
“อย่าเลยอาซิ่ว ในเมื่อพวกเขาชอบพอกัน เช่นนั้นก็ปล่อยพวกเขาไปเถิด พวกเราไปกันดีกว่า อย่าไปมองพวกเขาเลย”
หลินเมิ้งหยาแสร้งทำเสียงสะอื้น
ทว่าฟางเส้นสุดท้ายของอาซิ่วขาดผึงแล้ว!