ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 14 บทที่ 406 ไม่มีใครยอมใคร
หากหลินเมิ้งหยาอ่านใจหลงเทียนอวี้ออก นางจะต้องหัวเราะขบขันอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้นางกำลังถูกท่าทางสบายอุราของเขาโจมตี
เท่าที่นางจำได้ หลงเทียนอวี้เป็นคนหยิ่งทะนง เขาไม่ชอบให้ใครยั่วยุเขา
ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าภายนอกเขาดูเย็นชา แต่ที่จริงเขาเป็นคนอบอุ่นและเอาใจใส่เป็นอย่างมาก
หัวใจว้าวุ่น ดังนั้นจึงก้มลงกินขนมของร้านหรูอี้ในมือ
แต่นางกลับพบว่ารสชาติของขนมยิ่งหวานล้ำขึ้นกว่าเดิม
ช่างเถิด หากขบวนการค้าได้รับการคุ้มครองจากหลงเทียนอวี้ เช่นนั้นพวกเขาจะปลอดภัยมากกว่าเดิม
อุตส่าห์ได้รับการคุ้มกันโดยไม่ต้องจ่าย เช่นนั้นจะไม่ใช้งานได้อย่างไร
ตอนนี้เข้าสู่ช่วงฤดูวสันต์แล้ว กิ่งก้านสาขาต้นไม้ที่เคยเป็นสีน้ำตาลเริ่มมีสีเขียวขึ้นแซม
ขบวนการค้าเดินทางมาได้สามวันแล้ว หากยังเดินทางต่อไปเช่นนี้ คาดว่าอีกห้าวันจะถึงเมืองตลาดการค้าระหว่างแคว้น
ถนนสายนี้อยู่ใกล้กับเมืองหลินเทียนมากที่สุด หากใช้เส้นทางนี้ในการเดินทาง แม้อาจจะเจออันตรายอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าต้องเดินทางอ้อมซึ่งต้องกินเวลานานถึงครึ่งเดือนจึงจะถึงที่หมาย
มองถนนเบื้องหน้า หลินเมิ้งหยารู้สึกกังวลเล็กน้อย
แม้กลุ่มสามสหายจะเติบโตมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็กลายเป็นที่จับตามองของกลุ่มอื่นๆ
หยุนจู๋เล่าว่าเมื่อเดือนก่อนมีคนมากมายเข้ามาหยั่งเชิง
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนล้วนเป็นหน่วยข่าวกรอง แน่นอนว่าการเดินทางไปยังเมืองหลินเทียนกับขบวนการค้าย่อมตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น
ทุกคนล้วนพยายามเก็บตัวเงียบไม่ยอมลงมือก่อน
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของกลุ่มสหายล้วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าการไปเยือนเมืองหลินเทียนจะต้องสร้างความตื่นตระหนกให้คนเหล่านั้นอย่างแน่นอน
ฉะนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่นางต้องการเดินทางไปกับขบวนการค้า
บนถนนของทั้งสองแคว้นย่อมมีคนของทางการคอยคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของพวกพ่อค้า
แต่ก็มีถนนบางสายที่พวกเขาดูแลไม่ทั่วถึง
หากพวกคนเหล่านั้นคิดจะลงมือ เช่นนั้นก็เป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือในพื้นที่ส่วนนั้น
อย่าว่าแต่เส้นทางร้างผู้คนเลย หากคิดจะฆ่าใครแล้วล่ะก็ เช่นนั้นทำเพียงโยนร่างลงเหวก็ไม่เหลือแม้แต่กระดูกให้เห็นแล้ว
หากเป็นไปตามความคิดของนาง เช่นนั้นนางเลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อต่อสู้กับศัตรู
เบนสายตามองพ่อค้าที่กำลังพักผ่อน บางทีที่นี่อาจมีใครบางคนเข้ามาสอดแนม
แต่นางเชื่อว่าท่านกัวจะต้องมองออกแล้วจัดการได้อย่างทันท่วงที อย่างน้อยจะต้องไม่มีใครพุ่งเข้ามาทำร้ายนางได้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีหลงเทียนอวี้คอยคุ้มกัน ซ้ำนางยังนำยาพิษบางอย่างติดตัวมาด้วย
เมื่อถึงเวลาจวนตัว คนที่คิดลงมือทำร้ายนางจะได้ไปเดินเล่นในยมโลก
มุมปากกระตุกยิ้มเย็นชา หยวนซานที่เหลือบไปเห็นรอยยิ้มของนางถึงกับตัวสั่น
แม้เจ้านายคนใหม่จะหน้าตางดงาม แต่รอยยิ้มช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
หลังจากพักผ่อนเพียงพอแล้ว ขบวนพ่อค้าจึงออกเดินทางต่อ
หลังจากสองพี่น้องสกุลหยวนปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ตกเป็นเป้าสายตาอีกต่อไป
คนที่น่าสงสารเห็นจะเป็นชิวอวี้ หลังจากได้รับคำอนุญาตจากพระชายา ในที่สุดเขาก็ออกไปขี่ม้าได้อย่างสบายใจ
ขี่ม้าขนาบข้างหลงเทียนอวี้อยู่ทางด้านหน้า ท่าทางของเขาเสมือนแม่ทัพในสนามรบ
หลินเมิ้งหยานั่งยิ้มอยู่ในรถม้าพลางมองทิวทัศน์ภายนอกกับป๋ายซ่าว
อันที่จริงตั้งแต่เด็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกเดินทางท่องเที่ยวนอกเมือง
“กินผลซานจาสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะนายหญิง ท่านป้าป๋ายลงมือทำเองกับมือ สามารถดับกระหายได้เจ้าค่ะ”
ป๋ายซ่าวเปิดห่อผ้านำผลไม้สดและแห้งออกมาหลอกล่อ
ในมือสีขาวราวหิมะของนางถือผลไม้ผลเล็กๆ สีสันน่ากินเอาไว้
ของพวกนี้เหมือนกับผลไฮ่ถังในยุคปัจจุบัน แต่มีรสชาติเปรี้ยวกว่าเล็กน้อย โดยจะดองไว้ในเหล้าน้ำผึ้งนานราวสี่สิบวันจึงจะสามารถกินได้
รสชาติหวานอมเปรี้ยว สามารถดับกระหายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเหมาะที่จะกินในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
เพียงได้เห็นหลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ทันทีว่าป๋ายจีเป็นผู้เตรียมเอาไว้ให้
สาวใช้ของนางช่างเอาใจใส่นางเป็นที่สุด
ลิ้นรับรสหวานอมเปรี้ยวของผลซานจา ดวงตาอดที่จะหรี่เล็กลงไม่ได้
หูตาจมูกปากย่นเข้าหากัน ท่าทางน่ารักน่าชัง
สายตาของหลงเทียนอวี้และชิวอวี้ทอดมองยังใบหน้าของนางอย่างไม่รู้ตัว
ถูกใบหน้าท่าทางของนางทำให้อารมณ์ดี แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองหลินเมิ้งหยาอยู่เช่นเดียวกัน สีหน้าของหลงเทียนอวี้พลันเคร่งขรึมลงในทันที ความหงุดหงิดพลันแล่นพล่านเข้ามาในหัวใจ
ราวกับของรักของหวงของตนเองกำลังถูกคนอื่นเชยชมอย่างไรอย่างนั้น
แม้ชิวอวี้และหลินเมิ้งหยาจะเป็นเพื่อนกัน แต่เขาไม่มีวันปล่อยให้ใครก็ตามคิดไม่ซื่อกับภรรยาของตนเอง
“ข้าว่าเจ้ารักษาสถานะของตนเองเอาไว้ให้ดีจะดีกว่า อย่าได้เพ้อฝันถึงสิ่งที่ไม่มีวันตกเป็นของตัวเอง”
เสียงเยียบเย็นระคนตักเตือนดังขึ้น ทว่าชิวอวี้กลับไม่หดหัวตัวสั่น
กลับกัน เขาหันหน้ามาเผชิญกับหลงเทียนอวี้โดยตรง ใบหน้าที่เคยยิ้มน้อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนางหาใช่สิ่งที่ท่านจะเข้าใจได้”
ตอบกลับเสียงเคร่งขรึม ดวงตาของหลงเทียนอวี้พลันฉายแววอันตราย
เขารู้อยู่นานแล้วว่าหมอหลวงชิวอวี้ขี้เล่นคนนี้มิใช่คนธรรมดาเหมือนที่แสดงออก
บางทีอาจเพราะเดินทางออกห่างจากเมืองหลวงแล้วจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเผยธาตุแท้ออกมา
“เจ้าจะลองดูก็ได้”
น้ำเสียงของหลงเทียนอวี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาเชื่อว่าไม่มีใครในใต้หล้ารู้จักหลินเมิ้งหยาดีเท่าเขา
นับตั้งแต่วันที่แต่งงานเข้าจวน หลินเมิ้งหยาล้วนอาศัยอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันกับเขา
หากเอ่ยว่าแต่ก่อนนางเป็นคนโง่เขลาสติฟั่นเฟือน เช่นนั้นนับตั้งแต่วันที่นางตื่นขึ้นมาในเกี้ยวเจ้าสาวและกลายเป็นสตรีฉลาดเฉลียวมีไหวพริบ นางก็กลายเป็นของเขาแล้ว
ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้อง!
ชิวอวี้ไม่ได้ตอบ เขาแสยะยิ้มเย็นยะเยือกพร้อมทั้งส่ายหน้า
บางทีผู้ชายโดดเด่นเช่นหลงเทียนอวี้อาจจะมองข้ามความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างพวกเขาไป
ตอนนี้หลงเทียนอวี้มองไม่เห็น ไม่รู้เรื่อง แต่ในอนาคตเล่า?
เท่าที่เขารู้จักหลินเมิ้งหยา นางเป็นคนฉลาดและอ่อนไหว
หากคิดจะเก็บนางเอาไว้ข้างกาย สิ่งที่หลงเทียนอวี้ต้องทำให้นางตอนนี้ก็ยังไม่มากพอ!
สายตาชำเลืองมองใบหน้าของหญิงสาวซึ่งกำลังหลับตาพริ้มลิ้มรสผลซานจาอีกครั้ง
หากเขาเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ บางทีคราวนี้หลินเมิ้งหยาอาจมีอำนาจในการตัดสินใจใหม่อีกครา
หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นหลงเทียนอวี้จะไม่นึกเสียใจภายหลัง!
ขบวนรถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าไม่หยุด ตอนเย็นพวกเขาเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งอีกครั้ง
นอกจากความสนุกสนานในตอนแรกแล้ว การทำเรื่องเดิมซ้ำๆ ทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกเบื่อหน่าย
โชคดีที่ป๋ายซ่าวนำของกินมมากมาย แม้นางจะรู้สึกอ่อนล้า แต่รสชาติของอาหารก็ทำให้นางตื่นตัวขึ้นมา
หากมิใช่เพราะได้ตำราชิงเจิงผู่เอาไว้อ่านแก้เหงา บางทีนางอาจจะหดหู่ตายก็เป็นได้
ขบวนการค้าเดินทางต่อไปอีกเป็นวันที่สี่ อีกเพียงวันเดียวก็จะถึงที่หมาย
หลินเมิ้งหยาที่เข้าพักในโรงเตี๊ยมตลอดสี่วันที่ผ่านมา ในที่สุดนางก็มาถึงตำบลแห่งหนึ่งชื่อว่าตำบลซื่อฟาง
เมื่อเทียบกับตำบลก่อนหน้า ตำบลแห่งนี้หรูหราเจริญรุ่งเรืองกว่ามาก บนถนนหนทางล้วนมีพ่อค้าแม่ค้าสวมใส่ชุดแปลกตา
ฉะนั้นไม่ว่าจะสวมชุดอะไรที่นี่ก็ล้วนไม่ตกเป็นเป้าสายตา
ที่นี่มีคนต่างบ้านต่างเมืองมากมาย ไม่เพียงแค่เมืองหลินเทียนเท่านั้น แต่ยังมีคนเมืองตงเซี่ยและเมืองที่อยู่รอบๆ ด้วย แม้แต่พวกชนเผ่าเล็กๆ เองก็เดินทางมายังที่นี่เพื่อตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการ
หลินเมิ้งหยาที่ชื่นชมทิวทัศน์ข้างทางมาตลอดทั้งวันแล้วอดที่จะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งก่อสร้างในตำบลแห่งนี้ไม่ได้
คนที่เดินทางไปมาล้วนสวมใส่เสื้อผ้าแปลกตา แม้แต่สิ่งปลูกสร้างเองมีเอกลักษณ์โดดเด่น
แม้แต่เสียงร้องเรียกลูกค้ายังมีหลากหลายภาษา
นางลงจากรถม้า ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ
บางทีที่นี่อาจเป็นสวรรค์ชั้นฟ้าอย่างที่ผู้คนกล่าวขานกันมาก็เป็นได้
น่าเสียดาย ความงดงามเช่นนี้มีอยู่ที่แถบชายแดนเท่านั้น
“ท่านกัวบอกว่าทุกคนล้วนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมทางด้านหน้า วันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้พวกเราก็จะถึงเมืองหลินเทียนแล้ว”
ตลอดสี่วันมานี้ หลงเทียนอวี้เอาใจใส่หลินเมิ้งหยาเป็นอย่างดี
ดังนั้นมุมมองของพวกพ่อค้าที่มีต่อเขาจึงเปลี่ยนไป
ยิ่งไปกว่านั้นหยวนหลินยังมีอุปนิสัยร่าเริงแจ่มใส ดังนั้นทุกคนจึงมองว่าพวกเขาแค่หยอกล้อกันแต่เพียงเท่านั้น
เมื่อมองเห็นท่าทางสนิทสนมกันของทั้งคู่ พวกพ่อค้าจึงมิได้คิดอะไรมากมาย
หลงเทียนอวี้ในนามหยวนเหมยจึงแย้มยิ้มมากขึ้น
หลังจากที่ได้โต้เถียงกันวันนั้น ชิวอวี้กลับไปเป็นคนอ่อนไหวเจ้าอารมณ์ที่มักถูกหลินเมิ้งหยากลั่นแกล้งจนน้ำตาหยดแหมะๆ อีกครั้ง
แต่หลงเทียนอวี้ไม่ประมาทเขาเลยแม้แต่น้อย เหตุเพราะชิวอวี้มักยอมทำตามสิ่งที่หลินเมิ้งหยาร้องขอเสมอ อีกทั้งยังเอ็นดูนางมากเป็นพิเศษ
คนอื่นๆ อาจไม่คิดอะไร แต่เขารู้ดีว่าไม่มีทางเลยที่บุรุษจะรักและเอ็นดูสตรีนางหนึ่งโดยไร้สาเหตุ
โดยเฉพาะ…ภรรยาของคนอื่น!
“เช่นนั้นพวกเราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงเตี๊ยมก่อนแล้วค่อยออกไปเดินเล่นเถิด”
เพียงได้ยินคำว่าอาบน้ำแล้วออกไปเดินเล่น ดวงตาของป๋ายซ่าวพลันเปล่งประกาย
ตลอดสี่วันที่ผ่านมา แม้พวกผู้ชายจะไม่รู้สึกอะไร แต่นางกับนายหญิงต้องทนกล้ำกลืนไม่น้อย
ทันทีที่มาถึงโรงเตี๊ยม ทั้งสองรีบจูงมือกันขึ้นไปด้านบน
พวกนางลงแช่ตัวในอ่างน้ำพร้อมกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมา