ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 378 ตำราชิงเจิงผู่
ป๋ายจีและป๋ายซ่าวรีบรับมาสวมที่ข้อมือของตนเองอย่างดีอกดีใจ
แม้ตอนนี้พวกนางจะมีทรัพย์สินมากมายแล้ว แต่ของที่เถียนมามามอบให้ย่อมมิต่างอันใดจากของที่นายหญิงมอบให้ สิ่งของเหล่านี้ล้วนมีคุณค่าทางจิตใจ
เถียนมามาลอบสังเกตหญิงสาวทั้งสอง ป๋ายจีมีท่าทางอ่อนโยนสงบนิ่งแต่เฉลียวฉลาดและมีไหวพริบ นางมักจะยืนอยู่ใกล้คุณหนูไม่ห่างเพื่อคอยรับใช้ ส่วนป๋ายซ่าวมีใบหน้างดงาม ท่าทางร่าเริงแจ่มใจและเด็ดขาดโผงผาง แต่นางเคารพนับถือคุณหนูเป็นอย่างยิ่ง
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย เพียงได้เห็นสาวใช้ที่ได้รับการฝึกอบรมมาทั้งสอง เท่านี้นางก็มองออกทันทีว่าจวนอ๋องย่อมแตกต่างจากจวนอื่น
“มามาลำเอียง ท่านเลี้ยงข้ากับนายหญิงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เหตุใดจึงให้เพียงพวกนางทั้งสอง แต่กลับไม่มีของให้ข้าเล่า มามาลำเอียง ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะ”
ป๋ายจื่อจงใจแสดงท่าทางขุ่นเคืองเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน ทุกคนในเรือนต่างหลุดขำเพราะท่าทางน่ารักน่าชังของนาง
บรรยากาศครึกครื้นเสมือนคนในครอบครัวหยอกล้อเล่นกัน ความอบอุ่นพลันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตำหนัก
ปัจจุบันป๋ายจีและป๋ายซ่าวคอยดูแลความเรียบร้อยของจวน ดังนั้นเมื่อมีพวกนางคอยนำทางชี้แนะ เถียนมามาจึงได้เห็นงานทุกอย่างในจวน เถียนมามาเตรียมเงินใส่ถุงอั่งเปาไว้สำหรับทุกคน ฉะนั้นเงินที่หลินเมิ้งหยามอบให้เถียนมามาจึงใกล้จะหมดเต็มที
เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของหลินเมิ้งหยาพลันรู้สึกอบอุ่น
แม้เถียนมามาจะมิใช่แม่ผู้ให้กำเนิด แต่ทุกอย่างที่นางทำล้วนหวังดีต่อนางทั้งสิ้น
ครุ่นคิดดูแล้วท่านแม่ที่อยู่บนสวรรค์เองก็คงรู้สึกซาบซึ้งใจเช่นเดียวกัน
“เรื่องที่ข้าสั่งให้เจ้าไปสืบมาเป็นเช่นไรบ้าง?”
ถามเสียงเอื่อยเฉื่อยแต่ชัดถ้อยชัดคำ
หลินเมิ้งหยานั่งพักผ่อนอยู่บนตั่ง มือถือหนังสือ
ป๋ายจื่อที่เพิ่งกลับเข้ามามีสีหน้าขุ่นเคืองไม่พึงพอใจ หากมิใช่เพราะนายหญิงสั่งว่าห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามกับคนในจวน นางคงไม่มีวันปล่อยพวกผอจื่อโรงซักล้างปากยื่นปากยาวเหล่านั้นไปอย่างแน่นอน
“พูดเถิด เจ้าไปได้ยินอะไรมาจึงมีอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นนี้กัน ดูเหมือนจะมิใช่เรื่องธรรมดา”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้ม ราวกับมิได้ใส่ใจเรื่องซุบซิบนินทาเท่าไรนัก
กลับกันกับป๋ายจื่อ ท่าทางโกรธเกรี้ยวของนางราวกับสัตว์ร้ายที่พร้อมจะขย้ำศัตรูได้ทุกเมื่อ
“พวกนางจะไปรู้เรื่องอะไร ทั้งที่พวกทหารหลวงวางกับดักคิดจะจับกุมตัวนายหญิง แต่พวกนางกลับใส่ร้ายป้ายสีว่านายหญิงไม่สำรวม! ไม่สำรวมอะไรกัน หากมิใช่เพราะนายหญิงกับข้าพยายามขัดขวางพวกหื่นกามเหล่านั้น ป่านนี้คงจะมิเป็นผู้เป็นคนไปแล้ว อีกอย่างพวกทหารหลวงเองก็เหมือนจะเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขาแท้ๆ ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไร แต่กลับพูดจาเลื่อนเปื้อนกันไปเรื่อย คอยดูเถิด สักวันข้าจะให้พี่ป๋ายซ่าวไปฉีกหน้าตัดลิ้นพวกนาง!”
หลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อข่าวมาถึงหูป๋ายจื่อแล้ว นั่นแสดงว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการโพนทะนาป่าวประกาศให้ทุกคนในเมืองรับรู้
ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ชื่อเสียงของพระชายาคนนี้เสียหายและกลายเป็นที่โจษจัน
หากเรื่องราวเป็นไปตามแผนการของพวกเขา เช่นนั้นตอนนี้พระชายาคงถูกจองจำอยู่ในคุกหลวง จากนั้นท่านอ๋องคงทิ้งนางไปเพราะความรังเกียจ สุดท้ายนางจะถูกกำจัดหรือไม่ก็ฆ่าตัวตายล้างอายให้กับวงศ์ตระกูล
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้นางล้วนเห็นมาจากละครโทรทัศน์ทั้งสิ้น
สำหรับนางและหลงเทียนอวี้แล้ว เรื่องพวกนี้หาใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ
ฉะนั้นนี่จึงเป็นเพียงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งของนางเพียงเท่านั้น
“ข่าวลือมักหยุดอยู่ที่ผู้ทรงปัญญาเสมอ คาดว่าข่าวลือคงอยู่ได้ไม่นานนัก”
หลินเมิ้งหยาพลิกหน้าหนังสือ ใบหน้านวลราบเรียบนิ่งเฉย
ทว่าหัวใจของนางกำลังครุ่นคิดเรื่องของป๋ายหลี่อู๋เฉินที่พ่ายแพ้ไปในคราวนี้
เขารับรู้ถึงตำแหน่งของหลงเทียนอวี้แล้ว คาดว่าพวกทหารหลวงคงไม่กล้าเข้ามาหาเรื่องนางง่ายๆ อีก
แต่หากมองการณ์ไกลแล้วล่ะก็ ตราพยัคฆ์ของฮ่องเต้อยู่ในมือของหลงเทียนอวี้ เช่นนั้นจึงมิต่างอะไรจากระเบิดเวลาของไท่จื่อ
ไม่ว่าใครก็ล้วนรู้ดีว่าไพ่ตายย่อมไม่ธรรมดา
ตอนนี้ฮ่องเต้ยังคงประชวรไม่ฟื้น ฉะนั้นตอนนี้นางและหลงเทียนอวี้ต้องระมัดระวังตัวให้มาก
หากบีบคั้นอีกฝ่ายมากจนเกินไป เกรงว่าหมาบ้าอย่างไท่จื่อจะต้องทำเรื่องที่ไม่คาดคิดอย่างแน่นอน
นางจะต้องหาแผนรับมือเผื่อตกอยู่ในสถานการณ์ไม่คาดฝัน
นางสั่งให้ป๋ายจื่อออกไปตรวจสอบด้านนอก เด็กคนนี้มีไหวพริบ คาดว่านางจะต้องตรวจสอบทุกซอกทุกมุมมิให้หลงเหลือคนสอดแนมอย่างแน่นอน
หลินเมิ้งหยาหยิบห่อผ้าออกมาเปิดออกด้วยความระมัดระวัง
ไม่รู้ว่าท่านแม่พบวิธีเก็บรักษาหีบเหล็กในน้ำโดยไม่ให้เกิดความเสียหายได้อย่างไร
ห่อผ้าไม่เพียงถูกทำลาย แต่ยังมีสภาพคงเดิม
หลินเมิ้งหยาพลิกไปมา ก่อนจะแกะปมออก
ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมเย็นพลันทำให้นางเหม่อลอย
นี่มัน….
หลินเมิ้งหยาเบิกตากว้าง นี่มันกลิ่นของต้นจิ้งซินเหลียน!
ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมของมันยังเข้มข้นกว่าของที่ชิวอวี้นำมาหลายเท่า
หลินเมิ้งหยาวางของบนโต๊ะ นางค่อยๆ เปิดออกทีละนิดเพราะกลัวจะพลาด
สิ่งของภายในเผยออกมาให้นางเห็น
ตำราเล่มบาง ปิ่นปักผมสีทองและต้นสมุนไพรแห้ง นอกจากของเหล่านี้ก็ไม่มีสิ่งใดอีก
หลินเมิ้งหยาชื่นชมยาสมุนไพรในกล่อง มันคือต้นจิ้งซินเหลียนแห้ง ปกติแล้วเมื่อต้นจิ้งซินเหลียนแห้งแล้ว กลิ่นจะต่างไปจากเดิม อีกทั้งประสิทธิภาพของยายังลดลง
คิดไม่ออกเลยว่าห่อผ้าผืนนี้ใช้วิธีใดจึงสามารถเก็บของเหล่านี้เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มองดูต้นสมุนไพรที่ถูกจัดเก็บอย่างไร้ที่ติเสียยิ่งกว่าของบรรณาการที่ชิวอวี้มอบให้
น่าแปลกเหลือเกิน!
ข้างต้นจิ้งซินเหลียนคือปิ่นปักผมสีทองหรูหรางดงาม
หลินเมิ้งหยาค่อยๆ หยิบขึ้นมา ปิ่นสีทองลายหงส์ประดับไว้ด้วยอัญมณีหลากสี
ถือไว้ในมือด้วยความระมัดระวัง หลินเมิ้งหยาสังเกตเห็นว่าดวงตาหงส์ไร้ซึ่งอัญมณีประดับไว้
หงส์บนปิ่นสยายปีกราวกับกำลังโผบิน หลินเมิ้งหยาประหลาดใจยิ่งนัก เหตุเพราะปิ่นเช่นนี้มีเพียงสตรีเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ปิ่นปักผมอันนี้จะแตกต่างจากปิ่นของฮองเฮาและพระสนมเต๋อเฟย แต่กลับคล้ายคลึงกับมงกุฎลายหงส์ของฮองเฮาเป็นอย่างมาก
หลินเมิ้งหยารู้สึกสงสัย หากปิ่นปักผมอันนี้เป็นของท่านแม่ เช่นนั้นแม่ของนางเป็นใครกันแน่?
แม้ปิ่นปักผมอันนี้จะงดงาม แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนางมากที่สุดคือตำราแพทย์เล่มบาง
ปกสีกรมท่า ตัวอักษรสามตัวถูกเขียนไว้บนนั้น ‘ชิงเจิงผู่’
นี่คืออะไร? หรือจะเป็นหนังสือเพลง?
หลินเมิ้งหยาค่อยๆ พลิกหน้าหนังสือดู คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงหน้าแรกจะทำให้สมองของนางต้องทำงานอย่างหนัก
นี่มัน…อะไรกัน?
แผ่นกระดาษที่กลายเป็นสีเหลืองมีตัวอักษรยิบย่อยมากมายเขียนเอาไว้เป็นชั้นๆ ทับซ้อนกัน แม้จะพออ่านออก แต่บริเวณอื่นๆ กลับมีรอยหยดหมึกอยู่เต็มไปหมด
“เฮ้อ….นี่มันอะไรกันเนี่ย”
หลินเมิ้งหยารู้สึกเหมือนถูกหลอก ตำราชิงเจิงผู่อะไรกันเล่า เหมือนหนังสือภาพของเด็กเสียมากกว่า
มือเล็กยกขึ้นนวดขมับ หลินเมิ้งหยาจ้องตำราชิงเจิงผู่พลางหยักยิ้มขมขื่น
พระเจ้าจะต้องกำลังกลั่นแกล้งนางอยู่อย่างแน่นอน
ขณะที่นางรู้สึกท้อแท้อยู่นั้น ระบบเซินหนงที่กำลังสแกนหน้าหนังสือทำให้หลินเมิ้งหยาพบเรื่องประหลาดบางอย่าง
เหตุเพราะกลัวข้อมูลขาดตกบกพร่อง ฉะนั้นทันทีที่พลิกอ่านหนังสือ หลินเมิ้งหยาก็เปิดโหมดสแกนทันที
สิ่งของของบรรดาบรรพบุรุษล้วนน่าพิศวง โดยเฉพาะตำราล้ำค่าเช่นนี้ บางทีมันอาจจะระเบิดตัวเองหลังจากนางอ่านจบก็เป็นได้
ทว่าหลังจากเวลาผ่านไปราวสามสิบวินาที ระบบเซินหนงจึงแจ้งเตือนว่าการสแกนหน้าแรกเสร็จสิ้น
สามสิบวินาที? มีเนื้อหามากมายขนาดนั้นเชียวหรือ?
หากอ้างอิงจากการทำงานของระบบเซินหนงครั้งก่อนๆ เวลาสามสิบวินาทีมากพอที่จะสแกนตำราเกี่ยวกับยาสมุนไพรทั้งเล่ม
ตำราเล่มนี้มีสิบกว่าหน้า เหตุใดแต่ละหน้าต้องใช้เวลามากถึงสามสิบวินาทีเล่า?
หรือระบบจะผิดพลาด? หรือจะโดนไวรัส? หรือจะเกี่ยวข้องกับสมองของนาง? นางจะกลายเป็นคนโง่หรือ?
คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของหลินเมิ้งหยา
นางกดเปิดข้อมูลจากการสแกนโดยไม่พูดอะไร
ทว่าครู่ต่อมานางถึงกับชะงัก
เหตุเพราะหน้าจอของระบบเซินหนงในรูม่านตาของนางกำลังเผยข้อมูลเชิงสามมิติ!
หลังจากการสแกนกระดาษหน้าแรกออกมา ระบบเซินแบ่งข้อมูลตัวอักษรในแต่ละชั้นออกมาโดยอัตโนมัติ เมื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว ตัวอักษรเหล่านั้นมีมากถึงห้าร้อยหน้ากระดาษ!
สวรรค์โปรด! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ หลินเมิ้งหยารีบกวาดสายตาอ่านเนื้อหา นางพบว่าตนเองสามารถอ่านข้อมูลในหน้าแรกได้
ข้อมูลในนั้นกล่าวถึงเส้นลมปราณในร่างกายของมนุษย์ แต่เพราะเริ่มอ่านจากหลังไปหน้า นางจึงไม่ค่อยเข้าใจนัก
เหตุเพราะนางยังไม่มีเวลาทำความเข้าใจกับตำราแพทย์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเช่นนี้มากนัก
หากท่านอาจารย์ยังมีสติดีอยู่ล่ะก็ บางทีนางอาจขอร้องให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะ
ทั้งที่มีตำราล้ำค่าอยู่ในมือ แต่นางกลับไม่ต่างจากมดที่ค่อยๆ แทะเล็มข้อมูลช้าๆ
ตำราแพทย์เล่มนี้มีทั้งหมดสิบห้าหน้า แต่ละหน้าล้วนมีหัวข้อแตกต่างกันไป
ดังนั้นเมื่อรวบรวมแล้วก็ต่างอะไรจากหนังสือสิบห้าเล่ม โดยหนังสือแต่ละเล่มล้วนมีประโยชน์ต่อหลินเมิ้งหยามาก
โชคดีที่มีระบบเซินหนงคอยช่วยเหลือ มิเช่นนั้นนางคงพลาดเนื้อหาลึกล้ำเหล่านี้
ทว่า…นางมองร่องรอยเหมือนหยดหมึกเปรอะเปื้อนบนหน้าหนังสือ คิดไม่ถึงเลยว่าจะใช้วิธีนี้ในการป้องกัน
วิธีการบีบอัดน้ำหมึกเช่นนี้เห็นได้น้อยแม้แต่ในสมัยปัจจุบัน
แต่เหตุใดคนสมัยโบราณจึงรู้จักวิธีการเช่นนี้เล่า?
นางนำตำราชิงเจิงผู่เข้าไปเก็บไว้ในหีบเล็กส่วนตัวของตนเอง นางได้รู้ว่าต้นจิ้งซินเหลียนแห้งอันนี้สามารถนำมาใช้ในการปรุงยาได้เพราะข้อมูลในตำราเขียนเอาไว้
หากคิดจะทำวัตถุดิบปรุงยาเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้เวลานานราวห้าเดือนจึงจะสำเร็จ หากมิได้ตำราเล่มนี้ช่วยเอาไว้ นางคงต้องร้อนใจกว่าเดิมมาก