ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 377 พระชายากลับจวน
อันที่จริงยาขนานนี้กินเพื่อทำให้ตัวอ่อนในครรภ์หยุดการเจริญเติบโต หลังจากกินยาติดต่อกันสองสามวัน ผนวกกับใช้ยาอีกชนิดเข้าช่วย ไม่นานตัวอ่อนที่ตายแล้วจะหลุดออกจากร่างกายของผู้เป็นแม่
แต่เพื่อมิให้ตกเป็นที่สนใจของทุกคนหรือเพื่อปกปิดความลับต่อหลินเมิ้งหยา ตัวยาจึงถูกปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ดังนั้นผลลัพธ์จึงมิต่างอันใดจากหญิงสาวที่กำลังมีรอบเดือน
ทว่าราคาที่ต้องจ่ายคือผู้หญิงคนนั้นจะไม่อาจมีลูกได้อีก ฉะนั้นนางจึงเชื่อว่าซ่างกวนชิงจะต้องมิใช่ผู้ที่มอบยาเหล่านี้ให้กับหลินเมิ้งหวู่อย่างแน่นอน
ไม่มีมารดาคนใดคิดทำลายชีวิตของลูกสาวได้ลง ฉะนั้นคนผู้นั้นเป็นใคร ข้อเท็จจริงย่อมปรากฏชัด
“คนรักของนางคือใคร? เรื่องนี้จำเป็นต้องแจ้งข่าวให้ท่านพ่อรู้ มิเช่นนั้นสกุลหลินจะต้องแปดเปื้อนเพราะนาง”
แม้หลินหนานเซิงจะไม่เคยนับหลินเมิ้งหวู่เป็นน้องสาว แต่เพราะนางเองก็เป็นลูกสาวของสกุลหลิน เขาจึงต้องออกหน้าจัดการเรื่องนี้แทนหลินเมิ้งหวู่
ลูกสาวสกุลหลินจะต้องไม่ถูกรังแกง่ายๆ
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่จะต้องมิใช่คนมีฐานะอย่างแน่นอน เกรงว่าป่านนี้คงถูกซ่างกวนชิงจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ท่านพี่ ข้าคิดว่าพวกเราอย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่นจะดีกว่า ข้าอยากให้ท่านตามสืบเงียบๆ”
หลินเมิ้งหยารู้จักหลินเมิ้งหวู่และซ่างกวนชิงดี หากคนรักของหลินเมิ้งหวู่เป็นคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ ป่านนี้ซ่างกวนชิงคงรีบพายเรือไปส่งลูกสาวตนเองถึงหน้าจวนของเขาแล้ว
แต่การที่พวกนางแอบลักลอบทำการเงียบๆ เช่นนี้ แสดงว่าพ่อของลูกในท้องหลินเมิ้งหวู่จะต้องมิใช่ผู้ดีมีสกุล
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ซ่างกวนชิงไม่มีวันปล่อยผู้ชายที่เข้ามาทำลายชีวิตลูกสาวของตนเองไปอย่างแน่นอน
“ข้าเข้าใจแล้ว”
หลินหนานเซิงรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย เหตุเพราะเรื่องนี้มิใช่เรื่องน่ายินดีแต่อย่างใด
หลังจากของทั้งหมดถูกจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว หลินหนานเซิงก็ไปส่งหลินเมิ้งหยาที่หน้าประตูจวนด้วยตนเอง
แม้จะยังรู้สึกมิอาจทำใจแยกจาก แต่เขาทำได้เพียงมองส่งน้องสาวตนเองขึ้นรถม้าซึ่งกำลังแล่นจากไป
ถอนหายใจ เขา…ยังคงมิอาจทำใจ น้องสาวผู้แสนน่ารักของเขาแต่งงานออกเรือนไปเป็นภรรยาบ้านอื่นแล้ว
ความเกลียดชังที่มีต่อหลินเมิ้งหวู่และซ่างกวนชิงเพิ่มมากขึ้น หากมิใช่เพราะตอนนั้นพวกนางแอบทำการลับหลังแล้วล่ะก็ น้องสาวของเขาคงไม่ต้องออกเรือนไปเช่นนี้
แต่คนที่เขาเกลียดที่สุดกลับเป็นตัวเขาเอง
ก่อนมารดาจะสิ้นลม นางกำชับให้เขาดูแลน้องสาวให้ดี
หยักยิ้มขมขื่น หากเขาพยายามทำตอนนี้ก็คงยังไม่สายเกินไป
บรรยากาศภายในรถม้าอึมครึมเล็กน้อย เถียนมามาและป๋ายจื่อคิดว่าหลินเมิ้งหยารู้สึกไม่อาจทำใจจากบ้านได้ แต่ที่จริงแล้วหลินเมิ้งหยากำลังครุ่นคิดถึงสองแม่ลูกไร้ยางอายคู่นั้น
นัยน์ตาดำของป๋ายจื่อกลอกไปมา สุดท้ายนางเริ่มเล่าเรื่องในจวนอวี้ให้เถียนมามาฟัง
เสียงเจื้อยแจ้วของป๋ายจื่อทำให้หลินเมิ้งหยาดึงตัวเองออกจากภวังค์ได้
มองดูพวกนางที่กำลังชำเลืองมองตนเอง หลินเมิ้งหยารู้สึกผิดเล็กน้อย ดูเหมือนตนจะทำให้พวกนางเข้าใจผิดเสียแล้ว
“มามา ข้าจำได้ว่าพี่เถียนหนิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพี่ชายของข้าใช่หรือไม่? ท่านพี่มักชื่นชมเสมอว่าพี่เถียนหนิงเป็นคนฉลาดเฉลียว ยิ่งไปกว่านั้นยังเรียนหนังสือเก่งกว่าเขา”
เมื่อพูดถึงลูกชายของตน ใบหน้าของเถียนมามาพลันปรากฏรอยยิ้ม
ตอนนั้นนางช่วยชีวิตลูกชายมาจากท่านอ๋องเหยียนด้วยความยากลำบาก แม้เขาจะมีร่างกายอ่อนแอ แต่ถึงกระนั้นก็เป็นเด็กฉลาดเฉลียว
โดยเฉพาะในสมัยที่ฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ เขาได้ร่ำเรียนหนังสือกับคุณชาย ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านยังเอ่ยปากชมความเฉลียวฉลาดของเขาให้ฟังเสมอ
แต่เมื่อนึกถึงร่างกายของลูกชาย นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าหมอง นางเป็นสตรีนางหนึ่งที่เลี้ยงลูกชายตามลำพังอย่างยากลำบาก นางไม่หวังให้เขาเติบโตมียศถาบรรดาศักดิ์ ขอเพียงเขามีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงก็เพียงพอแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะกลายเป็นฝันลมๆ แล้งๆ
“อย่ากังวลไปเลย จวนอวี้มีหมอหลวงเก่งกาจมากมาย หากพวกเขาไม่อาจรักษาได้ เช่นนั้นข้าจะไปขอร้องท่านอ๋องให้เสาะหาหมอที่เก่งกว่านี้ เขาจะต้องหายดี มามาเชื่อข้าเถิด”
ตบหลังมือของเถียนมามาเบาๆ หลินเมิ้งหยากล่าวเสียงอ่อนโยนทว่าแน่วแน่
โชคดีที่นางพบยาที่มีฤทธิ์ทำร้ายร่างกายเหล่านั้นได้ทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเถียนหนิงยังมิได้ย่ำแย่เหมือนที่เห็นภายนอก
ขอเพียงเขารักษาตัวเองสักระยะ ร่างกายของเขาจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
มองดูท่าทางเศร้าหมองของเถียนมามา เด็กน้อยและบิดามารดาจำนวนมากต้องสูญเสียคนในครอบครัวอย่างไม่มีวันหวนกลับ พวกเขาคงจะรู้สึกสิ้นหวังและหัวใจแหลกสลายเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหยารู้สึกเกลียดชังคนผู้นั้นยิ่งนัก
ชิงหู….ใบหน้าเปื้อนยิ้มอันแสนคุ้นเคยของเขาพลันปรากฏในสมองของนาง
เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หายไปอยู่ไหนกันนะ!
แม้หลงเทียนอวี้จะไม่อยู่จวน แต่เขากำชับพ่อบ้านเติ้งเอาไว้แล้วว่าจะต้องรับหลินเมิ้งหยากลับจวนอย่างปลอดภัย
เพียงก้าวเท้าลงจากรถม้า ป๋ายจีและป๋ายซ่าวรีบวิ่งเข้ามาต้อนรับ
มองดูดวงตาสุกสกาวของสาวใช้ทั้งสอง หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าตนเองโชคดี
อย่างน้อยเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางก็ยังไม่ถึงหูของพวกนางทั้งสอง
มิเช่นนั้นพวกนางจะต้องเดินตามติดตนเองทุกย่าวก้าวอย่างแน่นอน
“นายหญิง ท่านกลับมาแล้ว”
ขอบตาของป๋ายจีแดงก่ำ แม้จะพยายามปกปิด แต่หลินเมิ้งหยากลับมองออกว่านางรู้สึกโศกเศร้าไม่น้อย
สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว หลินเมิ้งหยารู้ได้ทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นในจวน มิเช่นนั้นป๋ายซ่าวจะยอมปล่อยให้พี่น้องของตนเองถูกรังแกได้เช่นไร?
“นี่คือแม่นมของข้า เถียนมามา ส่วนนี่คือลูกชายของนางนามว่าเถียนหนิง ต่อจากนี้ไปพวกเจ้าจงเรียกนางว่าเถียนมามาเช่นเดียวกับข้าเถิด มามาเป็นคนเก่าคนแก่ของจวน ดังนั้นจึงรู้งานค่อนข้างมาก หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจ เช่นนั้นสามารถถามนางได้ เข้าใจแล้วหรือไม่?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาหาใช่บอกเพียงสาวใช้ทั้งสอง
แต่นางกำลังบอกคนทั้งจวนให้รับรู้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เถียนมามากลายมาเป็นคนของตำหนักนางแล้ว ฉะนั้นหากคนในจวนเคารพนาง เช่นนั้นก็ต้องเคารพเถียนมามาด้วย
ส่วนคนที่คิดจะเป็นปฏิปักษ์ต่อนาง เช่นนั้นพวกเขาจะต้องถูกเถียนมามาจัดการ
เถียนมามารู้จักพวกคนหน้าซื่อใจคดดี ฉะนั้นฝีมือและวิธีการจึงล้ำลึกจนป๋ายจีและป๋ายซ่าวคิดไม่ถึง
“หนู่ปี้เป็นเพียงคนรับใช้ จากนี้ไปต้องรบกวนแม่นางทั้งสองด้วย”
เถียนมามาอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่นางปฏิเสธชุดที่หลินเมิ้งหยานำมามอบให้เป็นพิเศษ
ชุดสีน้ำเงินเข้มลายดอกไม้สีขาว แม้จะเป็นของใหม่แต่ก็มิได้ดูขัดหูขัดตา
เส้นผมสีขาวหวีแต่งทรงใหม่ ศีรษะปักปิ่นที่ฮูหยินคนก่อนมอบให้
ของล้ำค่าที่สุดบนร่างเห็นจะเป็นต่างหูหยกแดง แต่หยกเหล่านั้นล้วนเป็นหยกธรรมดา เมื่อเทียบกับเหล่าเจ้านายที่มักจะสวมใส่อัญมณี หยกและทองในจวน เครื่องประดับของเถียนมามาจึงดูธรรมดากว่ามาก
แต่ถึงกระนั้นนางกลับดูน่าเลื่อมใสกว่าคนเหล่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น แม้เถียนมามาจะเป็นแม่นมของพระชายา แต่นางเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เพียงได้มองก็รู้ว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต หลังจากนายบ่าวกลับถึงตำหนักหลิวซิน เรื่องของเถียนมามาก็โด่งดังไปทั่วทั้งจวน
“ข้าฝากพ่อบ้านเติ้งให้ดูแลพี่เถียนหนิงแล้ว จากนี้ไปเขาจะได้อยู่ในจวนส่วนหน้า ข้าฝากเขาหาคนคอยดูแลพี่เถียนหนิงเอาไว้ด้วย ส่วนที่นี่เป็นตำหนักของข้า แม้จะไม่ใหญ่ แต่ภายในประดับตกแต่งอย่างสวยงาม”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยแนะนำตำหนักของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ ทั่วทุกมุมของตำหนักล้วนถูกสร้างจากความใส่ใจของชิงหูและหลินจงอวี้ทั้งสิ้น
ตอนนี้ไม่รู้ว่าหลงเทียนอวี้เกิดนึกครึ้มอะไรขึ้นมา เขาสั่งให้คนซื้อของมีราคาเข้ามาไว้ที่นี่เป็นจำนวนมาก
ฉะนั้นตำหนักหลิวซินจึงหรูหรางดงามเกินกว่าจะมีที่ใดเทียบเทียม ได้ยินมาว่าคนภายนอกจัดอันดับให้ตำหนักของนางเป็นตำหนักที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง
หลินเมิ้งหยาหาได้ใส่ใจสิ่งเหล่านี้ หากมิใช่เพราะสิ่งของเหล่านี้ประดับตกแต่งไว้ด้วยความใส่ใจของคนทั้งสาม
นางยังคิดเสมอว่าของเหล่านี้ช่างเกะกะขวางทางยิ่งนัก
“คิด…คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีตำหนักที่งดงามเช่นนี้”
เถียนมามาเอ่ยชื่นชม ความรู้สึกปลื้มปีติพลันเกิดขึ้นในหัวใจ
ตอนแรกนางกังวลว่าท่านอ๋องผู้มีฐานันดรสูงศักดิ์และเย็นชาคนนั้นจะมิได้ดูแลเอาใจใส่คุณหนูดีเท่าที่นายท่านดีต่อฮูหยิน
แต่เมื่อวันนี้ได้มาเห็นกับตาของตัวเอง นางจึงรู้ว่าตนเองประเมินท่านอ๋องต่ำไป
มิเช่นนั้นตำหนักแห่งนี้จะเต็มไปด้วยสิ่งของมีค่าเช่นนี้หรือ
“ปกติข้าจะอยู่ที่ห้องนี้ ต่อจากนี้ไปท่านจะได้อยู่ในห้องทางด้านนี้เหมือนกันกับพวกสาวใช้ทั้งสาม จริงสิ งานในจวนมีมากมายเกินพรรณนา ช่วงนี้ข้าต้องขอบใจพวกสาวใช้ทั้งสามมาก ท่านรู้จักป๋ายจื่ออยู่แล้ว ส่วนอีกสองนางนามว่าป๋ายจีและป๋ายซ่าว พวกนางล้วนเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งที่ใส่ใจดูแลข้ามากเป็นพิเศษ หากมามาต้องการสิ่งใดก็สามารถรบกวนพวกนางได้”
ป๋ายจีและป๋ายซ่าวเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามและกิริยาวาจาอ่อนหวาน พวกนางมีลักษณะโดดเด่นแตกต่างกัน แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่พูดแต่ก็มองออกได้
เพียงได้ยินว่าเถียนมามาคือแม่นมของหลินเมิ้งหยา ทันใดนั้นพวกนางพลันรู้สึกดีกับมามาที่มีรูปลักษณ์ธรรมดาคนนี้มาก
ทั้งขยับเข้าใกล้ ทั้งส่งเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน ไม่นานพวกนางก็มองเถียนมามาเสมือนเป็นมารดาของตนเอง
“แม่นางทั้งสองเกรงใจเกินไปแล้ว คุณหนูของข้ามีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก หากมิใช่เพราะพวกเจ้าเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี เกรงว่าวันนี้คงไม่แข็งแรงเช่นนี้ ข้าเป็นเพียงคนรับใช้ หาได้มีของมีค่าไม่ สร้อยข้อมือสองเส้นนี้ขอมอบให้พวกเจ้าเป็นของขวัญที่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก”
เถียนมามาแย้มยิ้มพลางถอดสร้อยข้อมือออกจากแขนของตนเองสองเส้น
หลินเมิ้งหยาเพิ่งรู้ในตอนนี้เองว่าเพราะเหตุใดตอนที่เดินตลาด เถียนมามาจึงไม่ต้องการผ้าไหมหรือของมีค่า ทว่านางกลับเลือกสร้อยข้อมือที่เหมาะกับหญิงสาวแรกรุ่นสองเส้นนี้
ที่แท้ก็เพื่อนำมาเป็นของขวัญในการได้พบกันเป็นครั้งแรกของพวกนาง