ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 375 แม่ทัพผู้อ่อนโยน
แม้เถียนมามาจะเพิ่งกลับมาถึงจวน แต่ถึงกระนั้นความคุ้นเคยกับงานทำให้นางทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
นางไม่เคยลืมกฎระเบียบเลยแม้แต่กระเบียดนิ้ว
ฉะนั้นนางจึงเข้าครัวแต่เช้าเพื่อทำอาหารเช้าที่คุณหนูใหญ่และคุณชายใหญ่โปรดปราน ก่อนจะเข้าไปทักทายเพื่อนร่วมงานเก่าแก่ของตัวเอง
ทุกคนล้วนได้ยินข่าวว่าคุณหนูใหญ่จะพาเถียนมามาไปอยู่ที่จวนอ๋องด้วย ยิ่งไปกว่านั้นจะดูแลนางอย่างดี
ทว่าเถียนมามายังคงรู้สึกลังเล เหตุเพราะนางเป็นเพียงบ่าวชั้นต่ำ หากเข้าไปอยู่ที่จวนอ๋องก็คงทำได้เพียงดูแลคุณหนูมิให้ถูกรังแก
บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยกับข้าวที่นางและพี่ชายโปรดปราน โชคดีที่หลินเมิ้งหยาพบข้อดีที่ว่าไม่ว่านางจะกินมากเท่าไหร่ ร่างกายนี้ก็ไม่อ้วนขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ฉะนั้นนางจึงพยายามลิ้มรสอาหารชวนน้ำลายสอตรงหน้าให้ได้มากที่สุด
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงถูกกำจัดทิ้งเล่า?”
คราวก่อนเขาและท่านพ่อกลับมาอย่างกะทันหัน เพียงได้เห็นน้องสาวยืนอยู่ที่นั่นอย่างสมบูรณ์แข็งแรง พวกเขาก็รู้สึกตื้นตันจนขอบตาร้อนผ่าว
ทว่าหลังจากกลับมาอีกครั้ง เขารู้สึกว่าน้องสาวของตนเองค่อนข้าง…ฉลาดเฉลียวเกินไป!
แม้บุตรชายบุตรสาวแห่งสกุลหลินจะได้รับถ่ายทอดความกล้าหาญและความฉลาดผ่านทางสายเลือด แต่น้องสาวของเขาที่เคยเป็นเด็กสาวสติฟั่นเฟือน เพียงพริบตาเดียวกลับกลายเป็นจอมวางแผน เรื่องนี้ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไรนัก
ทว่าเขามั่นใจว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นน้องสาวของตนเองไม่ผิดแน่ ดังนั้นแม้หลินหนานเซิงจะยังรู้สึกตงิดใจอยู่บ้าง แต่เขาก็เชื่อใจน้องสาวของตนเองเต็มร้อย
แต่ถึงกระนั้นคำพูดของเขาก็ยังแฝงการหยั่งเชิง เขาอยากรู้เหลือเกินว่าความคิดของหลินเมิ้งหยาเป็นเช่นไร
ผู้หญิงฉลาดเฉลียวอย่างหลินเมิ้งหยาจะไม่ล่วงรู้ความคิดของหลินหนานเซิงได้อย่างไร
พี่ชายของนางคนนี้ดีหมดทุกอย่าง อีกทั้งหัวใจยังแข็งแกร่ง
ภายนอกแสดงท่าทางเสมือนเชื่อฟังคำพูดของน้องสาวตนเองเสียเต็มประดา ทั้งที่ในใจกำลังแอบทดสอบความคิดของนางอยู่
อันที่จริง นางหาใช่คู่ปรับของท่านพี่ในเรื่องวิทยายุทธ์และการทำศึกสงคราม
แต่เรื่องการทดสอบจิตใจของคนนั้น เขาที่เป็นคนเถรตรงมิอาจเทียบจอมวางแผนสารพัดวิธีการเช่นนางได้
“ทำไปทำไมนั้น ข้าเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ ถึงอย่างไรข้าก็กำลังจะกลับจวนอวี้แล้ว ฉะนั้นเรื่องในจวนเจิ้นหนานโหวคงต้องรบกวนท่านพี่ให้ช่วยดูแล จริงสิ สระน้ำชมทิวทัศน์ในจวนมีปัญหาเล็กน้อย หากท่านพี่ไม่มีกิจอันใด เช่นนั้นอย่าได้เข้าใกล้เป็นอันขาด เดี๋ยวจะเกิดเรื่องเอาได้”
ขุดหลุมพรางดักพี่ชายของตนเอง หลินเมิ้งหยารู้จักนิสัยใจคอของหลินหนานเซิงดี สิ่งใดที่ห้ามมิให้เขาทำ เขาจะยิ่งทำมันให้ได้
ใครให้เขาร่วมมือกับหลงเทียนอวี้กันเล่า ไม่ว่าจะถามเช่นไร พวกเขาก็ไม่ยอมปริปากว่าเหตุใดพี่ชายจึงกลับมากะทันหันเช่นนี้ ในเมื่อพวกเขามีความลับ เช่นนั้นมาลองดูกันเถิดว่าใครจะเก็บงำความลับได้นานกว่ากัน
“สระน้ำชมทิวทัศน์? เสี่ยวหยา เจ้ามีเรื่องใดปิดบังข้าหรือไม่?”
เป็นไปตามคาด นางเผยความลับเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับแสดงท่าทางกระวนกระวายออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นช่วงบ่ายนางต้องกลับจวนแล้ว ซ้ำเขายังมิอาจตามไปด้วยได้
แอบยิ้มชอบใจ มันเป็นความลับนี่นา นางเองก็สามารถสร้างความลับได้ทุกเมื่อเช่นเดียวกัน
แม้เต่ามังกรจะดุร้ายและแข็งแกร่ง แต่ร่างกายของหลินหนานเซิงหาได้ด้อยไปกว่าสัตว์ตัวนั้น ยิ่งเป็นคำเตือนจากหลินเมิ้งหยา เขายิ่งระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ
ยิ่งไปกว่านั้น สระน้ำที่มิอาจทำลายได้แห่งนั้นยังเป็นความปรารถนาสุดท้ายของท่านแม่
พี่ชายเป็นคนกตัญญูรู้คุณ เขาไม่มีทางทำลายความปรารถนาของท่านแม่อย่างแน่นอน ดังนั้น…หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงไปนั่งจิบชา
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือนางจะไม่ได้เห็นท่าทางกระวนกระวายว้าวุ่นของพี่ชายตนเอง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ หลินหนานเซิงก็ช่วยหลินเมิ้งหยาจัดเก็บสิ่งของของท่านแม่
ส่วนพวกตำราแพทย์ หลังจากหลินเมิ้งหยาไตร่ตรองอยู่หลายรอบ นางตัดสินใจเก็บมันเอาไว้ที่ห้องอ่านหนังสือของท่านพ่อ แม้ซ่างกวนชิงจะใจกล้าบ้าบิ่น แต่นางมิกล้าแตะต้องของเหล่านั้นอย่างแน่นอน เหตุเพราะทุกครั้งที่ท่านพ่อกลับมา เขามักจะหยิบจับตำราแพทย์เหล่านั้นออกมามองอย่างเนิ่นนาน
ฉะนั้นนางจึงจัดเก็บของเก่าของท่านแม่ นอกจากของบางอย่างที่ทิ้งเอาไว้ให้พี่ชายแล้ว นางเก็บของทั้งหมดลงหีบขนาดใหญ่
“น้องสาว เจ้าอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวันไม่ได้หรือ?”
มิอาจทำใจแยกจากได้ หลินหนานเซิงหวนนึกถึงเด็กสาวที่มักจะวิ่งเข้ามาพันแข้งพันขาตัวเขาพร้อมทั้งส่งเสียงหวาน ท่านพี่ ท่านพี่
ทว่าหญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้กลับกลายเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์และเงียบขรึมไปเสียแล้ว
ความผิดหวังกัดกินหัวใจของเขา
“ท่านพี่ ที่นี่เป็นบ้านของข้าตลอดไป หากท่านอยากพบข้า เช่นนั้นท่านสามารถไปหาข้าที่จวนได้ทุกเมื่อ”
อันที่จริงนับตั้งแต่วันที่ได้เข้ามาอยู่ในร่างกายนี้ ความทรงจำอันคุ้นเคยกับจวนเจิ้นหนานโหวกลับกลายเป็นความดาษดื่น
ลึกๆ แล้วในใจนางชอบตำหนักหลิวซินที่นางได้อยู่อาศัยหลังจากฟื้นกลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งมากกว่า
ที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำของเด็กสาวที่แสนน่าสงสารคนนั้น มีเพียงตำหนักหลิวซินที่เป็นที่ของนาง
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าจงระวังตัวเองให้ดีด้วย แม้ท่านอ๋องจะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี แต่เจ้าจะต้องห้ามประมาทเป็นอันขาด”
หลินหนานเซิงเอ่ยกำชับเพราะยังรู้สึกไม่วางใจ คำพูดของเขาทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกกล้ำกลืน
นับตั้งแต่วันที่มาถึงที่นี่ นางเพิ่งจะเข้าใจคำว่าชายชาตรีผู้แสนอ่อนโยน
หากท่านพ่อและท่านพี่อยู่ในสนามรบกับเหล่าสหาย พวกเขาจะเป็นแม่ทัพที่สง่างามและกล้าหาญ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านาง พวกเขาแสดงความอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าขนแกะ
“คุณหนูใหญ่ ฮูหยินและคุณหนูรองมาเจ้าค่ะ”
บรรยากาศอบอุ่นอ่อนโยนระหว่างพี่น้องเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะตั้งใจเผยชายเสื้อเหมือนยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยอย่างไรอย่างนั้น ดูท่าการที่สองแม่ลูกมาปรากฏตัวจะต้องมิใช่เรื่องบังเอิญ
เถียนมามาเดินนำทั้งสองเข้ามาในห้องของหลินเมิ้งหยา ไม่รู้ว่าเพราะพวกนางทำงานล้มเหลวหลายครั้งหรือไม่ พวกนางจึงมีอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อย
เมื่อปรากฏตัวต่อหน้าหลินเมิ้งหยา พวกนางไม่แม้แต่จะเสแสร้งแกล้งยิ้มเหมือนก่อน
“ท่านแม่ น้องสาว”
หลินเมิ้งหยาทำความเคารพและเอ่ยทักทายอย่างมิขาดตกบกพร่อง
“อืม ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังจะกลับจวน ข้าจึงมาดูว่ายังขาดเหลืออะไรอีกหรือไม่”
ตั้งแต่ซ่างกวนชิงย่างกรายเข้ามาในห้อง สายตาของนางเสมือนเครื่องเอ็กซเรย์ที่พยายามสอดส่องข้าวของของนาง
คิ้วเลิกสูงขึ้นเล็กน้อย หลินเมิ้งหยารู้สึกประหลาดใจ ซ่างกวนชิงมาจากสกุลใหญ่ ฉะนั้นข้าวของเครื่องใช้ของนางย่อมล้ำค่ากว่าสิ่งของที่หลินเมิ้งหยามีมาก
แต่เหตุที่สายตาของนางพยายามกวาดมองเช่นนี้ หรือว่า…
“ท่านแม่อย่าได้กังวล ข้าไม่ขาดแคลนอะไรทั้งสิ้นเจ้าค่ะ”
แสร้งเดินไปทางซ้าย หลินเมิ้งหยาตั้งใจยืนบังสายตาของซ่างกวนชิงขณะที่พวกนางสองแม่ลูกกำลังจ้องของเก่าเหล่านั้น
ท่าทางของหลินเมิ้งหยาเสมือนคนร้อนตัวที่มิอยากให้ใครมองเห็นสิ่งของของตนเองอย่างไรอย่างนั้น
แต่ยิ่งนางทำเช่นนี้ ซ่างกวนชิงและหลินเมิ้งหวู่ยิ่งอยากรู้
แต่เพราะสายตาเย็นชาของหลินหนานเซิงกำลังจ้องมองพวกนาง ฉะนั้นพวกนางจึงมิอาจทำอะไรได้
“อ้อ นั่นคงเป็นสิ่งของของท่านพี่ หยาเอ๋อร์ของพวกเรากตัญญูรู้คุณยิ่งนัก แต่ของเหล่านี้ล้วนเสียหายมิอาจใช้การได้ หากเจ้านำกลับจวนจะทำให้เจ้าลำบากเสียเปล่าๆ เช่นนั้นทิ้งพวกมันไว้ที่นี่ ข้าจะหาช่างมาซ่อมแซมให้ เมื่อซ่อมเสร็จแล้วค่อยส่งไปให้เจ้าดีหรือไม่?”
ทุกครั้งซ่างกวนชิงมักจะหาข้ออ้างได้เสมอ
เมื่อก่อนใช้ชื่อเสียงของลูกสาวตนเองมาอ้างและไม่ยอมออกจากจวนอวี้
ตอนนี้คิดจะใช้ข้ออ้างในการซ่อมแซมเพื่อมิให้หลินเมิ้งหยานำของออกไป
แต่นางหาใช่คนที่จะยอมโดนรังแกง่ายๆ เสียเมื่อไร
“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ ของพวกนี้นำไปเป็นที่รำลึกแต่เพียงเท่านั้น แม้จะแตกหักไปบ้าง แต่ข้าก็อยากเก็บเอาไว้ในสภาพเดิม ท่านแม่ได้โปรดเห็นแก่ความกตัญญูของลูกสาวที่มีต่อแม่ผู้ให้กำเนิดแล้วปล่อยให้ข้านำพวกมันกลับไปเถิด”
หลินเมิ้งหยารู้ดียิ่งกว่าใครว่าซ่างกวนชิงเกลียดชังแม่ของตนเองมากมายขนาดไหน
อันที่จริงซ่างกวนชิงเป็นลูกสาวคนรองของสกุลซ่างกวน แต่นางกลับได้เป็นภรรยาของพ่อหม้าย ฉะนั้นเรื่องนี้จึงทำให้นางรู้สึกคับข้องใจไม่น้อย แต่จนกระทั่งตอนนี้หลินเมิ้งหยาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเพราะเหตุใดซ่างกวนชิงจึงยังอดทนอดกลั้นถึงเพียงนี้?
“ก็ดี เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว ตลอดหลายปีมานี้ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อดูแลจวน อีกทั้งยังดูแลพวกเจ้าสองพี่น้องเป็นอย่างดี เข้ามา จงนำของทั้งหมดไปบันทึกเอาไว้ให้ละเอียดเผื่อเหล่าเหยียกลับมาตรวจสอบ ระวังอย่าทำให้ข้าวของของคุณหนูใหญ่เสียหาย”
แม้จะมิอาจเก็บของเอาไว้ แต่อย่างน้อยก็ขอดูก่อนสักหนึ่งรอบ
หลินเมิ้งหยายืนอยู่อีกฝั่ง มุมปากเหยียดยิ้มเย็นชา
แม้นางจะไม่รู้จุดประสงค์ที่ชัดเจนของซ่างกวนชิง แต่การนำชื่อของท่านพ่อมาอ้างย่อมเป็นเหตุผลที่ไม่เลว
ผงกศีรษะลงอย่างช่วยไม่ได้ หลินเมิ้งหยาปล่อยให้พวกนางสองแม่ลูกได้จับจ้องมองดูอย่างเต็มที่ แต่พวกนางกลับมิอาจแตะต้องของเหล่านั้นได้
“วางใจ พวกนางไม่อาจเอาของของท่านแม่ไปได้แม้แต่ชิ้นเดียว”
ไม่รู้ว่าหลินหนานเซิงขยับเข้ามายืนด้านหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากระซิบเสียงเบา
เหตุเพราะมีป๋ายจื่อและเถียนมามาคอยจับตามอง ฉะนั้นคนเหล่านั้นจึงมิอาจแตะต้อง
ดวงตาของสองแม่ลูกโดยเฉพาะหลินเมิ้งหวู่ที่ได้เห็นอัญมณีล้ำค่าบนชุดลวดลายงดงามเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยา
หากมิใช่เพราะเถียนมามาชักสีหน้าเย็นชาและป๋ายจื่อยืนจ้องตาเขม็งอยู่ข้างๆ บางทีนางอาจจะเก็บเอาไว้เป็นของตัวเอง
“ทั้งหมดสามสิบหกชิ้น ฮูหยิน คุณหนูรอง บันทึกครบหมดแล้วเจ้าค่ะ เมื่อครู่หนู่ปี้และเถียนมามาบอกรายละเอียดสิ่งของอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ทราบว่าพวกท่านทั้งสองยังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่?”
ดวงตาเย็นชาคมกริบของหลินเมิ้งหวู่หันไปมองป๋ายจื่อด้วยความอาฆาต
หรูเยว่! นังแพศยา! เมื่อก่อนนางยังเป็นเพียงลูกไล่ เวลาโดนทุบตีก็เอาแต่ร้องไห้ร้องขอชีวิต แต่ตอนนี้นางกลับอาศัยอำนาจของหลินเมิ้งหยามาแสดงตัวข่มนาง
ขณะที่กำลังจ้องอยู่นั้น หลินเมิ้งหวู่ที่มิอาจควบคุมตัวเองได้เงยหน้า ก่อนจะเงื้อมือขึ้นหมายจะตบหน้าป๋ายจื่อ