ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 370 ความจริงเปิดเผย
ใบหน้านวลแดงระเรื่อเผยให้เห็นอาการขวยเขิน หลินเมิ้งหยารับคำอวยพรจากเถียนหนิงด้วยความยินดี
นางคิดไม่ถึงเลยว่าหลงเทียนอวี้จะใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดมาชิงตัวนางกลางทางเอาดื้อๆ เช่นนี้
ตอนแรกนางส่งสัญญาณให้พี่ชายไปขอความช่วยเหลือจากหลงเทียนอวี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาที่นี่เพียงคนเดียว
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็นึกถึงเรื่องที่หลงเทียนอวี้ใช้ตราพยัคฆ์ช่วยเหลือนาง
แปลก ท่านพ่อเคยเล่าว่าตราพยัคฆ์ของทหารหลวงอยู่ที่ฮ่องเต้ แล้วเหตุใดจึงตกอยู่ในมือของหลงเทียนอวี้ได้เล่า?
เถียนหนิงกลับมองไม่เห็นอาการเหม่อลอยของหลินเมิ้งหยา เหตุเพราะเขากำลังนึกโทษตัวเองอยู่ในใจ
นั่งเงียบอยู่นาน สุดท้ายเถียนหนิงจึงตัดสินใจสารภาพความผิดต่อหลินเมิ้งหยา
เหตุเพราะความเชื่อใจอันแสนบริสุทธิ์ทำให้เขาไม่อาจปกปิดเรื่องนี้กับหลินเมิ้งหยาได้อีกต่อไป
“หยาเอ๋อร์ ข้าขอโทษ อันที่จริงข้าตอบรับข้อเสนอของพวกเขาให้รั้งตัวเจ้าเอาไว้เพื่อที่พวกเขาจะได้ทำตามแผนการให้สำเร็จ”
เพียงประโยคนี้หลุดออกไป โซ่ตรวนในหัวใจของเถียนหนิงราวกับถูกปลดเปลื้อง
ความจริงมีคนมาหาเขาก่อนที่ท่านแม่จะกลับมา
คนผู้นั้นกล่าวว่าหลินเมิ้งหยาเป็นพวกลืมบุญคุณคน เมื่อได้ขึ้นเป็นชายาอวี้ นางก็ลืมผู้มีพระคุณของตนเองจนหมดสิ้น
แม้เถียนหนิงจะไม่เชื่อ แต่ถึงกระนั้นก็ถูกคำพูดของอีกฝ่ายกระตุ้น
หากมิใช่เพราะเขาได้พบหลินเมิ้งหยาอีกครั้งและได้เห็นนางยังคงเคารพนับถือมารดาของตน ป่านนี้คนพวกนั้นคงทำการสำเร็จไปแล้ว
“เจ้า….เจ้าเด็กบ้า! นางเป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าทำร้ายนางลงคอได้อย่างไร!”
เถียนมามามองหน้าลูกชายเพียงคนเดียวด้วยอาการตกตะลึง แม้เด็กคนนี้จะมีร่างกายอ่อนแอ แต่เขาก็เป็นเด็กจิตใจดี
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำเช่นนี้!
“ท่านแม่ ลูกผิดไปแล้ว ท่านแม่จะด่าหรือทุบตีลูกก็ได้ แต่ท่านอย่าได้โกรธเกรี้ยวมากนัก เดี๋ยวจะส่งผลต่อร่างกายของท่าน”
เถียนหนิงกล่าวขอโทษและยอมรับผิด เรื่องทำร้ายหลินเมิ้งหยาทำให้จิตใจของเขากระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา
โชคดีที่ความผิดคราวนี้ยังไม่เกิดผลร้ายแรง มิฉะนั้นเขาคงไม่อาจให้อภัยตัวเอง
“หยาเอ๋อร์ พวกเราสองแม่ลูกทำผิดต่อเจ้า”
หยดน้ำตารินไหล เถียนมามายังคงจดจำภาพหลินเมิ้งหยาที่เสี่ยงชีวิตปกป้องพวกนางสองแม่ลูกเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน
ฉะนั้นหลังจากลูกชายของตนเองสารภาพความผิดออกมา เถียนมามารู้สึกว่าตนเองไม่มีค่าพอให้หลินเมิ้งหยาปกป้อง
“อย่าเอ่ยเช่นนี้อีกเลยเจ้าค่ะ ข้ารู้จักนิสัยใจคอของพี่หนิงดี เขาคงถูกคนเหล่านั้นยุยง เมื่อครู่พี่หนิงเองก็พยายามร้องขอให้ข้าพาท่านออกไป ข้าเดาว่าพวกเขาต้องนำความปลอดภัยของท่านมาข่มขู่พี่หนิงอย่างแน่นอน อันที่จริงหากข้าตกอยู่ในที่นั่งเดียวกันกับพี่หนิง ข้าก็คงทำอะไรไม่ถูก มามาอย่าได้กล่าวโทษเขาเลย”
หลินเมิ้งหยากล่าวด้วยความจริงใจ มือเล็กจับมือเหี่ยวย่นของเถียนมามาวางลงบนตัก
นางไม่นึกโทษเถียนหนิงเลยแม้แต่น้อย หากนางสามารถปกป้องเถียนมามาได้เร็วกว่านี้ เถียนหนิงก็คงไม่ถูกคนเหล่านั้นข่มขู่
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่อยู่ในเรือนเล็ก นางเองก็เห็นความผิดปกติของเถียนหนิง
เถียนหนิงพยายามร้องขอให้นางพาเถียนมามาออกไปจากที่นั่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเจตนาคิดร้ายต่อนาง
“ฮูหยินเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราสองแม่ลูก คิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายของข้าจะคิดทำร้ายลูกสาวของนาง”
แม้เถียนมามาจะมีจิตใจดี แต่ถึงกระนั้นความโกรธเกรี้ยวก็ยังคงครอบงำหัวใจ
นางสำนึกบุญคุณของฮูหยินเสมอ อีกทั้งนางยังเป็นผู้เลี้ยงดูสองพี่น้องสกุลหลินจนเติบใหญ่มากับมือ นางจึงรู้สึกรักและเอ็นดูพวกเขาเสมือนลูกแท้ๆ
เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของเถียนมามา เถียนหนิงรู้สึกผิดเกินบรรยาย เขานั่งพิงผนังเงียบๆ และปล่อยให้น้ำตารินไหล
เขาไม่อาจให้อภัยตัวเองได้
“เอาล่ะ เอาล่ะ มามา ท่านอย่าได้เสียใจไปเลย จากนี้ไปท่านไปอยู่กับข้าที่จวนอวี้เถิด สาวใช้ของข้าล้วนไม่ได้เรื่อง พวกผอจื่อก็เห็นว่าข้าอายุยังน้อย ฉะนั้นจึงไม่ยอมทุ่มเทแรงกายแรงให้ หากท่านไปอยู่ด้วย พวกนางจะได้รู้จักกฏระเบียบและไม่กล้าดูแคลนข้าอีก”
หากคนทั้งจวนอวี้ได้ยินคำพูดของหลินเมิ้งหยา พวกนางจะต้องร้องไห้แทบขาดใจอย่างแน่นอน
อย่าว่าแต่พวกนางเลย แม้แต่ท่านอ๋องเองก็ให้เกียรติพระชายาอย่างยิ่ง กุญแจประตูคลังทุกแห่งในจวนล้วนอยู่ที่พระชายาทั้งสิ้น
ตอนนี้พวกเขายอมถูกท่านอ๋องผู้มีใบหน้าอันแสนเย็นชาลงทัณฑ์ดีกว่าถูกพระชายาที่มักจะแย้มยิ้มอยู่เสมอลงโทษ
แต่เพื่อโน้มน้าวเถียนมามาแล้วนางยอมชักแม่น้ำทั้งห้ามากล่าวอ้าง แม้เถียนมามาจะมีรูปลักษณ์เป็นแม่บ้านธรรมดา แต่นางเป็นคนละเอียดรอบคอบ อีกทั้งยังสามารถรับแรงกดดันได้ดี มิเช่นนั้นนางคงไม่อาจทำงานภายใต้การกดขี่ของซ่างกวนชิงและปกป้องดูแลพวกนางสองพี่น้องได้
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนสิ่งที่ผู้เป็นมารดากังวลมากที่สุดคือการที่บุตรสาวของตนถูกบ้านสามีรังแก
กอปรกับก่อนหลินเมิ้งหยาจะแต่งงานออกเรือน นางมิเคยทำงานบ้านงานเรือนมาก่อน จวนอ๋องทั้งใหญ่โตทั้งมีกฎระเบียบเข้มงวด ในสายตาของคนภายนอกผู้ที่จะดูแลงานในจวนได้จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินหลินเมิ้งหยากล่าวเช่นนั้น สายตาผิดหวังของเถียนมามาถูกแทนที่ด้วยความกังวล
“เด็กน้อย อยู่ที่นั่นคงทุกข์ใจมากใช่หรือไม่? ข้ามองออก แม้ท่านอ๋องจะดีต่อคุณหนูมาก แต่ครอบครัวของเขาจะต้องเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้นหยาเอ๋อร์ของข้าจะอยู่อย่างสุขสบายได้อย่างไร”
หลินเมิ้งหยาไม่รังเกียจที่จะเอนศีรษะลงบนตักของเถียนมามา
แม้ดวงตาจะยังคงเปล่งประกาย ทว่าริมฝีปากกลับขยับขึ้นลงเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย
“ท่านไม่อยู่ข้างกายข้า ฉะนั้นจึงไม่มีใครสอนงานให้ข้าเลย เช่นนั้นข้าจะรู้วิธีการดูแลฟู่จวินและครอบครัวของสามีได้เช่นไร”
ฉะนั้นนางจึงต้องต่อสู้ด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญเพื่อชิงหัวใจของหลงเทียนอวี้มาให้ได้
“ข้าหาได้รู้ความไม่ ตอนที่เพิ่งเข้าไปอยู่ในจวน พวกผอจื่อและคนรับใช้ต่างไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา ฉะนั้นข้าจึงใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก”
ถูกต้อง แต่ถึงอย่างไรตอนนี้พวกสาวใช้ที่ถูกนางอบรมสั่งสอนมาอย่างดีได้แผ่อำนาจไปทั่วทั้งจวนอวี้แล้ว
“ต่อมา ผอผอของข้าซึ่งก็คือพระสนมเต๋อเฟยได้ย้ายเข้ามาอยู่ในจวน ข้าต้องทนทุกข์ใจอยู่หลายครั้ง หากมิใช่เพราะมีท่านอ๋องคอยปกป้อง เกรงว่าป่านนี้ข้าอาจไม่ได้มาพบเจอท่านแล้ว”
หยดน้ำสีใสเอ่อล้นอยู่ในดวงตาของหลินเมิ้งหยา ทว่านางไม่ยอมให้มันไหลออกมา
เสียงอ่อนหวานแหบพร่า น้ำตาของนางเสมือนสิ่งบุกทะลวงหัวใจของเถียนมามา
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ทุกข์ใจ’ ของนาง หัวใจพลันเจ็บปวดจนยากจะพรรณนา
ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเถียนมามาด้วยท่าทางออดอ้อน ทั้งที่ในใจกำลังแอบหัวเราะ
นางรู้ดีว่าเถียนมามาไม่มีวันทนเห็นนางทุกข์ทรมานได้ ฉะนั้นนางมั่นใจว่าเถียนมามาจะต้องกลับจวนอวี้ไปกับนางอย่างแน่นอน
หลงเทียนอวี้ที่ขี่ม้านำหน้ารถม้าอยู่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขามองคนทั้งสามในรถม้าด้วยความสงสัย
แม่บ้านชราคนนั้นขอบตาแดงก่ำและจับมือของหลินเมิ้งหยาแน่น ทว่าสายตาที่มองมาทางเขากลับเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจและตื้นตัน
หลินเมิ้งหยาที่เดินลงจากรถม้าพร้อมกับหญิงชราแสดงท่าทางขวยเขิน แต่เขากลับมองเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของนาง อีกทั้งนางยังประคองและดูแลหญิงชราและชายด้านหลังเป็นอย่างดี
แม้ร่างกายของชายคนนั้นจะโอนเอนเพราะอาการป่วย ทว่าเขากลับก้มหน้าลงตลอดเวลา
สายตาที่มองทางหลินเมิ้งหยาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด
แม้เขาจะพอเดาได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังกระโดดลงจากหลังม้าแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าหลินเมิ้งหยาพร้อมกับกล่าวเสียงอ่อนโยน
“เจ้าเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวในจวนก่อนเถิด อีกเดี๋ยวพวกเราจะกลับจวนอวี้กัน”
เสียงทุ้มต่ำอ่อนหวานยิ่งทำให้ใบหน้าเรียวเล็กแดงก่ำ
หันหน้าไปมองหลงเทียนอวี้ซึ่งอยู่ห่างกันแค่คืบ ความรู้สึกเขินอายสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ศีรษะผงกลงเร็วๆ ก่อนที่นางจะรีบจูงมือหญิงชราเข้าจวนหลินไป
คนเฝ้าประตูเปลี่ยนกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว ฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นจึงดูราวไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
ดวงตาเย็นชากวาดมองทั่วทั้งสี่ทิศ ซ่างกวนชิงสองแม่ลูกเสแสร้งแสดงท่าทีว่าไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น หลินเมิ้งหยาจึงทำได้เพียงระงับความโกรธเกรี้ยวของตนเองเอาไว้ในใจ
ใบหน้าแสดงอาการตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น? ลูกสาวของข้าเป็นอะไรไป? หากเจ้าเป็นอะไรไปขึ้นมา เช่นนั้นแม่จะมีชีวิตอยู่อย่างไร!”
ทั้งที่เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ซ่างกวนชิงยังคงแสดงท่าทางประหนึ่งมารดาผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อหน้าหลงเทียนอวี้
หลินเมิ้งหยารู้สึกอยากหัวร่อ อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่หลงเทียนอวี้เองก็รู้ว่าพวกนางสองแม่ลูกเป็นคนเช่นไร
เหตุที่ยังคงเล่นละครเช่นนี้คงเพราะอยากทำให้ทุกคนว่าตนเองไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะได้พ้นผิด
“ท่านแม่โปรดวางใจ ข้าเป็นคนมีบุญวาสนา ฉะนั้นจึงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย จริงสิ ท่านพี่กลับมาแล้ว พวกท่านได้เจอเขาแล้วหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาไม่สนใจที่จะเล่นละครกับพวกนาง
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้พวกนางสองแม่ลูกจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับอย่างแน่นอน
“พี่ชายของเจ้ากลับเรือนไปแล้ว จริงสิ พี่ชายของเจ้ากลับมา เช่นนั้นเหล่าเหยียเล่า? เหล่าเหยียกลับมาด้วยหรือไม่?”
การกลับมาอย่างกะทันหันของหลินหนานเซิงทำให้ซ่างกวนชิงตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เหตุเพราะกลัวว่าแผนการที่วางเอาไว้จะถูกหลินหนานเซิงมองออกจนหมด หรือบางทีเขาอาจจะจับผิดอะไรบางอย่างได้ เมื่อถึงเวลานั้นเหล่าเหยียจะต้องพิโรธมากอย่างแน่นอน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินหนานเซิงจะไม่พูดจาแม้แต่คำเดียว เขาตรงดิ่งกลับไปยังเรือนของตนเอง นอกจากหลินเมิ้งหยาแล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปสืบสาวหาความจากเขา
ขณะเดียวกัน นางได้รับข่าวว่าหลงเทียนอวี้ช่วยหลินเมิ้งหยากลับมาได้แล้ว พวกนางที่กำลังตกตะลึงจึงมารวมตัวกันที่นี่เพราะกลัวว่าหลินเมิ้งหยาจะมีหลักฐานอะไรในมือ
แต่พวกนางไม่รู้เลยว่าหลินเมิ้งหยามองการแสดงของพวกนางออกทั้งหมด
“ท่านพ่อกลับมาหรือไม่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป เถียนมามาจะกลับมาอยู่ข้างกายข้าดังเดิม…”
หลินเมิ้งหยาสาวเท้าก้าวไปประจันหน้ากับซ่างกวนชิง ก่อนจะเอ่ยเน้นทีละคำ
“…รู้สึกราวกับมารดาผู้ให้กำเนิดข้ากลับมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น”