ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 12 บทที่ 356 สงสัยหนัก
“นี่เขายังกล้าไปที่นั่นอีกหรือ? ฮองเฮาไม่ห้ามปรามเขาเลยหรืออย่างไร?”
หลงเทียนอวี้รู้สึกสงสัยขึ้นมาครามครัน แม้ไท่จื่อจะเอาแต่ใจแต่เขาหาใช่คนมิรู้ความ
สถานการณ์ตอนนี้เป็นไรเขาย่อมรู้ดี หากโชคดีเขาจะได้ขึ้นครองบัลลังก์
ทว่าตอนนี้เขากลับไปขลุกอยู่ในหอนางโลม เช่นนั้นจะมิเป็นการจุดไฟเผาตัวเองหรือ
“ตอนนี้ฮองเฮามิอาจควบคุมเขาได้อีกต่อไป ได้ยินมาว่ามีหญิงสาวรูปงามโดดเด่นมาสองคนรับหน้าที่นางโลมชั้นสูงอยู่ที่โรงเตี๊ยมจันทรา หนึ่งในนั้นชื่อว่าฉีเสวี่ย นางไม่เพียงเป็นหญิงงามล่มเมือง แต่ยังรู้หนังสือและจิตใจดีอีกด้วย เพียงไท่จื่อได้เจอนางครั้งเดียว เขาก็พร่ำเพ้อละเมอหานางไม่หยุด แต่ที่ไม่มีใครคาดถึงก็คือหลังจากได้ดื่มด่ำความรักเพียงไม่นาน ฉีเสวี่ยคนนั้นก็มีทายาทให้ไท่จื่อเสียแล้ว”
เสียงของหลงชิงหานแข็งทื่อประหนึ่งเครื่องจักร
สำหรับเชื้อพระวงศ์แล้ว อย่าว่าแต่โสเภณีจากหอนางโลมเลย แม้แต่ครอบครัวของหญิงสาวชั้นสูงเองก็มิอาจรับประกันได้ว่าจะมีหน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์ได้
ตอนนั้นหากมิใช่เพราะความรักและเมตตาจากพระสนมเต๋อเฟย อย่าว่าแต่หมู่เฟยของเขาเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจถูกโยนเข้าตำหนักเย็นไปแล้ว
ทว่าตอนนี้ไท่จื่อให้กำเนิดทายาทกับโสเภณี
ฮองเฮาไม่เพียงไม่ห้าม แต่กลับยังปล่อยให้เขาทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ต่อไป
ตกลงพวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
“บางทีอาจเพราะเขาไร้น้ำยา แม้จวนของไท่จื่อจะมีชายารองและอนุภรรยามากมาย แต่เขากลับไม่มีทายาทแม้แต่คนเดียว เช่นนั้นฮองเฮาคงร้อนใจกระมัง?”
ทว่าแม้แต่หลงเทียนอวี้ที่เป็นผู้เอ่ยประโยคนี้เองก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
ฮองเฮาเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย แต่ช่วงนี้นอกจากจะไม่ห้ามปรามไท่จื่อแล้ว นางยังช่วยเขาอีก
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าชื่อเสียงของราชวงศ์จะต้องป่นปี้เพราะไท่จื่อเป็นแน่
หากคิดอยากปกป้องลูกชายและรักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทให้แก่เขา เช่นนั้นนางควรหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้จึงจะถูก แต่ตอนนี้ดูเหมือนฮองเฮากำลังปล่อยเขาให้ทำตามอำเภอใจ
“พี่สาม หรือฮองเฮากำลังคิดจะหาองค์ชายองค์ใหม่มาแทนที่ไท่จื่อ?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลงชิงหานจึงเอ่ยขึ้นมา
ใช่ว่าในอดีตจะมิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ แต่สถานการณ์ในเวลานี้แตกต่างออกไป
เสด็จพ่อมีองค์ชายที่เติบโตแล้วมากมาย แต่ถ้าหากคิดจะเปลี่ยนองค์รัชทายาท เช่นนั้นจะต้องผ่านการยอมรับจากฮองเฮาก่อน
“ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น ไท่จื่อได้รับการอบรมสั่งสอนจากฮองเฮาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าใครก็มองออกว่าฮองเฮาฝากความหวังไว้ที่ไท่จื่อ อีกทั้งฮองเฮายังรักและเอ็นดูไท่จื่อมาก หากเปลี่ยนองค์รัชทายาท เช่นนั้นนางจะหาประโยชน์จากองค์รัชทายาทคนใหม่ได้อย่างไร?”
เมื่อนึกถึงฮองเอา หลงเทียนอวี้อดที่จะคิดถึงหมู่เฟยที่หายตัวไปไม่ได้
แม้เขาจะรู้ว่าผู้หญิงในตำหนักหยาเสวียนหาใช่หมู่เฟยของเขา แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าหมู่เฟยของเขาอยู่ที่ใด
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอเพียงแก้ไขปัญหาเรื่องกรมกลาโหมได้ เท่านี้ฝั่งเราก็ยังได้เปรียบ พี่สามเองก็จะได้ไม่ต้องกังวลใจอีก”
ไท่จื่อวางแผนเอาไว้อย่างดีเยี่ยม เขานำเรื่องพื้นที่เพาะปลูกมาอ้าง หากพี่สามจัดการไม่ดี เช่นนั้นเขาจะใช้โอกาสนี้ในการรวบอำนาจของกรมกลาโหมเอาไว้ในมือ
“ในเมื่อไท่จื่อมั่นอกมั่นใจเสียขนาดนั้น เช่นนั้นคนของพี่สามจะสามารถจัดการงานในกรมกลาโหมอย่างราบรื่นได้หรือไม่?”
เหตุที่หลงชิงหานเอ่ยเช่นนี้ หาใช่เพราะเขากำลังสงสัยในตัวคนที่พี่สามเลือก แต่เพราะเหตุการณ์ในเวลานี้ค่อนข้างคับขัน
ดวงตาสีดำคมกริบของหลงเทียนอวี้เปล่งประกาย
“คนที่ข้าหามาย่อมมิใช่คนธรรมดา ในเมื่อมอบโอกาสให้เขาแล้ แต่เขากลับรักษาไว้ไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าข้าดูคนได้ไม่ดีพอ”
มองดูท่าทางเคร่งขรึมของหลงเทียนอวี้ หลงชิงหานรู้สึกว่าตนเองกังวลมากจนเกินไป
เหตุเพราะกรมกลาโหมมีพี่สามคอยดูแล ดังนั้นจึงยังไม่ตกเป็นหุ่นเชิดของใคร
เนื่องจากอำนาจทางการทหารเป็นเรื่องอ่อนไหว แม้พี่สามจะไร้ซึ่งความทะเยอทะยานในการแย่งชิงบัลลังก์ แต่ถึงกระนั้นกองกำลังทหารก็ล้วนเชื่อฟังคำสั่งของพี่สามเป็นอย่างดี
หากคนเหล่านั้นเอนเอียงไปทางไท่จื่อ เช่นนั้นคนที่พี่สามหามาอาจต้องพบเจอกับแรงกดดัน
แต่ในเมื่อพี่สามเอ่ยเช่นนี้ เช่นนั้นเขาคงทำได้เพียงหวังว่าคนที่พี่สามหามาจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง
ฝ่ายองค์ชายกำลังคุยกันเรื่องกองกำลังทหารในประเทศ แต่ทางฝั่งตำหนักหลิวซินกลับมีบรรยากาศผ่อนคลาย
หลินเมิ้งหยาจ้องสมุนไพรตรงหน้านิ่ง เหตุเพราะมีระบบเซินหนงคอยช่วยเหลือ ฉะนั้นการวิเคราะห์และจำแนกประเภทจึงง่ายขึ้นมาก
แม้นางจะปรับส่วนผสมถึงสามครั้ง แต่กลับไม่มีสมุนไพรชนิดใดสามารถใช้แทนสมุนไพรจิ้งซินเหลียนได้เลย
หรือจะไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ?
ชิวอวี้ซึ่งนั่งพลิกอ่านหนังสืออยู่ด้านข้างรู้สึกตกตะลึง
ตอนแรกเขาคิดว่าหลินเมิ้งหยาเก่งกาจเฉพาะวิชาควบคุมเข็ม แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีความรู้ด้านยาพิษมากกว่าตนเองเสียอีก
เขามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์ตั้งแต่เด็ก อันที่จริงทั้งสำนักหมอหลวงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีความสามารถเท่าเขา
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาที่เป็นเพียงหญิงสาวอายุไม่มากจะทำลายความมั่นใจของเขาเช่นนี้
จริงๆ เลย เหนือฟ้ายังมีฟ้าสินะ
“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยากขนาดนี้”
หลินเมิ้งหยาถอนหายใจ
ด้านหน้า ไม่มียาสมุนไพรชนิดใดสามารถแทนที่สมุนไพรจิ้งซินเหลียนได้เลย
จะทำเช่นไรดีนะ?
หรือจะต้องใช้ยาที่มีสรรพคุณด้อยลง?
ประสิทธิภาพไม่เป็นไปตามที่คิดนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าหากทำให้อาการแย่ลงหรือต้องเสียเวลาเพิ่มต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่
“สูตรยาของเจ้าค่อนข้างมีเอกลักษณ์มากทีเดียว ข้าเชื่อว่าจะต้องมีวิธีจัดการกับยาพิษในพระวรกายของฮ่องเต้ได้อย่างแน่นอน”
ชิวอวี้ยิ้มอ่อนโยนเพื่อปลอบใจหลินเมิ้งหยา
ตอนนี้เวลาค่อนข้างกระชั้น หากมิใช่เพราะความสามารถของหลินเมิ้งหยา เกรงว่าพวกเขาคงหาไม่มีวิธีการรักษาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
“แม้ยาเหล่านี้จะดูเหมือนสามารถรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ได้ แต่ยังขาดอีกหนึ่งสิ่ง นั่นก็คือสมุนไพรที่ชื่อว่าจิ้งซินเหลียน ข้าลองผสมยาชนิดอื่นลงไปแล้ว แต่กลับมิอาจแทนที่ได้”
จิ้งซินเหลียน เพียงสามคำนี้ทำให้ชิวอวี้ถึงกับอ้าปากค้าง
นี่มัน….ยาสมุนไพรลับประจำตระกูลของเขา
บนโลกใบนี้มีสมุนไพรมากมายที่มิได้รับความสนใจ แต่กลับมีคุณประโยชน์ค่อนข้างมาก ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่มีวิธีการเก็บเกี่ยวที่ดีก็จะไม่สามารถนำมันมาได้
“จำเป็นต้องใช้ยาตัวนี้จริงหรือ? ข้าได้ยินมาว่าต้าจิ้นมีสมุนไพรชนิดนี้แทบนับจำนวนได้ เช่นนั้นเจ้าไปได้ยินชื่อยาสมุนไพรชนิดนี้มาจากที่ใด?”
ชิวอวี้ถามหยั่งเชิง มือพลิกกระดาษไปมา
เขาอยู่ที่สำนักหมอหลวงมานานแล้ว แต่ในตำราแพทย์เหล่านั้นกลับไม่มีการบันทึกชื่อสมุนไพรจิ้งซินเหลียนเอาไว้
แม้จะมีคนรู้จัก แต่ก็น้อยมากที่จะนำมาปรุงยา
“ข้า…เคยเห็นจากตำราการแพทย์เล่มหนึ่ง”
ดวงตาของหลินเมิ้งหยาเปล่งประกาย แต่ไม่นานก็หม่นหมองลง
ความสามารถในการแพทย์ของนางอาจตบตาผู้อื่นได้ แต่มิใช่กับหมอเทวดาเช่นชิวอวี้
นางมิอาจบอกเขาได้ว่าสมองของนางมีระบบเซินหนงคอยช่วยเหลืออยู่
“ตำราแพทย์? เป็นเช่นไรอย่างนั้นหรือ? เจ้าเคยเห็นมันหรือไม่?”
ชิวอวี้เค้นถาม หลินเมิ้งหยาเริ่มทำตัวไม่ถูก
นางเคยเห็นตำราแพทย์ไม่มาก ส่วนใหญ่นางมักจะปล่อยให้ระบบเซินหนงแสกนเข้าสมองเองด้วยความขี้เกียจ
เมื่อครู่นางทำเพียงค้นหาข้อมูลในระบบเท่านั้น แต่กลับไม่พบว่าสมุนไพรจิ้งซินเหลียนอยู่ในตำราใด
โกหกดีหรือไม่? แต่นางมั่นใจว่าชิวอวี้จะต้องจับได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
“โอ้…อันที่จริง ข้าเคยเห็นในหนังสือของท่านแม่ เจ้าเองก็รู้ว่าท่านแม่ของข้าเคยเป็นหมอเลื่องชื่อในวังหลวง ฉะนั้นข้าก็เลยได้รับสืบทอดมาเล็กน้อย”
โกหกตาใส อย่าว่าแต่นางในเวลานี้เลย แม้แต่หลินเมิ้งหยาคนก่อนเองก็แทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมารดาเหลืออยู่
หากมิใช่เพราะท่านแม่ตายไปแล้ว นางก็คงมิกลายเป็นเด็กน่าสงสารที่สุดในโลกเช่นนี้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชิวอวี้จะแสดงท่าทางกระตือรือร้นออกมา
มือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือของนาง ก่อนจะเอ่ยเสียงจริงจัง
“เพราะเหตุนี้ข้าจึงคิดเสมอว่าวิธีรักษาของเจ้ามีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร หากเป็นเพราะเจ้าได้รับการสืบทอดมาจากแม่นั่นก็สมเหตุสมผล จงจำเอาไว้ ตำราแพทย์ของแม่เจ้าเป็นของล้ำค่า อย่าได้เผยกับใครว่าตำราเล่มนั้นอยู่ในมือของเจ้า”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ทว่าดวงตากลมโตกลับเจือไว้ซึ่งความฉงน
ตำราแพทย์? ตำราแพทย์อะไรกัน?
อีกอย่าง ชิวอวี้เพิ่งจะมาอยู่ที่เมืองหลวงไม่กี่ปี จากนั้นจึงสอบผ่านและได้ทำงานที่สำนักหมอหลวงมิใช่หรือ? เหตุใดเขาจึงรู้เรื่องที่ว่าแม่ของหลินเมิ้งหยาเป็นหมอเทวดาประจำเมืองหลวงเล่า?
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว พวกเราครุ่นคิดหาสมุนไพรมาใช้แทนจิ้งซินเหลียนกันก่อนเถิด”
หลินเมิ้งหยารีบจบบทสนทนานี้
หากยังถามต่อแล้วล่ะก็ นางกลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผย
“ไม่เป็นไร วางใจเถิด ที่บ้านข้ามีสมุนไพรจิ้งซินเหลียน แม้จะไม่มากแต่ก็เพียงพอให้เจ้าได้ใช้งาน”
ชิวอวี้เอ่ยอย่างยินดี หลินเมิ้งหยามองนิ่งเสมือนคนโง่ ก่อนจะยิ้มอึดอัด
“เหตุใดบ้านของเจ้าจึงมีสมุนไพรหายากเช่นนี้เล่า?”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยถามด้วยความสงสัย อย่าว่าแต่เมืองหลวงเลย ทั่วทั้งต้าจิ้นเองก็อาจจะไม่มีสมุนไพรจิ้งซินเหลียนที่มีอายุการใช้งานเหมาะสม
“นั่นก็เพราะบ้านข้ามีสวนที่เอาไว้ปลูกสมุนไพรหายากโดยเฉพาะ นี่เป็นวิชาการเพาะปลูกจำเพาะของตระกูลข้า หากมีโอกาส ข้าจะสอนเจ้า”
คำพูดของชิวอวี้ทำให้หลินเมิ้งหยาตกตะลึง
วิชาการเพาะปลูกเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนใฝ่ฝัน
นางรีบพยักหน้ารับ ดูเหมือนนางจะต้องหาเวลาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง
จากนั้นทำสวนสมุนไพรหายากในร้านสามสหาย เท่านี้รายได้ของนางก็จะเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อถึงเวลานั้น เงินที่ได้จากร้านสามสหายจะมีมากจนนางใช้ไม่หมด!