ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 12 บทที่ 348 เกิดขึ้นตามลำดับ
“นี่คือ….”
หลินเมิ้งหยายื่นมือออกไปรับห่อผ้าที่ถูกมัดเอาไว้แน่น ก่อนจะคลายปมแต่ละชั้นออก สิ่งของที่อยู่ภายในคือเกราะหัวใจสีทองอร่าม
“นี่คือเกราะหัวใจของท่านแม่ทัพไร้พ่ายในราชวงศ์ก่อน ได้ยินมาว่ามันถูกสร้างขึ้นจากหินเฟยซือ ข้ารู้ว่าท่านแม่ทัพต้องออกรบที่เขตพรมแดนอยู่เสมอ ข้าหวังว่าเกราะหัวใจชิ้นนี้จะสามารถปกป้องท่านแม่ทัพได้ แม้เพียงครั้งเดียวก็ยังดี”
ใบหน้าของซ่างกวนฮุ่ยแดงระเรื่อเพราะความเขินอาย ทว่าดวงตากลับฉายแววเข้มแข็ง
หลินเมิ้งหยามองออกว่าคุณหนูสูงศักดิ์แห่งสกุลซ่างกวนจริงใจกับพี่ชายของนางจริงๆ
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดกับพี่เยว่ถิง
หากมิใช่เพราะนาง ป่านนี้พี่เยว่ถิงและพี่ชายย่อมได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขร่วมกันอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากซ่างกวนฮุ่ยและพี่ชายมีชะตาต้องกัน เช่นนั้นนางก็มิขัดข้อง แต่หากมิเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่มีทางบังคับฝืนใจพี่ชายอย่างแน่นอน
สิ่งที่ทำให้นางยอมช่วยเหลือซ่างกวนฮุ่ยคงเป็นเพราะดวงตาสุขุมนุ่มลึกของซ่างกวนฮุ่ยที่ละม้ายคล้ายคลึงกับพี่เยว่ถิง
ปลอบโยนซ่างกวนฮุ่ยอีกพักใหญ่ หลินเมิ้งหยาจึงสั่งให้คนแอบไปส่งซ่างกวนฮุ่ย
เอื้อมมือไปพลิกเกราะหัวใจชิ้นนั้นเล่น ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นตัวอักษรทางด้านหลัง ‘ชิงหยวน’
ตื่นตะลึง หากนางจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ เจ้าของเกราะหัวใจชิ้นนี้ก็คือเทพเจ้าแห่งสงครามจางชิงหยวน!
เมื่อห้าสิบปีก่อน คนผู้นี้เป็นแม่ทัพไร้พ่ายของราชวงศ์ก่อน
ทว่ายี่สิบปีก่อน เหตุเพราะโรคประจำตัวจึงทำให้เขาเสียชีวิตลง หากเขายังอยู่แล้วล่ะก็ ตอนนี้เขาคงเป็นชายชราอายุเจ็ดสิบ
หากนี่เป็นเกราะหัวใจของแม่ทัพจางจริงๆ ล่ะก็ แสดงว่าท่านแม่ทัพผู้นี้จะต้องเป็นคนที่สกุลซ่างกวนบูชาใช่หรือไม่?
หลับตาลงเบาๆ เพื่อปะติดปะต่อเรื่องราว ก่อนสมองจะเริ่มประมวลผลวุ่นวาย
นางดึงจุดที่ตัวเองไม่ทันสังเกตเห็นมาก่อนออกมาทั้งหมด
ก่อนจะพบว่าเมื่อนำเรื่องทั้งหมดมาพินิจพิเคราะห์รวมกัน เช่นนั้น….
ดวงตาเบิกกว้าง ลูกตาสีดำสนิทเปล่งประกาย
หากมีใครบังเอิญผ่านมาเห็นจะต้องตกใจจนตัวโยนอย่างแน่นอน
หน้าผากสีขาวดุจหิมะมีเหงื่อผุดพราย
เหตุใดนางจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าฮองเอาคิดจะกระทำการนั้น
หากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นเท่ากับว่าไม่ว่าหลงเทียนอวี้หรือท่านพ่อ หรือแม้กระทั่งฮ่องเต้ที่ยังคงบรรทมมิฟื้นเองก็ตกอยู่ในอันตราย
โชคดีที่ช่วงก่อนนางได้เข้าวังและก่อความวุ่นวายให้กับฮองเฮา เชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องถูกยืดเวลาไปอีกนานอย่างแน่นอน
ต่อไปหากฮองเฮาคิดจะลงมืออีกครั้ง เกรงว่าคนที่ต้องถูกกำจัดคงเป็นนาง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะทำเพียงรอต่อไปไม่ได้แล้ว
แม้ไม่อาจบุ่มบ่ามเข้าวังและเอามีดแทงฮองเอาได้ แต่นางมีวิธีหาเรื่องทำให้ฮองเฮายุ่งยากมากมาย
นิ้วมือพลันเลื่อนเข้ามาเท้าปลายคางขาวเนียนละเอียด จากนี้ไปนางจะทำให้ฮองเฮารู้สึกเหนื่อยล้าไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อนเอง
ข่าวที่ซ่างกวนฮุ่ยนำมาแจ้งหาใช่เพียงเรื่องการแต่งงาน
อันที่จริงนางเตรียมการเพื่อหนีออกจากวงศ์ตระกูลเอาไว้แล้ว
เจ้าตระกูลของสกุลซ่างกวนคือพ่อของแม่เลี้ยงนางอย่างซ่างกวนชิงและฮองเฮาซ่างกวนตงจู
ฮองเฮาเป็นลูกสาวคนโต มีน้องสาวและน้องชายอีกสี่คน
เจ้าตระกูลซ่างกวนคือขุนนางชั้นหนึ่งอย่างซ่างกวนหนานซง แม้อายุจะมากแล้ว แต่อำนาจของตระกูลล้วนอยู่ในกำมือของเขา
ท่านพ่อเคยเล่าว่าสมัยยังหนุ่มเขาเป็นคนมีความสามารถที่ปกปักษ์รักษาบ้านเมืองให้มั่นคง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า
น่าเสียดายที่ซ่างกวนหนานซงมีความหยิ่งผยอง เขาสั่งสอนลูกหลานให้มีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง
ฮูหยินสกุลเย่ของซ่างกวนหนานซงเองก็มาจากตระกูลสูงศักดิ์ติดอันดับหนึ่งในห้าของเมือง
ย้อนกลับไปตอนนั้น ฮูหยินซ่างกวนมีอุปนิสัยใจคอโหดร้าย ลูกที่นางให้กำเนิดคือฮองเฮาและซ่างกวนชิง ส่วนลูกชายอีกสี่คนล้วนเกิดจากภรรยาอนุ
แต่พวกเขาล้วนถูกสกุลเย่เลี้ยงดู สมัยเด็กนางเคยเห็นท่านยายและพวกท่านอาอยู่บ้าง
อันที่จริงไม่มีใครมองออกว่าเด็กทั้งสี่ล้วนมิใช่ลูกที่นางให้กำเนิด ทุกคนล้วนถูกซ่างกวนหนานซงอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ทั้งสี่จึงเป็นคนมีพรสวรรค์และกลายเป็นขุนนางที่คอยหนุนหลังฮองเฮาอยู่ในราชสำนัก
หากหลินเมิ้งหยาต้องการล้มฮองเฮาแล้วล่ะก็ เช่นนั้นนางต้องกำจัดสกุลซ่างกวนทั้งหมด
มีเพียงวิธีนี้จึงจะสามารถตัดแขนขาของฮองเฮาได้ จากนั้นฮองเฮาจะหมดอำนาจลง
ตอนนี้อาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความหวังเลยเสียทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่ซ่างกวนฮุ่ยเป็นกบฏของตระกูล
“คิดอะไรอยู่หรือ? เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนี้เล่า?”
อยู่ๆ เสียงทุ้มต่ำของหลงเทียนอวี้พลันดังขึ้นจากเบื้องหลัง หลินเมิ้งหยาผินหน้าไปส่งยิ้มให้เขา
เมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง เขาก็ชะงัก สีหน้าผ่อนคลายลงมาก
สาวเท้าไปนั่งข้างกายนางอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะยกถ้วยชาของนางขึ้นจิบ กลิ่นชาหอมหวานติดขมเล็กน้อยทำให้รู้สึกชุ่มคอ
หลินเมิ้งหยาแอบบ่นเขางุบงิบ คนคนนี้คือหลงเทียนอวี้จริงหรือ? เหตุใดจึงไม่สงวนท่าทีเลยแม้แต่น้อย
“อันที่จริงหม่อมฉันกำลังคิดว่าจะหาทางสร้างปัญหาให้ฮองเฮาเช่นไรได้บ้างเพคะ หม่อมฉันอยากทำให้นางไม่มีเวลามายุ่งวุ่นวายกับพวกเรา”
เพียงแค่ชาถ้วยเดียวเท่านั้น นางไม่จำเป็นต้องโกรธเคืองเขา
หยิบส้มเขียวหวานขึ้นมาจากถาด ก่อนจะแกะเปลือกด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
หลงเทียนอวี้ที่ได้ยินดังนั้นหยักยิ้มขึ้นเล็กน้อย
แผนการที่หลินเมิ้งหยาใช้แตกต่างจากลูกน้องของเขา
พวกผู้ชายวางแผนไปมา สุดท้ายก็เลือกใช้วิธีตรงไปตรงมาไร้เล่ห์เหลี่ยม แตกต่างจากหลินเมิ้งหยาที่มักจะวางแผนอย่างรอบคอบและมีแผนตลบหลังเสมอ
หากลองเปรียบเทียบให้เห็นภาพ แผนการของพวกเขาคงเหมือนมีดบินที่ขว้างออกไปมั่วๆ บางครั้งอาจแทงตรงเป้า
แต่แผนการของหลินเมิ้งหยาเหมือนกับปลวกกัดกินต้นไม้
ค่อยๆ แทะเล็มจนไม่มีอะไรเหลือ
ฉะนั้นคนที่ถูกนางหมายหัวย่อมพบเจอกับหายนะ
“เรื่องที่สามารถทำให้ฮองเฮาปวดหัวคงมิพ้นเรื่องของไท่จื่อและสกุลซ่างกวน แต่ช่วงนี้ไท่จื่อเก็บเนื้อเก็บตัวมากเป็นพิเศษ เขาแทบจะไม่ออกจากจวนเลยแม้แต่ก้าวเดียว ฉะนั้นหากเวลานี้คิดจะสร้างปัญหาให้ฮองเฮา เกรงว่าจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปที่สกุลซ่างกวน”
หลินเมิ้งหยาผงกศีรษะลง อันที่จริงนางกับหลงเทียนอวี้เองก็มีความคิดคล้ายกัน
เพียงแต่พวกเขาไม่มีใครสังเกตเห็น
“รับสั่งถูกแล้วเพคะ วันนี้แขกของหม่อมฉันนำข่าวมาส่ง หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่คุณชายสามของสกุลซ่างกวนหรือก็คือน้องชายคนที่สามคนฮองเฮา หม่อมฉันขอเรียกว่าท่านอาสาม เขากำลังวางแผนทำการค้าเกลือผิดกฎหมาย”
หลินเมิ้งหยาเป็นคนฉลาด เพียงประโยคเดียวก็สามารถระบุตัวตนและวิธีโจมตีพวกเขาได้
“ข่าวน่าเชื่อถือหรือไม่? คุณชายสามซ่างกวนหลี่เป็นถึงเจี๋ยตู้ซื่อ [1] แห่งฉวนโจ หากเขาทำการค้าผิดกฎหมาย เช่นนั้นเขาจะต้องได้รับโทษสถานหนัก ยิ่งไปกว่านั้น สกุลซ่างกวนเหมือนจะไม่ขาดแคลนเงินทองเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดของหลงเทียนอวี้หาได้ไร้เหตุผล ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันการค้าเกลือเป็นอำนาจผูกขาดของราชสำนัก
แม้การค้าเกลือจะได้ผลตอบแทนมูลค่ามหาศาล แต่เมื่อเทียบกับชื่อเสียงของสกุลซ่างกวนแล้ว พวกเขาควรรู้ว่าสิ่งใดสำคัญที่สุด
หลินเมิ้งหยากลับหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ สายตามุ่งมั่น
“วางใจเถิดเพคะ คนสอดแนมของหม่อมฉันไว้ใจได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น หม่อมฉันกล้าเอาหัวเป็นประกันว่าซ่างกวนหลี่ทำการค้าลับจริงและมิใช่เพียงการค้าเกลืออย่างแน่นอน เหตุเพราะตอนนี้สกุลซ่างกวนต้องการเงินมหาศาล”
หลินเมิ้งหยารู้ดีที่สุด หากสกุลซ่างกวนคิดจะครอบครองอำนาจของราชสำนัก เช่นนั้นพวกเขาต้องใช้เงินมหาศาล
อย่างเช่นนาง นางหาตัวแทนในการดูแลกิจการในกลุ่มสามสหาย จากนั้นนั่งอยู่ในฉากหลังเท่านั้น
แม้วิธีนี้จะปลอดภัย แต่กลับได้เงินช้าเกินไป การลงทุนในราชสำนักต้องใช้เงินจำนวนมาก หากอยากหาเงินจำนวนมากในระยะเวลสั้นๆ แล้วล่ะก็ เช่นนั้นคงต้องพึ่งการทำการค้าผิดกฎหมาย
ซ่างกวนหลี่เป็นถึงเจี๋ยตู้ซื่อหรือขุนนางใหญ่ที่กุมอำนาจของฉวนโจอยู่ นั่นเท่ากับว่าเขาจะไม่เผชิญกับความเสี่ยงใดๆ
ในเมื่อลองได้ทำการค้าผิดกฎหมายแล้วหนึ่งอย่าง หลินเมิ้งหยามั่นใจว่าเขาจะต้องไม่หยุดเพียงธุรกิจนี้อย่างแน่นอน
ขอเพียงเปิดโปงซ่างกวนหลี่ได้ เท่านี้ก็จะสามารถตัดหนทางทำเงินของสกุลซ่างกวนได้ นางเชื่อว่าสกุลซ่างกวนจะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น สกุลซ่างกวนยังมีซ่างกวนหลี่เป็นพ่อค้าหัวธุรกิจเพียงคนเดียว
เมื่อไม่มีเงิน ฮองเฮาก็จะขยับตัวลำบาก นางคงไม่ย้ายเงินในคลังหลวงไปให้บ้านเดิมของนางหรอกกระมัง
ตอนนี้พวกขุนนางในราชสำนักล้วนกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวของฮองเฮา
“ความคิดนี้ไม่เลว แต่…เมิ้งหยา ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้า”
หลงเทียนอวี้ไม่อยากคุยกับนางเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนระหว่างฮองเฮาและพวกเขาคงต้องรบราฆ่าฟันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง
นับตั้งแต่วันที่ฮองเฮาเริ่มคุกคามคนของเขา หลงเทียนอวี้สัมผัสได้ว่าฮองเฮาใกล้จะหมดความอดทนเต็มที นางคิดจะลงมือกำจัดพวกองค์ชายทุกคน
เขาสามารถโจมตีกลับได้ แต่ก่อนหน้านั้นเขามีเรื่องบางอย่างต้องเตือนหลินเมิ้งหยา
“เพคะ พระองค์รับสั่งเถิด”
เมื่อได้ระบายออกไป หลินเมิ้งหยาจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ดวงตางดงามเปล่งประกายเจือไว้ซึ่งความสงสัยเมื่อได้เห็นใบหน้าที่อยู่ๆ ก็เคร่งขรึมของหลงเทียนอวี้
——————————————-
หมายเหตุ
[1] เจี๋ยตู้ซื่อ ตำแหน่งแม่ทัพชายแดน มีสิทธิ์ขาดในดินแดนของตนเอง