ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 10 บทที่ 294 งานเลี้ยงฉลองที่อาบไปด้วยเลือด
หลงเทียนอวี้ผงกศีรษะลง อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกได้ว่าวันนี้ไม่ว่าวังหลวงหรือแม้กระทั่งตำหนักชิงกงของเสด็จพ่อล้วนผิดปกติ
หากเป็นแต่ก่อนคงไม่ดึงดูดความสนใจมากขนาดนี้
แต่นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองวันสิ้นปี ดังนั้นควรจะมีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น ดูเหมือนฮองเฮาคิดอยากทำให้เขาติดกับจริงๆ
หลินเมิ้งหยาถอนหายใจยาว โชคดีที่หลงเทียนอวี้ฟังคำพูดของนาง มิเช่นนั้นเรื่องในวันนี้จะต้องจบไม่สวยอย่างแน่นอน
นางหมุนตัวเดินออกจากตำหนักเล็ก กลับมาที่มุมเดิมอีกครั้ง ร่างของเย่หายไปแล้ว ตรวจสอบดูเล็กน้อย ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือความผิดปกติใดๆ
ดูเหมือนเขาจะกลับไปด้วยตนเอง
หลินเมิ้งหยารู้สึกเบาใจเล็กน้อย ขณะที่คิดจะกลับไปยังตำหนักฉงชิ่ง จู่ๆ สมองเสมือนถูกไฟช๊อต
ผิดแล้ว ! คืนนี้มีเรื่องผิดปกติ
หลินเมิ้งหยายืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะเริ่มครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
หากฮองเฮาไม่อยากให้หลงเทียนอวี้ลงมือ เช่นนั้นเหตุใดนางจะต้องเผยความลับเรื่องพระสนมเต๋อเฟยให้หลินเมิ้งหยารู้? ยิ่งไปกว่านั้นยังลดจำนวนองครักษ์ลงอีก แล้วไหนจะท่าทางรื่นเริงนั่นด้วย
หรือนางจะยังมีแผนการอะไรซ่อนอยู่?
หลินเมิ้งหยารีบสาวเท้ากลับไปยังตำหนักฉงชิ่ง การเต้นรำยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ฮองเฮาและไท่จื่อยังคงนั่งอยู่ตำแหน่งเดิม
สาวใช้ทั้งสี่สีหน้าเคร่งเครียด แต่เมื่อเห็นเจ้านายของตนเองกลับมา พวกนางจึงถอนหายใจยาว
“นายหญิงหายไปไหนมาเจ้าคะ?”
กระซิบถามเพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจของผู้อื่น ป๋ายจีรีบเข้าไปประคองหลินเมิ้งหยาให้นั่งลงที่เดิม
“ไม่มีอะไร ก็แค่ออกไปเดินเล่นแต่เพียงเท่านั้น จริงสิ เมื่อครู่มีสิ่งผิดปกติอันใดเกิดขึ้นหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยถาม สาวใช้ทั้งสี่ครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้า
งานเลี้ยงในวันนี้ครึกครื้นยิ่งนัก หากไม่สังเกตก็คงจะมองไม่เห็นความผิดปกติ
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง นางยังคงไม่เห็นหลงเทียนอวี้กลับมา แปลกจริง นอกจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขาก็ทำเพียงสั่งลูกน้องเท่านั้น ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนี่นา
ขณะที่นางกำลังครุ่นคิด จู่ๆ เสียงระเบิดพลันดังขึ้นที่ด้านนอก
“ปัง…” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว คนทั้งตำหนักเงียบเสียงลง ทุกคนชะเง้อมองทางด้านนอก เห็นเป็นแสงสว่างจ้า
“ดอกไม้ไฟ นายหญิง ดอกไม้ไฟเจ้าค่ะ”
ป๋ายจื่อร้องออกมาด้วยความดีใจ หลินเมิ้งหยาพิจารณา ก่อนจะเห็นว่ามันคือดอกไม้ไฟจริงๆ
จริงๆ เลย ทำนางตกอกตกใจไปหมด เมื่อคิดดู บางทีคนสมัยโบราณคงชอบดอกไม้ไฟมาก โดยเฉพาะการได้ชมดอกไม้ไฟในงานเลี้ยงฉลองวันสิ้นปีเช่นนี้
“ได้ยินมาว่าดอกไม้ไฟเหล่านี้เป็นของบรรณาการจากซีฟาน ช่างแตกต่างจากดอกไม้ไฟที่พวกเราเคยเห็นจริงๆ”
เหล่าญาติพี่น้องต่างส่งเสียงสนทนาชื่นชม ดังนั้นความสนใจของทุกคนจึงตกอยู่ที่ดอกไม้ไฟ
สาวใช้ทั้งสี่เองก็หันไปชมความงดงามด้านนอก สายตาของพวกนางเปล่งประกายระยิบระยับ
“สวยจัง เป็นดอกไม้ไฟที่สวยจังเลย สวยกว่าดอกไม้ไฟนอกวังหลวงเสียอีก”
ป๋ายจื่อจ้องมองทางด้านนอกนิ่ง แต่สายตาของหลินเมิ้งหยาพลันเหลือบเห็นเงาหนึ่งลับหายไปจากตำแหน่งข้างกายฮองเฮา
นางคือนางในที่ได้รับความไว้วางใจจากฮองเฮามาก เหตุใดจึงทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เช่นนั้น?
หลินเมิ้งหยาเหลือบมอง ก่อนจะกระตุกแขนเสื้อของป๋ายจื่อเพื่อส่งสัญญาณให้นางระวังตัว
ผลปรากฏว่าไม่นานก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากทางด้านนอก ขันทีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“ทูลฮองเฮา ตำหนักชิงกงของฮ่องเต้ไฟไหม้พ่ะย่ะค่ะ! ตอนนี้ทหารหลวงกำลังเข้าไปคุมเพลิง”
ตำหนักของฮ่องเต้ไฟไหม้? บังเอิญอะไรขนาดนี้ หรือจะเกี่ยวข้องกับดอกไม้ไฟนี่ด้วย? หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด แต่ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรออก จู่ๆ ประตูตำหนักฉงชิ่งพลันถูกถีบเข้ามาอย่างแรง
ชายชุดดำจำนวนมากพุ่งตัวเข้ามา หลินเมิ้งหยาเลิกคิ้วขึ้น นี่พวกเขากำลังจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ?
“บังอาจ นี่คือวังหลวง หากใช่ที่สำหรับคนเลวอย่างพวกเจ้าไม่”
องครักษ์รีบชักดาบออกมา ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาพวกชายชุดดำ
แต่เห็นได้ชัดว่าฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาดีกว่าองครักษ์มาก เวลาเพียงไม่นาน เหล่าองครักษ์ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยพลันล้มตายเกลื่อนกลาด
“ปกป้องนายหญิง รีบหนีเร็ว”
ป๋ายซูถูกริบอาวุธไปหมด ในช่วงเวลาคับขัน นางทำได้เพียงหยิบแจกันดอกไม้มาถือไว้ในมือ ก่อนจะดันหญิงสาวทั้งสี่ไปไว้ทางด้านหลัง
เหล่าชายชุดดำต่างมีท่าทางโหดเหี้ยม ยิ่งไปกว่านั้นภายในตำหนักยังมีเพียงเหล่าพระญาติ ฉะนั้นจึงมีองครักษ์รักษาความปลอดภัยเพียงหยิบมือเท่านั้น
สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือประตูด้านข้างถูกปิดสนิท ทุกคนทำได้เพียงหลบอยู่ภายในตำหนัก ฮองเฮาและไท่จื่อถูกห้อมล้อมไว้ตรงกลาง
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงมีนักฆ่าหลุดเข้ามาได้?”
ไท่จื่อส่งเสียงตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างพยายามรักษาความปลอดภัยของพวกเขาทั้งสอง
“จะต้องปะปนเข้ามากับแขกอย่างแน่นอน รออีกสักเดี๋ยวเถิด อีกไม่นานจะต้องมีคนมาช่วยพวกเรา”
หลงชิงหานเข้าไปต่อสู้ ก่อนจะใช้ดาบของชายชุดดำคนหนึ่งสังหารชายชุดดำอีกคน ตำหนักชิงกงไฟไหม้ ดังนั้นองครักษ์จึงกรูกันไปที่นั่น แต่เกรงว่าพวกคนที่อยู่ในตำหนักฉงชิ่งต่างหากที่กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง
“เข้ามา เข้ามา ปกป้องทุกคนไว้”
เห็นได้ชัดว่าไท่จื่อมิอาจปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้ ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ด้านหลังสุด
หลินเมิ้งหยาถูกกลุ่มคนดันไปอยู่ทางด้านหลัง เมื่อเทียบกับไท่จื่อที่กำลังกระวนกระวายแล้ว ฮองเฮากลับสงบนิ่งกว่ามาก
“ผู้หญิงจงมาอยู่ฝั่งเปิ่นกงตรงนี้ พระญาติทั้งหลาย เรื่องนี้จะต้องถูกวางแผนเอาไว้อย่างแน่นอน พวกเขากำลังก่อกบฏ พวกท่านล้วนเป็นราชนิกุล ราชวงศ์ของพวกเราจะอยู่รอดได้ก็เพราะพวกท่าน”
ฮองเฮาส่งเสียงปลุกใจ เพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้เหล่าพระญาติลุกฮือ
เหล่าผู้หญิงถูกพวกเขาดันไว้ทางด้านหลัง ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปต่อสู้กับชายชุดดำร่วมกับหลงชิงหาน
แต่จำนวนของชายชุดดำมีมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านั้นยังชำนาญการต่อสู้มากเป็นพิเศษ
เวลาเพียงไม่นาตำหนักฉงชิ่งก็เต็มไปด้วยศพเกลื่อนกลาด
แม้เหล่าพระญาติหรือหลงชิงหานจะเก่งกาจสักเพียงไหน แต่ถึงกระนั้นก็ถูกพวกชายชุดดำบีบจนต้องถอยร่น สุดท้ายพวกเขาทำได้เพียงยืนปกป้องคนที่อยู่ทางด้านหลัง
ทุกคนล้วนตกอยู่ในอาการหวาดกลัว หรือคืนนี้สกุลหลงจะต้องมอดม้วยหมดสิ้นแล้ว?
“ฮองเฮา ไท่จื่อ กระหม่อมมาช้าเกินไป ได้โปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ท่ามกลางความสิ้นหวังของทุกคน ในที่สุดเสียงทหารหลวงก็ดังขึ้นที่ด้านนอก
เหล่าทหารหลวงซึ่งสวมใส่ชุดทหารเข้ามาห้อมล้อมตำหนักฉงชิ่งเอาไว้
“ทหารหลวง! ทหารหลวงมาแล้ว! ดีจริงๆ มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว”
เสียงร้องด้วยความดีใจดังขึ้น หลินเมิ้งหยาจ้องพวกชายชุดดำเขม็ง
เหตุเพราะชุดที่พวกเขาสวมเหมือนกับชุดของผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้ามิผิดเพี้ยน แต่ในกลุ่มของพวกเขากลับไม่ปรากฏร่างของหลงเทียนอวี้
หรือว่า…หรือเรื่องราวในคืนนี้จะเป็นแผนของหลงเทียนอวี้?
แต่คนเหล่านี้ลงมืออย่างโหดเหี้ยม หลงเทียนอวี้ไม่มีทางทำเช่นนี้อย่างแน่นอน
“ฮึ มาฆ่าตัวตายกระนั้นหรือ เข้ามาเถิด ฆ่าพวกเขาให้หมด ทั้งฮองเฮาและไท่จื่อต้องถูกกำจัด”
เสียงเย็นเยียบดังขึ้น หลินเมิ้งหยาหดตัว คนนี้…นางคือคนที่อยู่ข้างกายหลงเทียนอวี้คนนั้น
เม้มริมฝีปากแน่น ที่แท้เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ซ้ำยังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
แม้พวกชายชุดดำจะเก่งกาจ แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจต่อกรกับเหล่าองครักษ์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
พวกเขารู้ดี หากไม่ทุ่มกำลังสุดชีวิต เช่นนั้นก็จะถูกช่วงชิงลมหายใจไป
หัวใจเต้นระรัว จ้องมองการฟาดฟันกันตรงหน้า ไม่นานตำหนักฉงชิ่งก็มิต่างอันใดจากขุมนรก
โลหิตสีแดงฉานรินไหลอาบพื้น พวกเขาล้มตายทีละคน ไม่เพียงแค่ชายชุดดำ แต่เหล่าพระญาติเองก็เช่นกัน
หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังเย็นเฉียบ
ทั้งที่เขาให้คำมั่นกับนางแล้วว่าจะล้มเลิกความคิด แต่เพราะเหตุใดเรื่องอัปยศเช่นนี้จึงเกิดขึ้นได้
“นายหญิงเป็นอะไรไปเจ้าคะ? ท่านรู้สึกไม่สบายหรือ?”
ป๋ายซ่าวประคองร่างหลินเมิ้งหยาที่กำลังโอนเอน
ส่ายหน้า ตอนนี้ต่อให้โทษใครไปก็ไม่ทันแล้ว
ทหารหลวงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าชายชุดดำเองก็ถูกเข่นฆ่าจนล้มตายลงค่อนข้างมาก
จู่ๆ ชายชุดดำคนหนึ่งก็พุ่งตัวเข้ามาท่ามกลางกลุ่มคน
“กรี๊ด…”
หลังจากยกดาบขึ้นแทงหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง ร่างของเขาพลันถูกตัดออกเป็นสองท่อน
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป เหล่าชายชุดดำเริ่มล้มตายลงเกือบหมด สุดท้ายเหลือเพียงชายคนหนึ่งซึ่งแขนท่วมไปด้วยเลือด แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือชายที่เหลือแขนเพียงข้างเดียวคนนี้ออกแรงดันร่างของตัวเองขึ้นมาและพุ่งตัวเข้ามาหากลุ่มคน
ทหารหลวงคิดจะปลิดชีวิตของเขา แต่ไท่จื่อกลับร้องห้าม
“ช้าก่อน”
ยังไม่ทันที่ทหารหลวงจะไหวตัวทัน ชายชุดดำดันร่างตัวเองไปที่เท้าของหลินเมิ้งหยา ก่อนจะจับชายกระโปรงของนางเอาไว้
มือซึ่งท่วมไปด้วยเลือดของเขาจับชายกระโปรงของนางจนเป็นรอย แต่สิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยาต้องตกตะลึงก็คือชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นพลางหยักยิ้มขมขื่นให้นาง
“พระชายา…ขออภัย…พวกเรา…ทำตามคำสั่งของท่านอ๋องไม่สำเร็จ”
พูดจบ เขาก็สำลักออกมาเป็นเลือดก่อนจะสิ้นลมหายใจ