ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 10 บทที่ 284 ระบบเซินหนง
จนกระทั่งตอนนี้หลินเมิ้งหยาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
แต่เมื่อเสียงเย็นชาประหนึ่งเครื่องจักรดังขึ้นอีกครั้ง หลินเมิ้งหยาจึงรู้สึกตัว
รหัสผ่าน? รหัสผ่านอะไรกัน? หลินเมิ้งหยาพยายามคิด แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ารหัสผ่านที่เรดาร์พูดถึงคืออะไรกันแน่
จริงสิ! ดวงตาเปล่งประกาย หลินเมิ้งหยานึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่สร้างระบบนี้ขึ้นมา นางกับอาจารย์เคยตั้งรหัสผ่านเอาไว้เพื่อปิดระบบการทำงานของเรดาร์เมื่อถูกคุกคาม
แต่ว่าอาจารย์ไม่เคยพูดเรื่องวิธีการเปิดปิดเรดาร์มาก่อน!
หาก…หากเกิดข้อผิดพลาดจนเรดาร์ปิดตัวลงขึ้นมาจะทำอย่างไร?
แต่โอกาสเช่นนี้ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าเรดาร์ยังมีความสามารถอื่นใดอีกบ้าง
หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว สุดท้ายนางก็เลือกที่จะกดรหัสผ่านในสมอง
“รหัสผ่านไม่ถูกต้อง กรุณาใส่รหัสผ่านใหม่อีกครั้ง”
เสียงหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้ง หลินเมิ้งหยารีบลองใส่รหัสอีกสองสามครั้ง นางมีโอกาสเพียงห้าครั้งเท่านั้น ตอนนี้นางเหลือโอกาสอีกเพียงครั้งเดียว หลินเมิ้งหยากลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
ช่างเถิด หากไม่สำเร็จ นางเองก็ทำอะไรไม่ได้
“ปลดล็อคสำเร็จ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ระบบเซินหนง ระบบสำหรับการค้นคว้าวิจัยข้อมูล กรุณาป้อนรหัสผ่านอีกครั้งก่อนใช้งาน”
เสียงของหญิงสาวเริ่มอธิบายรายละเอียด ตอนแรกหลินเมิ้งหยาคิดว่าเรดาร์เป็นเพียงเครื่องมือในการจำแนกยาพิษเท่านั้น
แต่นางเพิ่งจะรู้ว่ามันยังมีระบบลอกเลียนแบบการวิจัยที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์อีกด้วย
หรือพูดง่ายๆ ก็คือนี่คือระบบที่ทำให้คนธรรมดากลายเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์
สิ้นเสียงของหญิงสาว หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง
ราวกับว่ามีใครฟาดศีรษะของนางด้วยของแข็งเข้าอย่างจัง สายตาพร่ามัวก่อนจะมืดสนิท ตัวนางทรุดลงไปกองกับพื้น
“ฮึก…ฮึก…”
โชคดีที่ความเจ็บปวดคลายลงอย่างรวดเร็ว หลินเมิ้งหยาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเอนกายนอนลงบนพื้นอันแสนเย็นเฉียบ
หากมิได้เห็นกับตาของตนเอง นางก็คงไม่เชื่อว่าผลลัพธ์จากการวิจัยของพวกอาจารย์จะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
ครุ่นคิด ตอนที่นางทำวิจัยกับอาจารย์ นางรับผิดชอบเพียงส่วนการค้นหาของเรดาร์แต่เพียงเท่านั้น
ตอนนั้น…ตอนนั้นพวกเขาทำการทดลองในห้องวิจัยเท่านั้น
บางทีแม้แต่อาจารย์เองก็อาจจะไม่รู้ว่าระบบเซินหนงมีหน้าที่เช่นไร
หลังจากเสียงของหญิงสาวอธิบายจบ ด้านหน้าของนางพลันปรากฏหน้าจอคอมพิวเตอร์สามมิติขึ้นมา
ภายในมีเครื่องมือหลากหลายรูปแบบ สิ่งที่นางต้องทำคือการยื่นมือเข้าไปแตะปุ่มที่ต้องการ
สวรรค์โปรด ระบบเซินหนงเท่ห์ระเบิดไปเลย! เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ระยิบระยับยิ่งกว่าระบบภายในชุดเกราะของไอร่อนแมนเสียอีก
หลินเมิ้งหยาหลุดเข้าไปในระบบเซินหนงทันที แต่น่าเสียดายที่สิ่งนี้เป็นเพียงระบบทดลอง ดังนั้นนอกจากชื่อยาและปริมาณยาแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก
แต่สิ่งที่ล้ำลึกยิ่งกว่านั้นก็คือทั้งสูตร อัตราส่วนและเครื่องมือล้วนถูกเรดาร์จัดเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน
หรืออาจพูดได้ว่าระบบเซินหนงยังมีฟังก์ชั่นการบันทึกจดจำข้อมูลอีกด้วย หากมิใช่เพราะระบบภายในไม่มีระบบปัญญาประดิษฐ์แล้วล่ะก็ นางคงคิดว่าระบบนี้เป็นอัลตรอนตัวที่สองอย่างแน่นอน
หลินเมิ้งหยาลืมเรื่องราวของหลงเทียนอวี้ไปชั่วขณะ หากมีระบบนี้อยู่ วิชาทางการแพทย์ทั้งหมดก็มิต่างอันใดจากการถูกแสกนและผุดขึ้นมาในสมองของนาง ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถแยกประเภทได้อีก
สำคัญที่สุดคือนี่เป็นการจำแนกประเภทโดยอัตโนมัติ
นางกดโหมดพักหน้าจอ จากนั้นก็รวบรวมสมาธิเพื่อเปิดการใช้งานอีกครั้ง ผลปรากฏว่าหน้าจอกลับมาส่องสว่าง
สวรรค์โปรด! คิดไม่ถึงเลยว่าจะใช้งานได้ดีขนาดนี้
เหยียดกายบนพื้น หลินเมิ้งหยาที่กำลังใช้งานระบบเซินหนงอย่างสนุกสนานไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่าที่ด้านหน้าประตูมีศีรษะของใครคนหนึ่งยื่นเข้ามาจ้องมองนาง
จากนั้นคนที่สอง สาม สี่ก็โผล่เข้ามา
สุดท้ายคือเสี่ยวอวี้ที่มิอาจทำใจให้คลายกังวลกับเรื่องของหลินเมิ้งหยาได้ สาวใช้ทั้งสี่อยู่ด้านหน้าสุด ก่อนจะปิดท้ายด้วยชิงหู
หลังจากทั้งหกคนเห็นท่าทางของหลินเมิ้งหยาแล้ว สีหน้าของพวกเขายิ่งเคร่งขรึม
หลังจากปิดประตูลง ทั้งหกเข้ามาล้อมวงกัน
“พวกเจ้าคิดว่าพี่สาวเสียสติไปแล้วหรือไม่?”
คำถามของเสี่ยวอวี้ทำให้ทุกคนมีท่าทางเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
เมื่อครู่หลินเมิ้งหยายังร้องไห้โวยวายไม่หยุด เสียงสะอื้นไห้ของนางดังออกมาจนถึงด้านนอก แต่ตอนนี้นางกลับเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ซ้ำยังหัวเราะคิกคักแล้วยกมือขึ้นร่ายรำอยู่กลางอากาศ
ดูเหมือนสถานการณ์จะเลวร้ายมากขึ้นทุกที
“คนในหมู่บ้านของข้าเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนมีผู้หญิงในหมู่บ้านคนหนึ่งที่เสียสติหลังจากรู้ว่าสามีของตัวเองตายจากไป นางบอกกับทุกคนว่าสามีของนางยังไม่ตาย เมื่อตกดึกนางทั้งร้องไห้และหัวเราะ แต่ก่อนนายหญิงเองก็เคยมีอาการเช่นนี้ หรือว่าอาการจะกำเริบอีกครั้ง?”
ป๋ายหลี่หาได้พูดจาเลื่อนลอย ป๋ายจื่อที่ได้ฟังและคิดตามถึงกับร้องไห้ออกมา
“ฮือ ฮือ สมัยก่อนตอนฮูหยินจากไป นายหญิงเองก็เสียสติเช่นนั้น พวกเจ้าคิดว่าที่นายหญิงเป็นเช่นนี้ก็เพราะเสียใจจากท่านอ๋องหรือไม่?”
คำพูดของป๋ายจื่อทำให้หัวใจของทุกคนราวกับถูกก้อนหินหล่นทับ
นางพูดจามีเหตุผล หากหลินเมิ้งหยาเสียสติขึ้นมาจะทำเช่นไร
“ข้าได้ยินมาว่าคนเสียสติมักจะตบตีผู้อื่นและทำร้ายตัวเอง อีกเดี๋ยวข้ากับเสี่ยวอวี้จะเข้าไปรั้งตัวนางเอาไว้ ป๋ายซูเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว ป๋ายซ่าวเองก็มีความกล้าหาญ พวกเจ้าทั้งสองรับผิดชอบหน้าที่มัดตัวนางเอาไว้ เฮ้อ ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกเสียแล้ว วางใจเถิด ข้าจะหาหมอฝีมือดีมารักษาอาการของเจ้าเด็กน้อยให้ได้”
สีหน้าของชิงหูเคร่งขรึม สายตาเป็นกังวล
ยิ่งเป็นคนมีความคิดลึกซึ้งมากเท่าไรก็จะยิ่งดื้อดึงมากขึ้นเท่านั้น แต่เจ้าเด็กน้อยของเขาอายุยังน้อย เหตุใดจึงกลายเป็นคนเสียสติเช่นนี้เล่า?
หรือเพราะความอิจฉาริษยา?
หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าระบบเซินหนงของนางจะทำให้ตัวเองถูกเข้าใจผิด
ทดลองระบบอีกสองสามครั้ง เมื่อเข้าใจระบบสั่งการของระบบเซินหนงแล้ว นางจึงลุกขึ้นจากพื้น
ตอนนี้ที่พื้นกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ นางแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย เมื่อครู่นางตื่นเต้นจนเกินไป
ของบางอย่างถูกนางปัดจนล้มระเนระนาด
เฮ้อ แม้ตอนนี้นางจะเป็นหญิงสาวที่ร่ำรวย แต่ถึงกระนั้นนางก็ควรรู้จักการประหยัดตามหลักภรรยาที่ดี
เก็บของในห้องของตนเองเงียบๆ หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะหยิบกระดาษและหมึกของหลงเทียนอวี้วางลงบนโต๊ะอีกครั้ง
ตอนนี้นางคิดได้แล้ว ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวเองนี่ ถึงอย่างไรสักวันหนึ่งนางก็จะไปจากที่นี่อยู่ดี คนที่นางต้องกังวลคือหลินหลางถึงจะถูก
แม้ว่าหัวใจของนางจะยังเจ็บปวด แต่สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะหลงเทียนอวี้ทำให้หัวใจของนางสั่นไหว
ถูกต้อง มันจะต้องเป็นเพียงการเข้าใจผิด หากมิใช่เพราะความหล่อเหลาหรือทรัพย์สินเงินทองของเขา นางคงจะไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นกับเขาหรอก
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นสาวงามหาตัวจับยาก ซ้ำยังร่ำรวยเงินทอง จะมีใครบ้างไม่ชอบ
เหยียดยิ้มขมขื่น หลินเมิ้งหยาพยายามหาข้อบกพร่องของหลงเทียนอวี้
จากนั้นจึงจัดการกับความรู้สึกของตนเองก่อนจะเปิดประตู
“หนึ่ง สอง สาม ไป!”
เพียงเปิดประตูออก หลินเมิ้งหยาก็ได้ยินเสียงนับเลขของชิงหู
จากนั้นร่างสองร่างโผล่พรวดเข้ามาหวังจับตัวนางเอาไว้ แต่นางรีบเอี้ยวตัวหลบ
หมุนตัวหันไปมอง ก่อนจะได้เห็นชิงหูและเสี่ยวอวี้กระโดดชนกันแล้วร่วงลงบนพื้น
เอ๋? พวกเขาทำอะไรกันน่ะ?
“ไอหยา เจ็บชะมัด ป๋ายซ่าว นายหญิงสติไม่ดีของเจ้าเคลื่อนไหวรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ชิงหูร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
ป๋ายซ่าวกลับไม่สนใจตอบคำถามของเขา นางจ้องหลินเมิ้งหยาเสมือนคนโง่ ดวงตาเปียกชื้น
“นายหญิงยังจำได้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ก็ป๋ายซ่าวนี่นา นางมิได้ความจำเสื่อมเสียหน่อย เหตุใดจะลืมนางได้เล่า?
“ฮือ ฮือ ดีจังเลย ดีจังเลย นายหญิงไม่ได้เสียสติ ดีจริงๆ”
ทั้งร้องไห้ ทั้งปรี่เข้ามากอดรัดร่างของหลินเมิ้งหยาแน่น
สาวใช้ที่เหลืออีกสามคนเองก็ร้องไห้พร้อมทั้งหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน
เสียสติ? เหตุใดนางจึงเสียสติเล่า?
“เอาล่ะ ซาบซึ้งเหลือเกิน ข้าเองก็อยากกอดเช่นเดียวกัน”
ชิงหูรีบอ้าแขนออกและคิดจะเข้ามาร่วมวงด้วย
ผลปรากฏว่าหลินเมิ้งหยายกขาขึ้นแล้วถีบเขาออกไป
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ชิงหูอย่าได้คิดเลยว่าจะมีโอกาสลวนลามนางได้
สาวใช้ทั้งสี่ส่งเสียงร้องไห้ระงม หลินเมิ้งหยาทำได้เพียงอดทนรอให้พวกนางสงบจิตสงบใจ สุดท้ายป๋ายซ่าวก็เป็นผู้อธิบาย นางจึงเข้าใจทุกอย่างในที่สุด
พวกเขาคิดว่านางเสียใจจนเป็นบ้า
ล้อเล่นหรือไร นางเนี่ยนะจะเป็นบ้า?
แต่ถึงกระนั้นนางก็มิอาจเปิดเผยเรื่องระบบเซินหนงได้ สุดท้ายทำได้เพียงปลอบโยนพวกนางว่านั่นเป็นวิธีรับมือกับอารมณ์แปรปรวนของนางเอง
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางกลับมาเป็นปกติแล้ว ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวล
ทั้งสี่ยังคงส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนจะตัดสินใจนอนหลับเป็นเพื่อนหลินเมิ้งหยาเพราะยังไม่สบายใจ
หลินเมิ้งหยาที่คิดปฏิเสธพลันคิดขึ้นมาได้ว่าต่อจากนี้ไปหลงเทียนอวี้คงไม่มาหานางอีกแล้ว ความเจ็บปวดที่ยังคงแล่นพล่านทำให้นางนางพยักหน้าลง
ทั้งที่อยู่อาศัยชายคาเดียวกับเขาได้เพียงไม่นาน แต่ตอนนี้นางกลับไม่ชินที่จะต้องอยู่คนเดียว
ป๋ายซูอยู่ที่ห้องด้านนอก นางนอนอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว
นางยังคงจำภาพเกี้ยวหลังนั้นได้ เรียกได้ว่าจำได้แทบจะทุกรายละเอียดแม้จะเห็นเพียงแค่ครั้งเดียว อยากจะบ้าตาย อยากจะบ้าตายจริงๆ !
ทั้งที่ไม่อยากจะจดจำเลยแม้แต่น้อย แต่เหตุใดยังจำได้ไม่ลืมเช่นนี้?