ก่อนเข้าเรียนตอนเช้า
ฉินหยุนหานอาบน้ำเสร็จและเตรียมที่จะขอให้มู่เจาเจาไปเรียนด้วยกัน
“พี่สาวหยุนหาน คิดยังไงกับงานเขียนของฉันบ้าง”
มู่เจาเจา กางกระดาษยาวบนโต๊ะอย่างระมัดระวังเผยให้เห็นการประดิษฐ์ตัวอักษรพู่กัน
ลายมือบนกระดาษเป็นงานเขียนอวยพรอายุยืนสำหรับงานวันเกิด
สิ่งนี้เขียนโดยมู่เจาเจาจนถึงเช้าตรู่เมื่อคืนนี้
เธอเขียนไม่น้อยกว่าสามสิบครั้งและเธอคิดว่าชิ้นนี้เป็นอันที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
“ถ้าปู่มูรู้ว่าเธอเพิ่งจะนอนได้แค่ 2-3 ชั่วโมงเมื่อคืนนี้ ด้วยเขียนการเขียนพู่กันสวยๆ ให้ท่าน ท่านคงยิ้มจนหูฉีกและไม่สนว่าเธอจะเขียนอะไรไปหรอก” ฉินหยุนกล่าว
“นี่เป็นสิ่งสําคัญมากของปู่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนพู่กัน ท่านสอนให้ฉันเขียนกับมือ ถ้าเขียนไม่ดีคงทำให้ท่านขายหน้าแย่”
“พูดตามตรงนะ ฉันไม่รู้การเขียนพู่กันเลย ฉันคิดว่าสิ่งที่เธอเขียนนั้นดีมากแต่ฉันก็ไม่เห็นความแตกต่างอะไรหรอก” ฉินหยุนยิ้มอย่างเย็นชา
“ช่างมันเถอะ ฉันจะเลือกอันนี้ละกัน”
มู่เจาเจาล้มเลิกความคิดที่จะขอคําแนะนําจากฉินหยุนหานแล้วเลือกงานที่เขียนชิ้นที่ดีที่สุดโดยตรงแล้วม้วนเก็บมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“พี่สาวหยุนหาน ไปกินข้าวเช้าแล้วไปเรียนกัน” มู่เจาเจาเอากุญแจออกมาและเตรียมล็อกประตู
ฉินหยุนหานก้าวออกจากห้องออกมาและพูดว่า:
“อย่ากินเลย เก็บท้องไว้กินตอนงานวันเกิดดีกว่า”
……
“ปู่ของมู่เจาเจามีวันเกิดวันนี้”
เมื่อได้ยินการสนทนาภายในหูฟัง หวังฮ่าวหลานได้รับข้อความสําคัญ
หวังฮ่าวหลานคาดเดา
ในงานเลี้ยงวันเกิดของปู่มู่มีความเป็นไปได้อย่างมากที่มันจะไม่สงบ
เพราะตามแบบฉบับนวนิยายประเภทในเมือง สถานที่อย่าง ห้องคาราโอเกะ บาร์ งานเลี้ยงวันเกิด ฯลฯ ล้วนเป็นพื้นที่ที่มีอุบัติการณ์สูงของพล็อตให้ตัวเอกแกล้งฉีกหน้า
มู่ฉงเองก็เป็นผู้มีส่วนช่วยเช่นกัน
ควบคู่ไปกับงานเลี้ยงวันเกิดนางเอกทั้งสองอย่าง ฉินหยุนหานและมู่เจาเจา จะอยู่ด้วยแน่นอน
มีความเป็นไปได้สูงที่พล็อตนี้จะเกิดขึ้น
ด้วยความคิดนี้หวังฮ่าวหลานจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาทันทีและโทรหาหวังเซียง
“ลูกรัก เงินไม่พอเหรอ เท่าไหร่พ่อจะโอนให้ลูกโดยตรง” หลังจากรับสายหวังเซียงก็พูดตรงๆ
“ไม่ใช่เงินไม่พอ แต่ผมมีอะไรจะถาม พ่อรู้จักมู่ฉงไหม”
“มู่ฉงทำให้ลูกขุนเคืองเรอะ อยู่ดีๆ ไม่ชอบ เจ้านักเขียนพู่กันหยิ่งยโสนั่นมันรนหาที่ตายจริงๆ ลูกรักบอกพ่อมาให้พ่อจัดการมันยังไง? “หวังเซียงพูดอย่างโกรธแค้น
หวังฮ่าวหลานประหลาดใจกับวงจรสมองของหวังเซียง
“เขาไม่ได้ทําให้ผมขุ่นเคือง ผมรู้ว่าวันนี้เขากําลังจะมีงานวันเกิดครั้งใหญ่ เพราะงั้นผมเลยอยากถามว่าพ่อรู้จักเขาไหม ถ้ารู้ผมก็อยากยืมชื่อพ่อเพื่อไปฉลองงานวันเกิดด้วยน่ะครับ”
“พ่อไม่รู้จักหรอกแต่พ่อมีเพื่อนที่ซื้องานประดิษฐ์ตัวอักษรของเขาและพ่อเคยเห็นเขาสองสามครั้งเอง”
“แค่นั้นก็พอแล้ว พ่อเตรียมของขวัญแสดงความยินดีแล้วก็นำทีมแพทย์กับทีมบอดี้การ์ดไปงานฉลองวันเกิดของมู่ฉงไปด้วยนะ”
“พ่อเข้าใจว่าต้องเตรียมของขวัญ แต่การนําทีมแพทย์และทีมบอดี้การ์ดไปด้วยหมายความว่ายังไง”
“พ่อไม่ต้องไปสนใจถ้าใครถามก็บอกไปว่าแค่เป็นการป้องกันตัว”
“ตกลง”
“ผมจะไปงานหลังเลิกเรียน และผมจะติดต่อไปเมื่อถึงเวลา”
หลังจากพูดคุยเสร็จ หวังฮ่าวหลานก็วางสาย
ชั้นเรียนตอนเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากระฆังดังขึ้นนักเรียนก็เดินออกจากห้องเรียน
หวังฮ่าวหลานเดินช้าๆ ไปที่ประตูโรงเรียน
กลางถนนเขา “พบ” ฉินหยุนหานและมู่เจาเจา
“นี่ หวังฮ่าวหลาน ออกไปทานข้าวเย็นกันไหม” ฉินหยุนหานใช้ความคิดริเริ่มที่จะทักทายและถาม
“พ่อของฉันบอกว่าเขาจะไปงานวันเกิดของช่างประดิษฐ์ตัวอักษรที่มีชื่อเสียงและเขาจะพาฉันไปด้วยน่ะ” หวังฮ่าวหลานตอบ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้หัวใจของมู่เจาเจาก็เคลื่อนไหวและเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า:
“ช่างประดิษฐ์ตัวอักษรที่พ่อนายพูดใช้นามสกุลมู่ใช่ไหม”
“ใช่ เธอรู้ได้ยังไง” หวังฮ่าวหลานแสร้งแปลกใจ
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายคงกําลังพูดถึงคุณปู่ของฉันเอง ปู่ของฉันกำลังจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่โรงแรมดาเฮาวันนี้”
“ใช่ฉันจะไปงานนั้นแหละ แต่พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วที่ฉันเห็นปู่เธอเมื่อวานนี้ ก็ไม่คิดว่าปู่เธอจะเป็นนักเขียนพู่กัน” หวังฮ่าวหลานเสนอว่า:
“เราไปที่เดียวกัน เราไปด้วยกันเถอะ”
โจรที่ต้องการลักพาตัวฉินหยุนหานโดนให้ปล่อยหลุดมือไปและคาดว่าอีกฝ่ายจะโจมตีฉินหยุนหานอีก
แน่นอนว่าหวังฮ่าวหลานต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
หากช่วยฉินหยุนหานได้อีกครั้งล่ะก็จะสามารถฟาร์มแต้มความชื่นชอบใจได้อีก
“โอเค”
สําหรับข้อเสนอของหวังฮ่าวหลานฉินหยุนหานและมู่เจาเจาเห็นด้วยโดยไม่ได้คัดค้าน
หลังจากออกจากประตูโรงเรียนทั้งสามคนก็ขึ้นไปที่คัลลิแนนและมุ่งหน้าไปยังโรงแรมดาเฮา
ระหว่างทางหวังฮ่าวหลานใช้ความสามารถมองทะลุในการตรวจสอบยานพาหนะโดยรอบพยายามค้นหาร่องรอยของโจรลักพาตัว
อย่างไรก็ตามเมื่อคัลลิแนนมาถึงโรงแรมก็ไม่พบบุคคลที่น่าสงสัย
ห้องจัดเลี้ยงที่ชั้นหนึ่งของโรงแรมได้รับการเช่าเหมาอย่างสมบูรณ์
แขกที่มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีเอาการ์ดเชิญของพวกเขาออกมาและมอบให้กับพีธีกรรับแขกนอกห้องจัดเลี้ยงและเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทีละคน
หวังฮ่าวหลาย ฉินหยุนหาน และมู่เจาเจาไม่มีบัตรเชิญ แต่ผู้คนในห้องจัดเลี้ยงรู้จักมู่เจาเจาและฉินหยุนหาน และโดยปกติแล้วพวกเขาได้รับเชิญให้เข้าไปอย่างเคารพ
ส่วนหวังฮ่าวหลานเป็นเพราะหวังเซียงมาก่อนล่วงหน้า
พีธีกรรับแขกรู้ว่าเขาเป็นบุตรชายของหวังกรุ๊ป
แม้ว่าพวกเขาจะกล้าหาญกว่านี้ร้อยเท่า พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะหยุดเขา
ทั้งสามคนได้รับเชิญให้เข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
แต่ไปได้ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงเอะอะด้านหลัง
“นักเรียนม.ต้นมาจากไหนเนี่ย”
“ข้าเป็นแขกที่ได้รับเชิญมาจากท่านมู่”
“แขกเหรอ? แล้วบัตรเชิญล่ะ? ”
“ไม่มีบัตรเชิญ”
“ไปให้ไกลถ้าไม่มีบัตรเชิญ ออกไปซะมันจะเกะกะแขกท่านอื่น”
“เจ้านี่มันสายตาสุนัขจริงๆ แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ข้าเข้าไป อย่าเสียใจล่ะ ”
“ไปไกลๆ อย่าขวางทางประตู”
“ข้าไม่ได้ขวางทาง ข้าจะรออยู่ตรงนี้แล้วเจ้าจะรู้เอง!”
“นายนี่อวดดีจริงๆ ฉันจะรอดูว่าจะอวดดีได้นานสักแค่ไหน”
หวังฮ่าวหลาน ฉินหยุนหาน และมู่เจาเจามองย้อนกลับไปและเห็นเสี่ยวอี้เฟิง
ฉินหยุนหานและมู่เจาเจาทั้งสองประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประหลาดใจที่เสี่ยวอี้เฟิงปรากฏตัวที่นี่
หวังฮ่าวหลานดูตามปกติไม่แปลกใจเลย
งานเลี้ยงวันเกิดที่มีนางเอกทั้งสองคนพร้อมกันจะขาดตัวเอกที่ไม่ได้มาแกล้งทำเป็นโดนดูถูกได้ยังไง?
“เจ้านั่นมาทําอะไรที่นี่ มันไม่ได้ตามเรามาใช่ไหม” ฉินหยุนหานรู้สึกรําคาญเมื่อเห็นเสี่ยวอี้เฟิง
“เขาดูไม่ได้สังเกตเห็นเรานะคงไม่ได้ตามเรามาหรอก” มู่เจาเจากล่าว
“ช่างเถอะ ไม่สําคัญหรอก เขาเข้ามาไม่ได้อยู่แล้ว ไปหาปู่เธอกันเถอะ” ฉินหยุนกล่าวอย่างเย็นชา
ฉินหยุนหนานและมู่เจาเจาก้าวออกไป
หวังฮ่าวหลานไม่ได้จากไป
ตั้งแต่ตัวเอกมางานฉลองวันเกิดเขาจะไม่ได้เข้ามาได้อย่างไร?
พีธีกรรับแขกที่มีทัศนคติไม่ดีนี้น่าจะเป็นคนเครื่องมือที่จะโดนถูกฉีกหน้า
เมื่อคิดเช่นนี้หวังฮ่าวหลานก็เดินไปที่ประตูห้องจัดเลี้ยงทันที
“ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้ ให้เขาเข้ามา” หวังฮ่าวหลานพูดกับพีธีกรรับแขก
“ครับ นายน้อย” ผู้ตอนรับไม่ได้ยึกยักอะไร พยักหน้าโดยตรงด้วยความเคารพและไม่ปิดกั้นทางเสี่ยวอี้เฟิงอีกต่อไป
[ติ๊ง โฮสต์ป้องกันตัวเอกเสี่ยวอี้เฟิงฉีกหน้าหน้าของพีธีกรรับแขก ได้รับ 200 แต้มตัวร้าย!]
หวังฮ่าวหลานได้รับรางวัลเล็กๆ น้อยๆ อย่างมีความสุข
แล้วตัวเอกที่อยากจะแสร้งทําเป็นฉีกหน้าต่อหน้าฉันน่ะเรอะ
ไม่มีทางหรอก!
MANGA DISCUSSION